บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 เหมาเกวียน

เวลาเที่ยงวันพอดี พวกเขาจึงเลือกซื้อของเสร็จ สามคนแม่ลูกหิวข้าว นางซื้อซาลาเปาไส้หมูสับกินรองท้องกับลูก ๆ ไปก่อน ส่วนผึ้งน้อยบินหายไปนานแล้วเพิ่งบินกลับมา

‘เจ้าหายไปไหนมา’

‘กินข้าวเที่ยง’

‘ที่ไหน’

‘ร้านขายขนมหวานทางโน้น’ มันกล่าวเสียงยืดยาว

‘เฮอะ อิ่มแปล้เลยสิ’

‘มากมาย’ กล่าวจบก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

เป็นผึ้งนี่มันดีจริง ๆ ไม่ต้องเสียเงินซื้อก็หากินได้แล้ว

ของที่ซื้อมีมากมาย ปรารถนาไม่อยากพึ่งพาผึ้งน้อยมากนัก เก็บของไว้ในมิติเพียงบางส่วนแล้วเดินไปที่เกวียนที่จอดรอคนที่จะกลับไปทางหมู่บ้านฟ้าโปร่ง

ข้างเกวียนเทียมวัวมีผู้โดยสารยืนรออยู่สามสี่คน เมื่อครบสิบคนแล้วเกวียนถึงจะออกจากท่า

ผู้โดยสารที่ยืนอยู่เห็นขอทานแม่ลูกเดินมาหนึ่งในนั้นก็รีบพูดขึ้น “ถ้ามีสามแม่ลูกนี้ไปด้วย ข้าไม่ขึ้นเกวียนเด็ดขาด”

“ข้าด้วย”

“ข้าด้วย”

“ข้าก็ด้วย”

ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน คนบังคับเกวียนก็ทำสีหน้ายุ่งยากใจเพราะกว่าจะได้ครบสิบคนก็ยากแล้ว ไหนเกวียนแต่ละเที่ยวถ้าคนไม่ถึงสิบต้องรอเกือบสองชั่วโมงถึงจะออกได้

“เช่นนั้นเกวียนเที่ยวนี้ข้าเหมาคนเดียวก็ได้ ท่านลุงเพ็งคิดค่าเดินทางเท่าไรเจ้าคะ”

ทุกคนที่ได้ยินต่างตาโต อ้าปากหวอ แต่ความรู้สึกของทุกคนย่อมแตกต่างกันออกไป มีเพียงลุงเพ็งเท่านั้นที่ดีใจจนออกนอกหน้า

“ข้าคิดห้าสิบเหรียญทองแดงเท่านั้น”

“ข้าตกลง” นางว่าพร้อมกับยกของขึ้นวางบนเกวียนหน้าตาเฉย จากนั้นอุ้มลูกทั้งสองขึ้นเกวียน แล้วนางก็ตามขึ้นไป เกวียนเคลื่อนออกไปอย่างช้า ๆ ปรารถนาไม่หันกลับมามองสายตาสับสนงุนงงของคนเหล่านั้นด้วยซ้ำ

วราลีหันกลับไปอ้าปากแลบลิ้นให้แล้วยิ้มเยาะ พูดออกมาเสียงดัง “สมน้ำหน้า”

ปิ่นหันขวับ “ท่านแม่ว่าอะไรนะเจ้าคะ”

“ข้าไม่ได้พูดสักหน่อย”

“แต่ข้าได้ยินเสียงเล็ก ๆ กล่าวว่าสมน้ำหน้า”

“เจ้าหูเพี้ยนกระมัง”

“น่าจะใช่ ข้าคงหิวข้าวมากเกินไป” นางเพิ่งกินซาลาเปาลูกใหญ่ไปสามลูกจะหิวได้อย่างไร

พ้นสายตาลูกสาวปรารถนาหันไปส่งสายตาตำหนิให้แก่บริวารตน วราลีทำท่าสำนึกผิดพูดเสียงอ่อย ‘ข้าขอโทษ’

ใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีปรารถนากับลูกก็กลับมาถึงบ้าน ลุงเพ็งช่วยปรารถนายกของลงจากเกวียนเข้าไปส่งถึงในบ้านด้วยความเต็มใจ เสร็จแล้วนางจึงจ่ายเงินค่าเดินทาง

เพ็งรับมาด้วยความยินดี “เจ้าคงได้เงินจากการขอทานมากสินะ” ปรารถนาไม่ได้ตอบทำเพียงยิ้มจาง ๆ กลับไป “ต่อไปถ้าเจ้าอยากจ้างเกวียนก็ให้ลูกเจ้าวิ่งไปบอก ข้าจะมารับ”

“ขอบคุณท่านลุงเจ้าค่ะ”

เพ็งเคลื่อนเกวียนจากไปปรารถนาจึงเดินเข้าบ้านไปทำอาหารให้ลูก ก่อนผึ้งจะจากไปเงินที่เหลือจากการซื้อของหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเหรียญทอง ห้าสิบเหรียญเงิน นางฝากไว้ในมิติผึ้งน้อย ที่ตัวนางมีเพียงสิบเหรียญเงินกับสามสิบเหรียญทองแดงเท่านั้น อ้อ ยังมีเงินที่นายท่านคนนั้นให้มาอีกห้าเหรียญทองกับสี่สิบเหรียญเงิน

‘ข้าขอไปงีบสักหน่อย ประเดี๋ยวข้าจะตื่นมาสร้างรัง’

‘ตามใจเจ้าเถอะ’

กล่าวจบทั้งสองก็จากกันตรงนั้น ปรารถนามองตามผึ้งน้อยก็เห็นรังผึ้งที่อยู่หน้าบ้านขึ้นมาเล็กน้อย นางยิ้มอ่อนก่อนสาวเท้าเข้าบ้านตามลูกไป

“ท่านแม่ข้าใส่ชุดนี้แล้วสวยหรือไม่เจ้าคะ”

“สวยมาก” นางยิ้มชื่นชมแล้วหันไปมองลูกชาย ‘เจ้าก็หล่อเช่นกัน’ ลูกทั้งสองยิ้มพอใจ ‘ข้าไปทำอาหารให้พวกเจ้าก่อน พวกเจ้าเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปแช่น้ำในถังไว้ก่อน’

ลูกชายลูกสาวรับคำและทำตามอย่างว่าง่าย

ปรารถนาปลีกตัวไปทำอาหารกลางวัน วันนี้นางจะทำผัดผักใส่เนื้อหมูกับต้มยำกระดูกอ่อนหมูใส่เห็ดฟาง

บ่ายสามของวันนั้นปรารถนาเพิ่งซักผ้าเสร็จ ลูกสองคนตัวเปียกปอนเพราะช่วยแม่ซักผ้า แต่พวกเขาก็สนุกไม่น้อยที่ได้เล่นน้ำ ปิ่นกับปืนช่วยแม่ตากผ้าอย่างทุลักทุเลเพราะตัวเตี้ย ยกผ้าก็ไม่ไหว ซ้ำยังเอื้อมมือไม่ถึงราวตากผ้า

นางจึงบอกลูก ‘พวกเจ้าไปนุ่งผ้าขนหนูแล้วแยกเสื้อผ้าชุดนี้ใส่ในตะกร้า ข้าจะอาบน้ำให้”

“เจ้าค่ะ” ปิ่นกล่าวเสียงใส ปืนพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้ววิ่งปรื๋อจากไปโดยเร็ว วันนี้ทั้งวันแม่พวกเขาใจดีที่สุด ไม่ดุด่าสักครั้งเดียว

ปรารถนาตากผ้าจนเต็มราวไม้ไผ่ทั้งสามราวยาว ๆ แดดช่วงบ่ายเข้มข้นจนผิวหนังเกือบไหม้แม้เป็นช่วงหน้าหนาว มีลมพัดโกรกมาเป็นระยะ อีกไม่ถึงสองชั่วโมงผ้าที่ตากไว้คงแห้งสนิท

นางผสมน้ำร้อนที่ต้มไว้จนกลายเป็นน้ำอุ่นแล้วอาบน้ำให้ลูกอย่างใจเย็น นางจับลูกนั่งในกะละมังไม้ใบใหญ่พอที่ลูกทั้งสองจะอาบน้ำได้พร้อมกัน ขี้ไคลที่เคลือบผิวหนังทั้งสองไว้เปื่อยยุ่ยออกมาเป็นริ้ว ๆ จนน้ำในกะละมังดำปี๋ เผยผิวขาวใสออกมาให้เห็นรำไร ปรารถนาฟอกสบู่ใช้ขุยมะพร้าวอ่อนนุ่มขัดตัวให้ลูกอย่างเบามือ จากนั้นเปลี่ยนน้ำอุ่นสะอาดอีกครั้งแล้วให้ลูกล้างตัว เป็นการอาบน้ำให้ลูกอย่างพิถีพิถันที่สุดเท่าที่เคยอาบมา ปืนส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาเป็นครั้งแรก เมื่อน้องสาววักน้ำใส่หน้า เห็นลูกทั้งสองผ่อนคลายนางก็สบายใจ

“พอได้แล้วเดี๋ยวพวกเจ้าจะเป็นหวัดเอา” อาบน้ำให้ลูกทั้งสองใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง นางถึงได้เห็นใบหน้าอันผุดผ่องที่แท้จริงของลูก จากนั้นนำเสื้อผ้าตัวใหม่มาสวมให้ลูก ก่อนจากไปนางยังประแป้งฝุ่นให้จนเนื้อตัวลูกส่งกลิ่นหอมฟุ้งออกมา ต่อจากนี้ไปใครก็คงว่าลูกนางตัวเหม็นไม่ได้อีก

ลูกทั้งสองงีบหลับ ปรารถนาผละไปอาบน้ำสระผมให้ตัวเองบ้าง สงสัยอาจจะนานกว่าอาบให้ลูก

ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มปรารถนาจึงอาบน้ำเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ค่อยรู้สึกว่าเนื้อตัวสะอาดขึ้นมาก นางเดินไปเก็บผ้าก่อนเดินไปดูลูกในห้องนอน ทั้งสองตื่นขึ้นมานั่งเล่นลูกเก็บบนพื้นแล้ว

ปิ่นกับปืนมองแม่ด้วยแววตาตื่นตะลึง ดวงตาสองคู่เบิกกว้าง มือไม้ของลูกชายพันกันอยู่ครู่หนึ่ง

“ท่านแม่สวยจัง” ตั้งแต่พ่อจากไปปิ่นไม่เคยเห็นแม่ประแป้งแก้มแดงปลั่ง ปากชมพูระเรื่อเช่นนี้ ชมดูแล้วคล้ายเถ้าแก่เนี้ยเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าที่แม่พาไปซื้อเมื่อเช้า ช่างงดงามตายิ่งนัก
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel