บท
ตั้งค่า

บทที่11 ซื้อไหเพิ่ม

น้องชายสามกลับไปเรียนได้หลายวันแล้ว กลับไปพร้อมกับความหวังของกัวเหม่ยอิงที่อยากจะได้อิฐมาสร้างบ้านหลังใหม่ แม้ในใจของหานหรงอี้อยากจะปฎิเสธแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้พี่สะใภ้ก็เป็นคนดูแลคนในบ้าน จึงต้องพยักหน้ารับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สะใภ้รองห่อของกินให้น้องชายของสามีตามคำสั่งของพี่สะใภ้ ไม่ว่าจะเป็นไก่ตากแห้ง เห็ดตากแห้ง และหน่อไม้ที่ต้มใส่ไหไว้ กัวเหม่ยอิงให้เขาเอาไปให้สหาย 1 ไห เพื่อขอบคุณที่ช่วยดูแลหลานสาว พร้อมกับเงินที่ให้น้องชายของสามีไปใช้อีก 50 หยวน โดยที่กัวเหม่ยอิงบอกให้เขาใช้เต็มที่จนกว่าจะเรียนจบ และบางทีอาจต้องใช้เงินหาอิฐจำนวนมาก หากไม่พอค่อยกลับมาที่บ้าน

เล้าไก่ถูกซ่อมแซมจนแข็งแรงและทนทาน เธอเสียเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่าเชือกเท่านั้น จากนั้นจึงทำความสะอาดเล้าไก่ โดยนำมูลไก่ไปทำปุ๋ยใส่แปลงผัก ส่วนแปลงผักกัวเหม่ยอิงกลัวว่าจะไม่ทันหากให้น้องชายสามีเป็นคนทำ เธอจึงจ้างพี่ชายของเธอมาทำแปลงผักให้ใหม่ โดยให้วันละ 1 หยวน และทำอย่างอื่นอีกจึงใช้เวลาสองวัน กัวเหม่ยอิงจึงจ่ายเงินให้ผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งแน่นอนว่าถูกปฎิเสธเพราะเขาต้องการช่วยน้องสาวเท่านั้น

แต่กัวเหม่ยอิงรู้ว่าพี่ชายจะปฎิเสธจึงให้สะใภ้รองเป็นคนนำเงินไปให้ เพราะพี่ใหญ่กัวมาทำแปลงผักให้พวกเธอเขาจึงต้องหยุดงานในแปลงนาทำให้เสียรายได้ไป อีกอย่างเงินค่าจ้างนั้นเธอได้ปรึกษาแม่สามีกับน้องสะใภ้แล้ว

ส่วนฟืนกัวเหม่ยอิงไม่ได้กลัวว่าจะไม่มีใช้เพราะช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูหนาวหรือฤดูฝน ฟืนที่บ้านมันก็เพียงพอให้พวกเธอใช้ได้ไปอีก 1 เดือน และช่วงนั้นน้องชายสามคงจะเรียนจบและกลับบ้านแล้ว ต่อให้หมดแล้วน้องชายสามยังไม่กลับมาพวกเธอก็ยังไปหาฟืนได้

“พี่สะใภ้จะให้ฉันไปซื้อไหเลยไหมคะ?” สะใภ้รองหันมาถามกัวเหม่ยอิงที่ล้างทำความสะอาดคราบดินบนหน่อไม้ที่ขุดมา

“อืม เงินพอหรือเปล่า” กัวเหม่ยอิงพยักหน้าพร้อมกับยื่นเงิน 20 หยวน กับคูปองบางส่วนให้สะใภ้รอง

“พอค่ะ ฉันจะไปยืมเกวียนป้าจางไปซื้อ” สะใภ้รองพยักหน้า

กัวเหม่ยอิงพาสะใภ้รองเข้าไปเก็บหน่อไม้ระหว่างที่เด็ก ๆ หลับ และให้แม่สามีเป็นคนดูแลพร้อมกับล็อคกุญแจบ้านอย่างดี เพราะปล่อยให้เด็กเล็กกับคนป่วยอยู่ด้วยกันพวกเธอจึงใช้เวลาขุดหน่อไม้ไม่นาน ไหยี่สิบกว่าไหเต็มไปด้วยหน่อไม้ที่ต้มไปก่อนหน้านี้แล้ว กัวเหม่ยอิงจึงให้สะใภ้รองไปซื้อไหมาเพิ่มเพราะไม่มีไหใส่แล้ว และต้องเข้าไปซื้อในตำบลจึงต้องใช้เกวียนในการขน

“เธอให้สะใภ้รองไปไหน” แม่สามีถามขึ้นเมื่อกัวเหม่ยอิงยกข้าวมื้อกลางวันเข้ามาให้

ส่วนเด็ก ๆ ก็นอนในห้องของน้องชายสามเพราะห้องของเธอกับห้องสะใภ้รองทำความสะอาด

“ฉันให้หล่อนออกไปซื้อไหให้น่ะค่ะ” กัวเหม่ยอิงยิ้ม ปกติแล้วกับข้าวทุกมื้อจะเป็นสะใภ้รองที่ยกเข้ามาให้แม่สามีจึงไม่แปลกที่นางจะถาม

แม่สามีส่ายหัว “ไหที่บ้านก็มีมากมาย เธอจะใช้เงินซื้อมาอีกทำไม” แม้นางจะอยู่ในห้องแต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่รับรู้อะไร

“มันเต็มไปด้วยหน่อไม้แล้วค่ะ มันไม่พอฉันจึงต้องซื้อเพิ่ม” กัวเหม่ยอิงอธิบายพร้อมกับสำรวจแม่สามี

แม่สามีมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา กัวเหม่ยอิงจึงต้องถามเอง

“คุณแม่อยากจะถามอะไรคะ”

“เธอจะทำอะไร”

“คุณแม่พูดอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ” กัวเหม่ยอิงถามย้ำ

“หน่อไม้เป็นของหายากสำหรับคนในหมู่บ้าน แต่สำหรับคนในเมืองมันอาจหาง่าย สัปดาห์นี้เธอกับสะใภ้รองเข้าไปหาหน่อไม้มาต้มเก็บไว้มันสามารถเก็บไว้กินได้อีกนานก็จริง แต่คงไม่มีใคร ไม่มีบ้านไหนที่จะเก็บไว้มากขนาดนี้” แม่สามีว่า

หน่อไม้ 2 ชั่ง สามารถนำไปแลกไข่ไก่ได้ 1 ฟอง มีคนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยที่นำไปแลกไข่ในสหกรณ์ของหมู่บ้านเพื่อนำไปให้เหล่าสะใภ้ที่ตั้งครรภ์หรือไม่ก็เหล่าหลานชาย จะว่าจำนวนไม่น้อยก็ไม่ถูก ต้องบอกว่าหากมีใครได้ 2 ชั่ง พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะเอาไปแลกไข่

“คุณแม่คิดมากไปแล้วค่ะ ที่บ้านเราก็มีไข่ไก่ไว้กินได้อีกหลายวัน ฉันจึงไม่เห็นประโยชน์ที่จะเอาหน่อไม้หลายชั่งไปแลกไข่ไก่ที่เรามีอยู่” กัวเหม่ยอิงตอบอย่างไม่ลังเล

“เธอคิดว่าฉันจะดูไม่ออก?” ต้องบอกว่าหลังจากล้มป่วยไป สะใภ้ใหญ่ของก็เปลี่ยนไปมาก

แต่ก่อนสะใภ้ใหญ่นั้นจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดค่อยจากับใคร แม้แต่กับนางก็กว่าจะได้คุยกันอย่างสนิทสนมก็ใช้เวลาหลายปี และกับบ้านใหญ่ของสามีแล้วลูกสะใภ้ของนางก็ไม่อยากมีปัญหาด้วย ไม่รู้ว่าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาแต่ไหนถึงกล้ามีปากมีเสียงด้วย

“คุณแม่คะ ตอนนี้ที่บ้านเราไม่มีข้าวชามเหล็กให้เกาะแล้ว น้องชายรองเราก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง น้องชายสามก็เรียนยังไม่จบ เหล่าหลานสาวของคุณแม่ก็ยังเล็ก ฉันกับน้องสะใภ้ก็ต้องดูแลเด็ก ๆ เราจะมีเงินจากไหนมาใช้” กัวเหม่ยอิงยิ้ม

“นี่เธอ….” แม่สามีอ้าปากค้างมองเธออย่างตะลึงเมื่อรู้คำตอบ

“คุณแม่ลองคิดดูสิคะ ตอนนี้เรายังพอมีเงินอยู่ก็จริงค่ะ แต่มันก็ต้องหมดไป เราจึงต้องหาทางหาเงิน”

“เธอรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหากถูกจับได้” ทหารแดงในอำเภอนั้นมีไม่ต่ำกว่าสิบ และพวกเขาก็พร้อมจะกระโจมใส่หากพวกเธอทำผิด

กัวเหม่ยอิงพยักหน้า“ฉันรู้ค่ะ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันมีวิธีค่ะ”

แม่สามีถอนหายใจ“เอาเถอะ ถึงฉันจะห้ามก็คงไม่ทันแล้ว”

สะใภ้รองย่อมต้องเชื่อฟังสูกสะใภ้คนโตมากกว่าแม่สามีอย่างนาง หากจะไม่ให้ทำก็กลัวว่าจะถูกลูกสะใภ้ไม่ให้กินข้าว ถึงแม้จะรู้ว่าพวกนางจะไม่ทำก็ตาม

“ฉันกับสะใภ้รองคงต้องออกไปขุดหน่อไม้ เด็ก ๆ ก็เริ่มโตขึ้นทุกวัน ฉันจะให้คุณแม่มาอยู่ดูแลระหว่างที่พวกฉันไม่อยู่บ้านนะคะ” อย่างน้อยมีคนที่เดินเหินอยู่บ้านด้วยเธอจะสบายใจมากกว่า

“จะไปลำบากพี่สะใภ้กัวได้ยังไง” แม่สามีว่าอย่างเกรงใจ

กัวเหม่ยอิงส่ายหัว“แค่ฉันพูดคุณแม่ก็มาแล้วค่ะ แต่ฉันจะจ่ายเงินค่าจ่ายให้คุณแม่ที่มาอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่เอง อีกอย่าง” เธอเว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อ “ฉันจะจ้างคนบ้านบ้านกัวถอนหญ้าในที่ดินใต้เขาค่ะ”

“มันต้องใช้เงินมากแน่ ๆ ” แม่สามีกล่าวอย่างลังเล

“ฉันจะสร้างบ้านค่ะ บ้านหลังนี้ถ้าเรายังอยู่ต่อจะไม่ปลอดภัย อีกอย่างฉันให้น้องชายสามหาอิฐแล้ว ถ้าให้ฉันกับน้องสะใภ้ไปถอนหญ้าสองคน ต่อให้อีกเป็นเดือนก็คงไม่เสร็จ” กว่าเหม่ยอิงอธิบาย

เรื่องค่าจ้างแน่นอนว่าเธอเอามาบังหน้าเฉย ๆ เธอจะให้พวกเขาวันละ 1 หยวนต่อคน ถ้าเป็นคนอื่นคงจะได้วันละ 1 เหมาเท่านั้น และเธออยากจะเอาเงินที่เธอเอามาจากบ้านเดิมคืนไปแต่ถ้าเธอเอาเงินไปคืนมันคงจะแปลก จ้างให้ทำงานที่บ้านให้มันก็คงจะดีที่สุด

อีกอย่างพี่สาวสองคนของเธอต่างก็ยังไม่ได้แต่งงาน

ทั้ง ๆ ที่หากเป็นคนอื่นตอนนี้มีลูกไปเป็นโหลแล้ว เรื่องนี้มันก็เป็นความผิดของเธอที่ทำตัวเองให้สูงและเหยียบย่ำคนที่บ้านให้ต่ำลง พี่สาวของเธอทำงานหนักมาหลายปี ควรที่จะได้พักผ่อนแล้ว

แต่จะว่าไปตั้งแต่ที่ถิงถิงเข้ามาอยู่ที่นี่ นอกจากคนเป็นแม่และพี่ชายคนโต เธอยังไม่ได้เห็นหน้าผู้เป็นพ่อและพี่สาวพี่ชายที่เหลือเลย

“เธอมีเงินขนาดนั้น!?”

“สามีของฉันซ่อนมันเอาไว้ให้ส่วนหนึ่งน่ะค่ะ” กัวเหม่ยอิงพยักหน้าพร้อมกับอ้างชื่อของสามี

สามีของเธอเป็นทหารย่อมมีเงินเดือนเธอจะเก็บเงินเอาไว้ก็ไม่แปลก เพราะหลายบ้านมันก็เป็นแบบนี้ ต่อให้รักครอบครัวแค่ไหนแต่ก็ต้องรักครอบครัวตัวเองมากกว่าอยู่ดี

“เอาเถอะ เธอจะทำอะไรฉันก็คงห้ามไม่ได้ แต่เธออย่าลืมว่าเธอมีลูกสาวกับหลานสาวที่ต้องดูแล” แม่สามีพยักหน้าพลางถอนหายใจ

ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าในอดีตลูกสะใภ้ไปเอาเงินจากบ้านเดิมมาจุนเจือในครอบครัว และคนบ้านกัวหากได้อะไรดี ๆ ก็จะเอามาแบ่งปันบ้านของพวกนางตลอด นางจึงไม่ห้ามหากลูกสะใภ้ต้องการจ้างบ้านเดิมทำงานให้

เนื่องจากไหเต็มหมดแล้วกัวเหม่ยอิงจึงยังไม่นำหน่อไม้ที่ล้างเสร็จขึ้นต้ม หน่อไม้ที่ปอกบางส่วนเธอก็นำแยกออกมาไว้ในตู้ ในตอนเย็นเธอจะนำไปให้ที่บ้านเดิมพร้อมกับคุยเรื่องที่เธอได้คุยกับแม่สามีไป

กัวเหม่ยอิงแยกเงินที่เอามาจากบ้านเดิมออกมาไว้ต่างหากที่จำได้ในความทรงจำ ต้องบอกว่ามันไม่น้อยจริง ๆ เงินที่เธอเอามานั้นไม่ต่ำกว่า 1,000 หยวน มันไม่แปลกเลยที่คนบ้านกัวจะไม่มีเงิน นอกจากส่งเธอเรียนแล้วพอเธอแต่งงานก็ต้องยอมให้เธอเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัวของสามีอีก

ที่น่าแปลกก็คือคนในบ้านก็ยอมกัวเหม่ยอิงทุกอย่าง แม้แต่เงินที่เก็บไว้แต่งสะใภ้ หรือเงินสินเดิมที่เก็บไว้ให้เหล่าลูกสาวที่จะแต่งออกไปก็ยังยอมให้กัวเหม่ยอิงเอามาใช้

กัวเหม่ยอิงสะบัดหัวทิ้งเรื่องราวที่น่าปวดหัวแล้วออกไปล้างมือเช็ดให้แห้ง ก่อนจะเข้าไปหาลูกสาวในห้องของน้องชายสาม

ถ้าเป็นบ้านอื่นคงมีปัญหาแน่ที่เธอเดินเข้าห้องคนอื่นแบบนี้ แต่เพราะห้องของเธอนั้นตอนกลางคืนมีลูกสาวนอนด้วย ในตอนกลางวันจึงต้องทำความสะอาดห้อง ห้องของสะใภ้รองเหมือนกัน พวกเธอจึงให้เข้าไปนอนในห้องของน้องชายสามแทน หากตื่นค่อยเอาไปให้แม่สามีเล่นด้วย หรือไม่ก็เอาออกมาเล่นที่หน้าบ้าน

เธอไม่ต้องการให้ลูกสาวกับหลานสาวอยู่แต่ในบ้าน ออกมาข้างนอกแม้จะมีคนจับตานินทาแต่เพื่ออากาศที่ปลอดโปร่งกว่ากัวเหม่ยอิงก็ยอม แม้อยากจะเดินไปถามว่ามองอะไรหนักหนาก็ตาม

เสี่ยวลู่กับเสี่ยวหนิงเลี้ยงง่ายมาก ทั้งสองไม่ร้องกันเลย เหมือนกับรู้ว่าถ้าร้องคนเป็นแม่และป้าจะลำบาก ทั้งสองจะร้องแค่เวลาหิวหรือไม่สบายตัวเท่านั้น

เสียงพูดคุยของสะใภ้รองกับผู้ชายวัยกลางคนดังขึ้นข้างนอกบ้าน กัวเหม่ยอิงที่อุ้มลูกสาวอยู่จึงดึงผ้าห่มให้หลานสาวแล้วอุ้มลูกสาวออกมาดูข้างนอก

“กลับมาแล้วเหรอ”

“พี่สะใภ้ เดี๋ยวฉันยกไหลงก่อนนะคะ”

กัวเหม่ยอิงพยักหน้าพร้อมกับนับจำนวนไหที่สะใภ้รองซื้อมา มันมีมากถึง 30 ไห และเป็นไหขนาดกลาง เธอเห็นสะใภ้รองจ่ายเงินค่าเช่าเกวียนไป 1 เหมา จากนั้นจึงปิดประตูลง โชคดีที่ทุกคนทำงานกัน ไม่อย่างนั้นพวกเธอก็ต้องมานั่งฟังเสียงบ่นของคนในหมู่บ้าน

“เยอะขนาดนี้?”

สะใภ้รองพยักหน้า “ 1 หยวน สามารถซื้อได้ 2 ไห แต่ฉันกลัวว่าเกวียนจะหนักจึงซื้อมาแค่นี้ค่ะ” และถ้ายัดมามากกว่านี้เกรงว่าไหจะแตกได้

“เธอไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปนึ่งหน่อไม้รอ” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า

นอกจากนึ่งหน่อไม้แล้ว เธอจะต้องนำไหไปล้างและนำไปต้มฆ่าเชื้อก่อน จึงต้องนำลูกสาวไปฝากแม่สามีไว้เพราะเธอไม่สามารถดูลูกสาวไป ทำงานไปได้

อีกอย่างไหพวกนี้มันก็เยอะ เธอจึงต้องนำไปล้างที่แม่น้ำจะดีกว่ามาใช้น้ำที่หาบมาใช้ภายในบ้าน และต่อให้ใช้น้ำในบ้านมันก็คงไม่พออยู่ดี ไหนจะต้องต้มฆ่าเชื้อ ต้มหน่อไม้อีก นำไปล้างที่แม่น้ำจึงดีที่สุด

“ถ้าเกิดเสี่ยวหนิงร้องก็เข้าไปดูหล่อนหน่อย คงใกล้จะตื่นแล้ว” กัวเหม่ยอิงบอกกับสะใภ้รองที่นั่งพักอยู่

“ได้ค่ะ” สะใภ้รองพยักหน้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel