บท
ตั้งค่า

บทที่12 คุยกับบ้านกัว

กัวเหม่ยอิงใช้รถเข็นที่ให้พี่ชายทำขึ้นให้ในการเข็นไหครึ่งหนึ่งไปล้างในแม่น้ำ อันที่จริงมันก็อยู่ไม่ไกลหรอก แต่จะให้หอบไปทีละไหก็กลัวว่าจะเสียเวลา

เพราะรถเข็นมีขนาดเล็กไหนจะจำนวนไหที่เยอะอีก กัวเหม่ยอิงจึงแบ่งครึ่งไปล้างสองรอบ โดยเธอใช้น้ำผสมขี้เถ้าที่ผสมไว้ล้างถ้วยชามกับกาบมะพร้าวในการขัดไห ขี้เถ้ามีฤทธิ์เป็นด่างช่วยลดคราบมันได้

ด้วยความที่เป็นช่วงบ่ายจึงไม่มีใครมาใช้น้ำ น้ำในแม่ที่คนในหมู่บ้านใช้ทุกวันจึงใสมาก แต่หากเป็นช่วงเย็นหลังเลิกงานน้ำจะขุ่นเพราะคนในหมู่บ้านจะมาอาบน้ำและซักผ้าที่นี่ ใครบ้านอยู่ใกล้ก็ดีไปเพราะใครอาบน้ำก่อนก็จะได้อาบน้ำที่ใสกว่า

กัวเหม่ยอิงล้างไหเสร็จก็คว่ำทิ้งไว้บนรถเข็น พอล้างครบก็เข็นกลับบ้าน จากนั้นก็เอาไปคว่ำทิ้งไว้ที่หลังบ้าน เวลาจะใช้ค่อยนำไปต้มฆ่าเชื้อในน้ำที่เดือดก็ใช้ได้แล้ว อันที่จริงในยุคนี้คนในหมู่บ้านต่างไม่มีขั้นตอนเยอะแบบนี้หรอก เพราะนอกจากเปลืองน้ำแล้ว ยังเปลืองฟืนอีก เธอทำแบบนี้อยู่สองรอบก็ล้างไหครบทั้งหมดสามสิบไห

“ล้างเสร็จแล้วเหรอคะ ฉันว่าจะไปช่วยพอดี” สะใภ้รองที่เดินออกจากห้องแม่สามีถาม

“อืม” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า

กัวเหม่ยอิงเดินเข้าครัวพร้อมกับสะใภ้รอง ทั้งสองช่วยกันนำหน่อไม้ขึ้นนึ่งบนเตา ประมาณครึ่งชั่วโมงก็สามารถนำมาใส่ไหได้แล้ว

“ฉันได้ยินคุณแม่ว่าพี่จะจ้างคนถอนหญ้า” สะใภ้รองเอ่ยถาม

“ใช่ จริง ๆ มันต้องเริ่มถอนแล้ว แต่ฉันลืม” กัวเหม่ยอิงตอบ วันนั้นที่กัวเหม่ยอิงจะไปถามบ้านกัวเธอกลับลืม พอนึกได้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว

“ค่ะ”

หน่อไม้ที่ต้มในวันนี้สามารถเก็บใส่ไหได้ถึง 10 ไห และพวกเธอก็ใช้ฟืนสำหรับทำกับข้าวไปเยอะกว่าจะทำอะไรเสร็จ คงต้องไปหาฟืนมาเพิ่มเพราะดูเหมือนพวกเธอต้องใช้อีกเยอะ

เพราะยังไม่ถึงช่วงที่คนในหมู่บ้านเลิกงานกัน พอทำความสะอาดครัวและอุปกรณ์ต่าง ๆ เสร็จ กัวเหม่ยอิงกับสะใภ้รองจึงพากันแยกไปหานอนพักผ่อน เพราะช่วงดึกของทุกวันพวกเธอจะปลุกเด็ก ๆ ขึ้นมากินนมตลอด

ห้าโมงเย็นเป็นช่วงเลิกงานของทุกคน หลายคนเริ่มเดินกลับบ้านกันแล้ว ยิ่งกลับก่อนก็ได้พักก่อนคนอื่น แต่กัวเหม่ยอิงนั้นไม่ได้เร่งรีบออกไปพบกับครอบครัวเพราะพวกเขาชอบกลับบ้านหลังคนอื่น

“เดี๋ยวทุบไก่แห้งพวกนี้แล้วเอาไปตุ๋นรวมกับสาหร่ายและฟองเต้าหู้แห้งนะ เย็น ๆ คุณแม่คงจะกินอะไรไม่ได้มากเพราะช่วงบ่ายคุณแม่กินไข่ตุ๋นไปแล้ว” กัวเหม่ยอิงบอกสะใภ้รองที่รับหน้าที่ทำอาหารเย็นวันนี้ เพราะเด็ก ๆ ตื่นพร้อมกันพวกเธอจึงต้องแยกกันทำหน้าที่

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม่สามีกินข้าวมื้อบ่าย เพราะกัวเหม่ยอิงต้องการบำรุงแม่สามีเธอจึงจัดกับข้าวให้วันละห้ามื้อ มื้อเช้า ของว่างช่วงสาย มื้อกลางวัน ของว่างช่วงบ่าย และมื้อเย็น ที่จริงเธอจะทำมื้อดึกด้วยแต่แม่สามีห้ามไว้เพราะสิ้นเปลืองเกินไป

ในยุคแบบนี้คนในหมู่บ้านต่างกินข้าว 2 มื้อ เท่านั้น แต่ถ้าบ้านไหนไม่มีจริง ๆ

พวกเขาก็จะกินเพียง 1 มื้อ นั่นก็คือมื้อกลางวันและมื้อเย็น ส่วนตอนเช้านั้นคนในหมู่บ้านไม่กินกันเพราะต้องลงแปลงนาก่อนฟ้าสาง

“ให้ฉันทำเพิ่มไหมคะ? พี่จะไปบ้านกัวนี่” สะใภ้รองถามเมื่อนึกขึ้นได้

“อืม เธอช่วยทำเพิ่มหน่อยก็แล้วกัน ไหน ๆ ไก่ก็เหลือไม่มากแล้ว เธอทำให้หมดเลยก็ได้” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า

“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะตุ๋นไข่เพิ่มก็แล้วกัน แบ่งไปบ้านเดิมพี่ด้วย” สะใภ้รองไม่ว่าเปล่าเธอยังเดินไปเอาไข่มาเพิ่มอีก

กัวเหม่ยอิงส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับห้อง สะใภ้รองนั้นไม่ว่าเธอจะว่ายังไงหล่อนก็ว่าตาม แม้จะเอาเปรียบหล่อนอยู่บ้างที่ทำไปให้บ้านเดิมแต่สะใภ้รองก็ไม่ได้ว่าอะไร ช่วยไม่ได้นี่

บ้านเดิมของสะใภ้รองนั้นอยู่หมู่บ้านข้าง ๆ แต่หลังจากมีข่าวว่าน้องชายรองบาดเจ็บพวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก

สะใภ้รองจัดกับข้าวใส่ตะกร้าให้คนเป็นพี่สะใภ้เพราะกัวเหม่ยอิงอุ้มลูกสาวอยู่ ก่อนจะยื่นให้กับกัวเหม่ยอิง

“ถ้ามันดึกพี่ก็นอนบ้านนู้นก็ได้เลยนะคะ” สะใภ้รองบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะในหมู่บ้านยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ตอนกลางคืนมันจึงมืด แต่ก็ยังพอมีแสงสว่างจากดวงจันทร์และดาวบนท้องฟ้าอยู่ แล้วก็มีไฟที่คนในหมู่บ้านเผาขยะหรือไม่ก็จุดให้สว่างอีก แต่มันก็มืดอยู่ดีกับสตรีและเด็ก

“ได้” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า ต่อให้เธอกลับมาที่บ้านก็คงจะให้พี่ชายมาส่งเธออยู่ดี พวกเขาไม่ยอมปล่อยเธอกลับคนเดียวหรอก

กัวเหม่ยอิงสะพายตะกร้าไม้สานขึ้นหลัง ในนั้นมันมีไหใส่หน่อไม้ที่ต้มแล้วอยู่ 2 ไห ส่วนในมือของเธอนั้นข้างหนึ่งอุ้มลูกสาวที่ถูกห่อผ้าไม่ให้น้ำค้างตกใส่ ส่วนอีกข้างก็ถือตะกร้ากับข้าว เดินมุ่งหน้าไปยังบ้านกัว

แน่นอนว่าตอนที่เธอเดินผ่านนั้นมีคนในหมู่บ้านนั่งพักกันอยู่ พวกเขาย่อมต้องเห็นเธอเดินหอบของกลับบ้านเดิม ซึ่งหากเป็นกัวเหม่ยอิงคนก่อนเธอย่อมไม่เป็นแบบนี้ แต่นี่เป็นกัวเหม่ยอิงคนใหม่เธอจึงไม่แคร์ใคร

