ตอนที่ 3 สามี
ซินอี๋มองซ้ายมองขวากล่าวออกเสียงกระซิบกระซาบ “คุณหนูจะทำอย่างไรเจ้าคะ สมรสพระทานหย่าไม่ได้นะเจ้าคะ”
“ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะหย่ากับเขาสักหน่อย” น้ำเสียงนั้นเย็นเยือกจนซินอี๋รู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง
“แล้วคุณหนูจะทำ…”
ชินอี๋กล่าวยังไม่ทันจบผู้เป็นนายจึงเอ่ยขึ้นก่อน “ข้าอยากหลับสักตื่น เจ้าเดินทางมาเหนื่อยทั้งวันก็ควรพักผ่อน”
“เจ้าค่ะ” ในเมื่อนางไม่อยากบอก สาวใช้อย่างนางจะทำอะไรได้ ภาวนาก็แต่อย่าให้ผู้เป็นนายคิดทำเรื่องที่ไม่สมควรก็เป็นพอ อย่างไรเรื่องของแม่ทัพหานก็เป็นเพียงข่าวลือ นายหญิงของนางควรเปิดใจให้เขาสักครั้ง อย่างน้อยเขาก็เป็นแม่ทัพผู้กล้าหาญสู้รบจนเอาแผ่นดินของแคว้นตนกลับมาได้
หลิวหนิงเจียวปิดเปลือกตาลงเบา ๆ ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง หากท่านพ่อของนางไม่บอกว่านางจะได้เป็นพระสนมของฮ่องเต้แคว้นซีเหลียงผูเมีหน้าตาหล่อเหลาแม้จะอายุมากกว่านางถึงยี่สิบห้าปีก็ตาม นางก็คงไม่ตกปากรับคำ ระหว่างการเดินทางไม่คิดว่าฮ่องเต้จะพระราชทานสมรสนางให้กับแม่ทัพอัปลักษณ์ผู้นั้น
ตอนนั้นสงครามระหว่างแคว้นซีเหลียงกับแคว้นเป่ยเอี้ยนกินเวลานานกว่าหกเดือนจึงรู้แพ้รู้ชนะ ชื่อเสียงของแม่ทัพปีศาจแห่งเมืองค่ายหวงซานไม่มีใครที่ไม่รู้จัก อีกทั้งข่าวลือเรื่องความโหดร้ายของเขาที่มีต่อสตรี และหน้าตาที่อัปลักษณ์ชวนให้น่ากลัวของเขาทำให้เขายังขาดคู่เรียงเคียงหมอนมาจนถึงตอนนี้ ไม่คิดว่าผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้นกลับเป็นนาง สวรรค์อิจฉานางถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
อันมามาออกจากเรือนดอกท้อก็รีบมารายงานฮูหยินผู้เฒ่าทันที
“เป็นอย่างไร” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามเสียงเนิบช้า วางถ้วยชาที่ยกขึ้นดื่มลงอย่างเบามือ
“อาละวาดเจ้าค่ะ”
“อืม ปล่อยนางไปก่อน อย่างไรนางก็ขัดพระราชโองการไม่ได้” เช่นเดียวกันกับหลานชายนาง ถึงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพียงใดก็ทำอะไรไม่ได้ เช่นนั้นฮูหยินผู้เฒ่าจึงรับฟังอย่างสงบและเข้าใจทั้งสองฝ่าย สรุปก็คือทั้งสองไม่เต็มใจที่จะแต่งงาน
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนใจยาวเหยียดเอ่ยกับอันมามาว่า “เจ้าก็ทำตามหน้าที่ของเจ้า อย่าได้สนใจนาง ที่เหลือคงต้องให้หยางเอ๋อร์จัดการ”
“เจ้าค่ะ”
อันมามาเดินออกไปแล้ว ลู่ซื่อจึงถามออกไป “ท่านแม่อยากพบนางหรือไม่เจ้าคะ”
“ยัง ปล่อยให้นางทำใจสักพักเถิด” เป็นใครก็ไม่ชอบการบังคับทั้งนั้น โดยเฉพาะหลานชายของนาง
“เช่นนี้จะไม่กำเริบเสิบสานหรือเจ้าคะ”
“เจ้าคิดว่านางทำเช่นนั้นได้หรือ”
ฮูหยินผู้เฒ่าถามเช่นนั้นลู่ซื่อจึงเงียบไป แน่นอนว่าหลิวหนิงเจียวย่อมทำเช่นนั้นไม่ได้
หลิวหนิงเจียวอยู่ในจวนสกุลหานห้าวันโดยไม่ออกไปพบใคร มีเพียงอันมามาที่เข้ามาอบรมนางเรื่องกฎระเบียบของจวนสกุลหานและสิ่งที่หานตงหยางชอบ เพราะนางเคยเป็นคนเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก อันมามาจึงรู้เรื่องของแม่ทัพแดนบุรพามากที่สุด คงเป็นเรื่องดีหากหลิวหนิงเจียวรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาทั้งหมด แต่หลิวหนิงเจียวยังทำเป็นหูทวนลม ฟังบ้างไม่ฟังบ้างอย่างไม่ใส่ใจ อันมามาก็ทำตามหน้าที่ตนที่ฮูหยินผู้เฒ่าบอกเท่านั้น แต่นางยังรู้สึกหนักใจ สตรีเช่นนี้จะอยู่กับแม่ทัพหานได้อย่างไร
นอกนั้นก็ไม่มีใครมาวุ่นวายกับหลิวหนิงเจียวอีก อีกทั้งข้าวปลาอาหารนางยังกินน้อยคำ จากนั้นก็นอนอยู่บนเตียงเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก ชาตินี้นางใฝ่ฝันที่จะแต่งงานกับบุรุษรูปงาม ไม่คิดว่านอกจากนางจะต้องแต่งงานกับบุรุษที่รูปชั่วแล้วยังนิสัยโหดร้ายทารุณอีก ความฝันของนางที่จะได้อยู่ข้างกายฮ่องเต้สลายไปในชั่วข้ามคืน
หลิวหนิงเจียวอยู่ในจวนสกุลหานครบสิบวันก็ถึงวันแต่งงานของนางกับแม่ทัพแดนบูรพา นางรู้ว่าเขาเพิ่งกลับมาที่จวนเมื่อคืนและเข้าร่วมพิธีแต่งงานในตอนเช้า พิธีทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น นางรู้สึกได้ว่ามีบุรุษตัวสูงใหญ่อุ้มนางเข้าไปไว้ในห้องหอ แม้จะมีผ้าสีแดงคลุมหน้าแต่นางก็รู้ว่าบุรุษผู้นั้นมีหน้ากากเหล็กสีดำสนิทสวมอยู่ซีกซ้ายของใบหน้า หลิวหนิงเจียวขนลุกซู่อย่างห้ามไม่อยู่ นางรู้สึกกลัวและขยะแขยงขึ้นมาครามครัน
บุรุษที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีวางนางลงบนพื้นจากนั้นก็หันกายเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้กล่าวคำใดออกมา