ตอนที่ 9 ห้ามเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด
“ซื้อมาแพงก็สมควรแล้ว” ว่าแล้วพวงแก้วก็เดินไปยังแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้านที่มีหลังคามุงยื่นออกไปเพื่อล้างผัก วันนี้เธอต้องทำผักดองให้เสร็จวันมะรืนจะได้ให้น้ำขิงนำไปขายที่ตลาดให้ เมื่อให้หลังพวงแก้ว มาโนชกับลูกชายมองหน้ากันอย่างเอือมระอา เงินส่วนนั้นก็ไม่ใช่เงินของตนก็ยังพูดซ้ำไปซ้ำมาแต่เรื่องเดิม เงินหนึ่งหมื่นบาทกับสัญญาจ้างหนึ่งปีมันมากที่ไหนกัน ถ้าฝ่ายนั้นเขาไม่ลำบากจริง ๆ คงไม่มีใครยอมหรอก
“คุณอาคะ คุณปู่คะ” อากับปู่หันมาโฟกัสที่หลานสาว มธุรสก็มองมาด้วย
สุรศักดิ์นั่งยองลงแล้วพูดกับลูกสาวพี่ชาย “ว่าไงลูก” ตั้งแต่พี่สะใภ้หนีไปเขากับภรรยาก็รับหน้าที่ดูแลวนิดาแทนพี่ชาย ตอนเช้าไปโรงเรียนพร้อมกันกับภูริศลูกชายของเขา เพราะทั้งคู่สอนที่โรงเรียนเดียวกันกับโรงเรียนที่ลูกชายและหลานสาวเรียนอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร แต่ตอนกลางคืนวนิดาจะนอนกับปู่กับย่า
“แก้มอยากเข้าไปหาคุณพ่อค่ะ”
“อาบน้ำ กินข้าวเสร็จก่อนค่อยเข้าไปหาคุณพ่อดีไหมครับ ตัวแก้มจะได้หอม ๆ”
“ดีค่ะ” วนิดายิ้มให้อาหนุ่มเต็มใบหน้า เด็กหญิงคนนี้หน้าสวย และมีผมยาวดกดำเงางาม
เหมือนแม่ จมูกโด่งเกือบเป็นสันตรงเหมือนพ่อ
สุรศักดิ์หันไปบอกภรรยา “งั้นเบียร์พาเด็ก ๆ ไปอาบน้ำเถอะ”
“ค่ะ”
ให้หลังภรรยาและเด็ก ๆ แล้ว สุรศักดิ์จึงเดินไปนั่งคุยกับพ่อต่อ
พวงแก้วกับน้ำอ้อยล้างกุยช่าย ผักเสี้ยน และมะเขือขื่นให้สะอาด เตรียมเกลือ ข้าวเหนียวนึ่งสุก และกระปุกพลาสติกใบใหญ่สำหรับใส่ผักดอง ทุกขั้นตอนต้องทำให้สะอาดที่สุด ล้างผักอยู่เกือบชั่วโมงจึงเสร็จ ถึงจะเลยเวลาเลิกงานแต่คุณนายพวงแก้วก็ยังใช้งานอยู่ดี
น้ำขิงทำกับข้าวเสร็จก็เดินมาตามแม่กลับบ้าน แต่ก็โดนพวงแก้วใช้งานเสียก่อน
“พวกเอ็งไปช่วยกันทุบมะเขือขื่นแล้วล้างให้ฉันก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” ผักเสี้ยนดองใส่มะเขือขื่นถือว่าเป็นราชาราชินีแห่งผักดองแล้ว ทั้งอร่อยและขายดีที่สุด
สองแม่ลูกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะถ้าทำอย่างนั้นเรื่องนี้จะโดนบ่นไปอีกสามวันเจ็ดวันหรือไม่ก็ทั้งปีทั้งชาติ ตราบใดที่ยังทำงานอยู่ในบ้านหลังนี้คงหนีไม่พ้น
หลังเลิกงานเมื่อเดินออกมาจากบ้านนายจ้างน้ำขิงจึงเอ่ยขึ้น “ไม่รู้จะงกไปถึงไหน เป็นฉันนะแม่นั่งกินนอนกินไม่ดีกว่าหรือไง จะทำให้ตัวเองลำบากทำไม”
“คนเคยทำห้ามยังไงก็ไม่ฟังหรอก เอ็งคอยดูสิพอผู้กองเกษียณมาอยู่บ้านก็จะโดนเมียใช้ไม่ได้หยุดหย่อน”
“อือ ก็จริงของแม่” แม้แต่ลูกชายลูกสะใภ้ที่เป็นครู เสาร์อาทิตย์ก็ต้องช่วยแม่สามีทำผักทำสวน ถ้าลูกชายคนโตหายดีก็คงไม่เว้นต้องช่วยงานแม่ เงินที่ขายผักได้ก็ไม่เคยแบ่งลูกแบ่งสามีสักบาท ค่าใช้จ่ายในบ้านรวมถึงเงินที่จ้างคนรับใช้ทั้งหมดก็เป็นเงินของลูกทั้งสามคน ขนาดสุกัญญาลูกสาวคนสุดท้องที่เรียนพยาบาลปีสุดท้ายยังเป็นเงินสามีฝ่ายเดียวที่เป็นคนส่งเสีย หากสุรเชษฐ์ไม่มีเงินบำเหน็จและเงินจากค่าเช่าอาคารพานิชย์ที่เขาสร้างไว้ ก็คงโดนเฉดหัวออกจากบ้านแล้วกระมัง
เนื้อนวลนวดแขนขาข้างขวาให้เขายกขึ้นลงเป็นจังหวะช้า ๆ หลายรอบเพื่อให้เขาได้เคลื่อนไหวร่างกาย จากนั้นก็ย้ายไปนวดข้างซ้ายด้วยน้ำหนักมือที่พอดิบพอดี มันทำให้เขาผ่อนคลายขึ้นจริง ๆ เขาเพิ่งสังเกตว่าเด็กคนนี้ทำงานได้ดีเกือบทุกเรื่อง เธอไปเรียนรู้มาจากไหน และยังทำท่าทางเหมือนเป็นผู้คงแก่เรียนอีก
“แขนขาข้างขวาคุณเชษฐ์ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือคะ” เนื้อนวลถามพลางมือก็นวดขาให้เขาไปด้วย
“ไม่เสมอไป บางครั้งมันก็รู้สึก แต่ก็นาน ๆ ที ถามทำไม เป็นหมออย่างนั้นเหรอ” สุรเชษฐ์ว่าเชิงประชด เขารู้ตัวเองดีว่าเขาไม่มีทางหายจากอาการง่อยเปลี้ยแบบนี้ได้ บางวันเขาอารมณ์ดิ่งจนคิดอยากจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องอยู่ให้เป็นภาระคนอื่น แต่คิดอีกทีก็สงสารลูกที่ต้องกำพร้าทั้งพ่อทั้งแม่ ถึงทุกวันนี้เขาจะดูแลลูกไม่ได้แต่อย่างน้อยเธอก็คงคิดว่ายังมีพ่ออยู่
“ถ้ารู้สึกบ้างคุณเชษฐ์ก็น่าจะมีโอกาสหาย” เนื้อนวลคาดคะเนจากประสบการณ์ที่เคยทำงานกับผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตมา ถ้าผู้ป่วยมีวินัยในการกินอาหารที่มีประโยชน์ ปฏิบัติตามคำที่แพทย์แนะนำ บวกกับการทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอเขาก็มีโอกาสหายได้
“อย่ามาทำเก่งกว่าหมอ หมอบอกว่าฉันไม่มีทางหายจากโรคนี้ได้ และฉันก็รู้ตัวเองดีมากกว่าใคร” สุรเชษฐ์กล่าวเสียงเข้มและมั่นใจในความคิดของตัวเอง ถ้าเขาหายได้จริง เขาหายไปนานแล้วไม่ต้องมานอนแหมะอยู่บนเตียงแบบนี้นานถึงสองปีหรอก
“จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว คุณเชษฐ์เคยได้ยินไหมคะ” เนื้อนวลถามอย่างใจเย็น
เจ้านายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยถาม “เกี่ยวอะไรกัน”
“ถ้าจิตคุณเชษฐ์บอกว่าหาย คุณเชษฐ์ก็ต้องหายค่ะ” ในโลกนี้คนเป็นโรคร้ายแรงและสามารถหายขาดได้เป็นหมื่นเป็นแสน ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เสมอถ้าเราเชื่อมั่นและศรัทธาอย่างแรงกล้า
“อย่ามาพูดเพ้อเจ้อ ฉันไม่ใช่พวกชอบฝันลม ๆ แล้ง ๆ และเด็กกะโปโลอย่างเธอก็ไม่ต้องมาทำเป็นเหมือนผู้รู้” เขาพูดน้ำเสียงติดรำคาญ เกิดเมื่อวานอย่ามาริสอนเขา
เนื้อนวลชำเลืองมองใบหน้าหล่อที่มีตอหนวดเริ่มผุดขึ้นมาเขียวครึ้มแล้วลอบถอนหายใจ คนอะไรชอบคิดลบขนาดนั้น เฮอะ! ปากดีอย่างนี้ ดีแล้วที่โดนเมียทิ้ง
“ค่ะ”
เนื้อนวลนวดให้เขาต่ออย่างเงียบ ๆ อีกนาน จนเขาเกือบจะเคลิ้มหลับ แต่แล้วก็หยิบเงินออกมาจากลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงนอน
“เอ้า ค่าเหนื่อย วันนี้เธอทำงานได้ดี” สุรเชษฐ์ยื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทให้เธอหนึ่งใบ ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ วันนี้เป็นวันที่เนื้อนวลทำงานได้ดีที่สุด มีเพียงเรื่องเดียวที่เธอ…ดูบ้าระห่ำเกินไปสักหน่อย
เนื้อนวลมองตาค้างก่อนจะพนมมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ” โตมาจนป่านนี้เธอยังไม่เคยได้จับเงินแบงก์ร้อยสักครั้ง
“ห้ามเอาเรื่องของฉันไปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด” เขาวางหน้านิ่งและสั่งเสียงห้วน
“เรื่องของคุณเชษฐ์…เรื่องอะไรหรือคะ?” เนื้อนวลทำหน้างง เขามีเรื่องอะไรให้น่าเล่า เธอรู้เรื่องของเขาที่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วันเอง ส่วนมากก็มีแต่คนอื่นเล่าให้ฟัง