“ลูกสาวห้า!” แม่กัววิ่งมารับของจากลูกสาวทันทีที่เห็นกัวเหม่ยอิงแบกของมาที่บ้าน ในอ้อมแขนยังมีหลานสาวของนางอีก

ใบหน้าของกัวเหม่ยอิงเต็มไปด้วยเหงื่อเพราะอากาศมันร้อน ไหนจะข้าวของที่ถือมาอีก เธอจึงไม่ปฎิเสธที่จะส่งของให้แม่กัว แล้วอุ้มลูกสาวมานั่งพักบนแคร่หน้าบ้าน

“ร้อน ๆ แบบนี้ยังจะมาอีก ทำไมไม่ให้คนมาเรียกพี่ชายลูกไปหา” แม่กัวบ่น แต่ในมือของหล่อนนั้นหยิบเอาพัดที่วางอยู่มาพัดให้ลูกสาวกับหลานสาว

“ขอบคุณค่ะ พอดีฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยน่ะค่ะก็เลยเดินมาเอง” กัวเหม่ยอิงก้มหัวขอบคุณแม่กัวพร้อมกับบอกความต้องการ

แม่กัวส่ายหัวพลางมองกับข้าวในตะกร้า “ลูกจะลำบากเอากับข้าวมาทำไม? ที่บ้านได้กินเนื้อทุกวันอยู่แล้ว” แม่กัวว่า

ช่วงนี้ที่บ้านกัวได้กินเนื้อทุกวันจริง ๆ ไม่รู้ว่าลูกชายคนโตมีดวงหรือมีใครสงสาร พอลูกชายคนโตกลับมาบ้านทีไรมักจะมีสัตว์ติดมือกลับมาด้วยตลอด แต่พวกเขาไม่ได้เอาไปให้ลูกสาวเพราะต้องแบ่งบางส่วนไปแลกของในสหกรณ์มาใช้ในบ้าน และเป็นลูกสาวเองที่บอกไม่ต้องเอาไปให้

“สะใภ้รองกลัวว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะไม่ได้กินของดี ๆ น่ะค่ะ ก็เลยทำมาให้” กัวเหม่ยอิงบอกพลางยิ้ม ๆ

ต้องบอกว่าสะใภ้รองนั้นเข้ากับคนบ้านกัวได้มาก เพราะความช่วยเหลือต่าง ๆ หรือเวลาลงแปลงนาหล่อนก็จะมาอยู่รวมกับบ้านกัวจึงไม่แปลกที่จะมีความสนิทสนม

แม่กัวส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม “ถางเจียก็จริง ๆ ” แม่กัวว่า แล้วหันมาคุยกับลูกสาวคนเล็ก “พี่สาวของลูกทำกับข้าวอยู่ในครัว ส่วนพ่อกับพี่ ๆ พากันไปอาบน้ำคงใกล้จะกลับแล้ว”

เป็นปกติที่พวกผู้ชายจะไปอาบน้ำตอนมืด ๆ เพราะช่วงเย็นจะให้พวกผู้หญิงไปอาบน้ำหรือซักผ้า แต่จะดีหน่อยก็ครอบครัวที่มีน้ำใช้หรือมีใครหาบน้ำให้มาอาบที่บ้าน ซึ่งผู้หญิงบ้านกัวก็จะเป็นแบบนั้น พวกเธอจะซักผ้าหลังจากกลับมาจากแปลงนา พอซักเสร็จก็จะมาทำกับข้าวให้พวกผู้ชายในบ้านไปอาบน้ำและหาบน้ำมาให้อาบ

แต่ก็มีหลายครั้งที่ทุกคนจะไปอาบน้ำในแม่น้ำ อย่างช่วงฤดูร้อน หรือวันไหนที่เหนื่อย ๆ

“น้องสาวห้า!”

เป็นเสียงตะโกนของผู้ชายที่กัวเหม่ยอิงไม่รู้จักแต่ก็คุ้นหูเหมือนเคยได้ยินมาก่อน “พี่รอง!”

พ่อกัวแม่กัวมีลูกห้าคน ผู้ชายสองผู้หญิงสาม โดยมีพี่ใหญ่กัวเป็นพี่คนโต คนต่อมาเป็นพี่สาวใหญ่ และพี่สาวอีกคนเป็นพี่สาวรอง ต่อมาก็เป็นพี่ชายคนรอง และคนสุดท้ายก็เป็นกัวเหม่ยอิง

ในยุคนี้ทุกบ้านจะแบ่งเรียกเป็นผู้หญิง ผู้ชาย อย่างที่บ้านกัวก็แบ่งเหมือนกันแต่ส่วนมากทุกคนจะชอบเรียกกัวเหมือนอิงว่าน้องห้าหรือน้องสาวห้า แทนน้องสาวสามเพราะเป็นลูกคนเล็กของบ้าน

พี่ชายคนรองของกัวเหม่ยอิงนับว่าหน้าตาดีกว่าพี่ชายคนโต อันที่จริงต้องบอกว่าพี่น้องบ้านนี้นั้นหน้าตาดี แต่เพราะต้องทำงานตากแดดทุกวัน มันจึงปกปิดความหล่อความสวยไปหมด

“ลูกมาทำอะไรที่นี่?” เป็นพ่อกัวถามขึ้นมา

กัวเหม่ยอิงหัวเราะ “เอาไว้เราค่อยคุยกันดีไหมคะ? วันนี้ฉันอยากจะกินข้าวด้วยน่ะค่ะ” กัวเหม่ยอิงตอบ

“ได้!” ทุกคนตอบ

กัวเหม่ยอิงมองพี่สาวคนโตกับพี่สาวคนรองถือกับข้าวออกมาแล้วได้แต่คิดในใจว่าน่าเสียดาย เพราะทุกคนทุ่มเทกับกัวเหม่ยอิงมากเกินไปจึงละเลยพี่สาวของเธออีกสองคน แม้จะเป็นพี่สาวที่เต็มใจให้เอาเงินสินเดิมออกมาใช้แต่มันก็ไม่ยุติธรรมกับพวกนาง

“นานแล้วที่เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันแบบนี้” พี่สาวใหญ่พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิัม

มันก็นานจริง ๆ ตั้งแต่ที่กัวเหม่ยอิงแต่งออกไปหากไม่ใช่ว่าต้องการอะไรเธอก็ไม่ได้กลับบ้าน กัวเหม่ยอิงพยักหน้าแล้วตอบกลับ “ก็คงตั้งแต่ฉันแต่งออกไป”

“สะใภ้รองบ้านหานทำกับข้าวอร่อยจริง ๆ ” แม่กัวว่าเมื่อได้ชิมน้ำแกงไก่ที่กัวเหม่ยอิงบอกให้สะใภ้รองต้มให้แม่สามี

“เพราะมีเครื่องปรุงเยอะก็เลยทำให้อร่อยค่ะ” กัวเหม่ยอิงว่าต่อ “พี่สาวทั้งสองก็ทำกับข้าวอร่อยนะคะ” จากนั้นเธอก็คีบเนื้อไก่ที่ถูกทบให้นิ่มก่อนต้มให้ผู้เป็นแม่

เสียงบนสนทนาระหว่างกินข้าวมื้อเย็นของบ้านกัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่ไม่ได้ยินมานานแล้ว วันนี้ทุกคนมีความสุขจริง ๆ ที่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้

หลังจากกินข้าวเสร็จกัวเหม่ยอิงจึงอาสาจะไปช่วยพี่สาวล้างจานแต่ก็ถูกปฎิเสธ และเป็นช่วงที่ลูกสาวหิวนมพอดีเธอจึงไม่ได้ช่วยล้างแล้วผสมนมป้อนลูกสาวแทน และเธอก็รอให้พี่สาวล้างจานเสร็จก่อนค่อยพูดถึงธุระที่มา

“ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะฉันคุยกับบ้านสามีแล้วว่าต้องการจะสร้างบ้านใหม่ในที่ดินของสามีฉัน แล้วที่ดินมันรกมากจึงอยากจ้างที่บ้านให้ถอนหญ้าให้ค่ะ” กัวเหม่ยอิงว่า

ทุกคนตาโตเพราะคำว่าสร้างบ้านใหม่ “ลูกคิดดีแล้วหรือ มันไม่น้อยเลยทีเดียวที่จะสร้างบ้านใหม่ อีกอย่างตอนนี้ลูกเขยก็ไม่อยู่แล้ว” เป็นพ่อกัวที่เอ่ยขึ้นมา

ไม่ใช่ว่าเขาอยากก้าวก่ายเรื่องในบ้านของลูกสาว แต่การสร้างบ้านนั้นมันใช้เงินไม่น้อยเลยจริง ๆ อีกอย่างตอนนี้ก็มีหลานสาวด้วย เงินที่ลูกเขยหาให้ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน

กัวเหม่ยอิงพยักหน้า “ฉันพอมีอยู่น่ะค่ะ ตอนนี้ที่บ้านเดิมมันผุมากแล้ว ไม่ปลอดภัยเอาซะเลย วันนั้นที่บ้านใหญ่ไปเคาะประตูมันเกือบจะพัง ฉันกลัวว่าพวกเขาจะเข้าไปทำร้ายพวกเราค่ะ” เธอทำหน้าเศร้า

“เดี๋ยวพวกเราจะไปถอนหญ้าให้ ไม่เอาเงินหรอก” แม่กัวว่า เรื่องอะไรที่พวกนางจะเอาเงินจากลูกสาว พวกนางถนอมลูกสาวมาอย่างดีย่อมต้องการให้หล่อนอยู่อย่างสบาย

กัวเหม่ยอิงปฎิเสธ“ได้ยังไงกันล่ะคะ แต่ก่อนฉันก็มาเอาเงินที่บ้านไปเยอะแล้ว ถ้าให้ทุกคนไปทำฟรี ๆ อีกคนอื่นจะว่าให้ฉันยังไงบ้าง” เพราะแม้เธอจะไม่ค่อยพูดแต่กัวเหม่ยอิงคนก่อนเป็นคนห่วงหน้าห่วงตาเหมือนกัน

“แค่เรื่องนี้พวกเราช่วยลูกอยู่แล้ว” พ่อกัวว่า

“พี่ชายพี่สาวของฉันควรจะแต่งงานได้แล้วนะคะ แต่ก่อนฉันเอาเงินที่บ้านไปเยอะแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่คิดที่จะให้พี่ ๆ แต่งงานบ้างเหรอคะ ฉันจ้างครั้งนี้แม่ก็เก็บเงินไปหาพี่สะใภ้กับพี่เขยให้พี่ ๆ” กัวเหม่ยอิงบอก

พี่ชายใหญ่ปฎิเสธ “พี่อายุเยอะแล้วไม่เอาหรอก” ตั้งแต่น้องสาวคนเล็กเกิดมา

เขาก็ไม่มีความคิดที่จะแต่งงานเลยเพราะต้องการส่งเสียให้น้องสาวคนเล็กได้อยู่ดี ๆ

กัวเหม่ยอิงส่ายหัว“ตอนนี้ก็คงไม่เป็นอะไร แต่พี่อย่าลืมสิคะว่าพอแก่ตัวลงถ้าไม่มีลูกหลานจะอยู่กันยังไง”

พ่อกัวกับแม่กัวเงียบเพราะพวกเขาลืมคิดเรื่องนี้ไปจริง ๆ หากจะพึ่งพาหลานสาวอย่างเสี่ยวลู่น้อยก็เป็นไปไม่ได้เลย เพราะหล่อนเป็นคนสกุลหาน และสุดท้ายพอโตขึ้นก็ต้องแต่งออกไป

เธอว่าเสริม “ไม่งั้นพ่อกับแม่ก็ลองหาแม่ม่ายหรือพ่อม่ายดี ๆ สักคนแล้วแต่เข้าบ้านเถอะค่ะ ถ้าเขายินดีก็ถือว่าดีแล้ว ยังไงพอแก่ตัวไปก็ต้องมีคนดูแล อีกอย่างพ่อกับแม่ก็ควรที่จะหยุดลงแปลงนาได้แล้ว”

“เดี๋ยวแม่จะลองคิดดู” แม่กัวตอบ

“แล้วถ้าเกิดว่าจะถอนหญ้า ทุกคนต้องหยุดงานในแปลงนาไปก่อนนะคะ ฉันไม่อยากให้ทุกคนโหมงานหนักเกินไป” กัวเหม่ยอิงบอก

“เดี๋ยวพวกเราจะลองปรึกษากันก่อน” พ่อกัวพยักหน้า

พี่สาวรองที่เงียบพูดขึ้นมา “แล้วน้องสาวห้ากับหลานสาวจะนอนที่นี่ไหม พี่จะได้เตรียมห้องให้”

เพราะห้องที่นี่มีเพียง 4 ห้อง ห้องแรกเป็นของพ่อกัวแม่กัว ห้องที่สองเป็นห้องของลูกชาย ห้องที่สามเป็นห้องของลูกสาวทั้งสอง ส่วนห้องที่สี่เป็นห้องเก่าของกัวเหม่ยอิง แต่หลังจากที่เธอแต่งออกไป ห้องนั้นก็กลายเป็นห้องเก็บของ

กัวเหม่ยอิงส่ายหัว “คงไม่รบกวนค่ะ ฉันกับลูกจะกลับไปนอนที่บ้าน”

“งั้นให้พี่ชายของลูกไปส่งเถอะ ดึกแล้ว”

“ได้ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel