ตอนที่ 8 ล็อกเก็ตสีเงิน
เนื้อนวลเอาเสื้อผ้าของเขาไปปั่นไว้ในเครื่องซักผ้า จากนั้นก็เตรียมชุดไปอาบน้ำ
เธอนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น มือเล็กหยิบเสื้อตัวเองที่มีอยู่เพียงสี่ตัวขึ้นมาดู ทุกตัวเก่าและโดนมดแมลงสาปกัดแทะอย่างไม่น้อยหน้ากัน บางตัวมีรอยหนังยางรัดเหรียญอยู่ตรงพุงเหมือนกับเสื้อเด็ก “คนจนก็จนจริง ๆ คนรวยก็รวยเอา ๆ” เนื้อนวลพึมพำกับตัวเอง แล้วหยิบผ้าถุงที่มีอยู่เพียงสองผืนขึ้นมา สามกับตัวที่เธอใส่ติดตัวไว้ ชายผ้าถุงขาดวิ่นทุกตัว กางเกงขาสั้นมีอยู่ตัวเดียวและก็เป็นกางเกงกีฬาที่ยางยืดตรงขอบกางเกงออกจนสุด คงต้องใช้เชือกผูกไว้ สายตาเหลือบมองชุดชั้นในที่พับอยู่ในกล่อง เธอหยิบมันขึ้นมาดู
โอ้! กางเกงชั้นในใช้หนังยางรัดขอบกางเกงทั้งสองข้างเป็นหูกระต่าย เสื้อชั้นในก็…เนื้อนวลอึ้งไปพักหนึ่ง สายพยุงเนื้อนุ่มทั้งสองเส้นหลุดลุ่ยเป็นเส้นเล็ก ๆ จนเป็นขนฟูออกเหมือนขนนกทั้งสองข้าง ถึงส่วนเนินนุ่มมันจะไม่ใหญ่โตมโหฬารแต่มันก็หมิ่นเหม่ที่สายรัดจะขาดได้
มันยังเรียกว่าเสื้อในได้อยู่ไหม? ดีที่ส่วนห่อหุ้มเนื้อเนียนยังสามารถใช้งานได้
เนื้อนวลส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วตัดใจหยิบเสื้อผ้ามาอย่างละตัวเพราะมันไม่มีอะไรให้เลือกแล้ว น่าอเนจอนาถใจเหลือเกิน
“ฉันสัญญาว่าจะทำให้ชีวิตเธอดีขึ้นนะนวล” ถึงยังมองไม่เห็นทาง แต่หลังจากที่เธอเป็นไทจากบ้านหลังนี้แล้ว ดลยามั่นใจว่าจะสามารถทำให้ชีวิตของปู่กับย่าและน้องชายดีขึ้นให้ได้
เดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ถัดจากห้องครัวแล้วเนื้อนวลก็เปลื้องผ้าออก สายตามองดูร่างใหม่ของตน ผิวกระด่างกระดำ ซ้ำช่วงเอวด้านหลังยังมีรอยแผลเป็นอีก ในห้องน้ำไม่มีกระจกเธอจึงเอี้ยวตัวมองเห็นไม่ชัด มันมีลักษณะปูดนูนเป็นเส้นยาวถึงจะไม่ใหญ่มากแต่ก็คงไม่น่าดูนัก แต่พยายามคิดเท่าไรก็หาสาเหตุไม่เจอว่าแผลนี้ได้มาจากไหน และเธอก็เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าความทรงจำของร่างเดิมนี้ เธอจำได้เพียงช่วงสามปีหลังจากที่ปู่กับย่าย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เท่านั้น ชีวิตในวัยเด็กจนถึงอายุสิบหกปี ดลยาไม่สามารถรับรู้ได้เลย
ช่างเถอะมันคงไม่มีอะไรหรอก ก็คงมีแต่ความยากลำบากของเด็กคนนี้เท่านั้น อย่าไปรับรู้มันเลย แค่เห็นเสื้อในกับกางเกงในก็รู้ซึ้งแล้วว่าลำบากจริง
มือเล็กเอื้อมไปหยิบสร้อยเงินที่แขวนอยู่ที่คอ เมื่อคืนเธอไข้ขึ้นสูงจนลืมสังเกต สร้อยเงินปลอมที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงแกมดำมีจี้สร้อยเป็นล็อกเก็ตทรงกลมสีเงินขนาดเท่าเหรียญห้าบาท เธอกำลังจะแกะดูว่าข้างในมีอะไรแต่แล้ว…
“จะอาบอีกนานไหมน้ำอะ ฉันจะเอาน้ำเข้าไปเท หรือเธอจะเทเอง ถ้าไม่รีบอาบเธอก็ต้องไปเข็นเองด้วย ฉันต้องทำงานอีกหลายอย่าง” น้ำขิงส่งเสียงแว้ด ๆ อยู่ด้านนอกเนื้อนวลจึงรีบอาบน้ำ ล็อกเก็ตนี้เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน มีเวลาว่างเมื่อไรแล้วค่อยเปิดดูว่าในนั้นมีอะไร อาจจะเป็นรูปพ่อกับแม่ของเนื้อนวลก็เป็นได้
“อีกห้านาทีเดี๋ยวออกไป” เนื้อนวลตะโกนบอก แล้วจึงรีบอาบน้ำ วันนี้คงไม่ได้ขัดผิวอีกแล้ว
เนื้อนวลแต่งตัวเสร็จก็เดินไปตากผ้าที่ซักไว้ จากนั้นเดินเข้าครัวเพื่อหาอะไรทาน เธอทำข้าวต้มสำเร็จรูปใส่ไข่เหมือนของเจ้านายแล้วก็ทานยาลดไข้ที่มีอยู่ในตู้ยาตรงห้องโถงของบ้าน
พวงแก้วเดินมาข้างหลังเธออย่างเงียบ ๆ
“คุณชษฐ์ยอมกินข้าวกินยาหรือยัง”
เนื้อนวลหันมามองแล้วเอ่ยขึ้น “ยอมแล้วค่ะ”
ผู้กองที่เพิ่งเลิกงานเดินตามหลังภรรยาเข้ามาก็ถามขึ้นด้วยความห่วงใย “นวลหายป่วยแล้วเหรอ”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะผู้กอง” เนื้อนวลยิ้มเจื่อนให้
“ดีแล้วล่ะ พักผ่อนให้เยอะจะได้หายไว ๆ”
“ค่ะ” จังหวะนั้นเนื้อนวลลอบมองสายตาพวงแก้วแล้วก็ต้องหลบ คงมีเวลาได้พักผ่อนหรอก
“ทำงานของตัวเองเสร็จแล้วก็มาช่วยฉันเลือกกุยช่ายด้วย” พวงแก้วสั่งโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะหายป่วยดีหรือยัง
“คงอีกนานค่ะคุณนาย” เป็นครั้งแรกที่เนื้อนวลกล้าปฏิเสธเจ้านาย
“ทำไม? หรือแกจะแอบไปอู้อีก ตอนนี้มันยังหัวค่ำอยู่เลยนะ” อย่างไรเธอต้องใช้งานคนใช้ทุกคนให้คุ้มกับเงินที่จ้างมา
“เปล่าค่ะ วันนี้คุณเชษฐ์ให้นวลไปนวดให้ที่ห้องค่ะ”
“นวด!” มาโนชและภรรยาพูดขึ้นพร้อมกัน ไม่คิดว่าลูกชายจะใช้ใครนวดให้ ก่อนหน้าแม้คนดูแลจะเป็นผู้ชายแต่เขาก็ไม่เคยใช้ให้นวดสักหน
“ค่ะ พอดีวันนี้ตอนเช็ดตัวคุณเชษฐ์ใช้แรงเยอะไปหน่อยค่ะ” ยิ่งเนื้อนวลชี้แจงเหตุผลสองสามีภรรยาก็ยิ่งแปลกใจ นี่ลูกชายของพวกเขายอมให้เนื้อนวลเช็ดตัวด้วยเหรอ
“เออ ๆ อย่างนั้นก็รีบเข้าไปดูแลคุณเชษฐ์เถอะ” มาโนชบอกปัดเพราะไม่อยากให้เนื้อนวลเสียเวลาและไม่อยากให้ภรรยาของตนใช้ใครพร่ำเพรื่อ ถ้าได้ใช้ก็ใช้ไม่หยุด
สุรศักดิ์กับภรรยาและลูกหลานที่เพิ่งกลับจากโรงเรียนเดินเข้ามาก็เอ่ยถามอีก “มีอะไรเหรอครับพ่อ นวลเป็นอะไรไปอีกเหรอครับ”
มาโนชยังไม่ได้ตอบมธุรสผู้เป็นลูกสะใภ้ก็พูดแทรกขึ้น “ห่วงมันมากหรือไง” เมื่อคืนตอนมันเป็นลมสามีเธอก็เป็นคนช่วยอุ้มไปส่งที่ห้องเธอยังไม่ได้สะสางด้วยซ้ำ มาวันนี้ก็ถามถึงมันเหมือนกับเป็นห่วงนักหนา
สุรศักดิ์มองหน้าภรรยาด้วยสายตาตำหนิที่เธอพูดอย่างนั้นออกมา “ต่อหน้าลูกจะพูดอะไรก็หัดคิดซะบ้างนะเบียร์”
“นี่พี่ว่าฉัน” มธุรสจ้องหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง มือข้างซ้ายจูงมือลูกตัวเอง มือข้างขวาจูงมือลูกพี่ชายสามี
มาโนชไม่อยากให้เรื่องบานปลายจึงห้ามศึก “อย่าทะเลาะกันเลยน่า พ่อกับแม่แค่แปลกใจที่เชษฐ์ยอมกินข้าวกินยาและยอมให้นวลเช็ดตัวให้ก็เท่านั้น”
แววตาของสุรศักดิ์เป็นประกายมากขึ้น “แบบนี้เราก็ไม่ต้องเปลี่ยนคนใช้บ่อยแล้วสิครับ” สุรศักดิ์รู้สึกสงสารพี่ชายจับใจ เขาโมโหร้ายจนไม่มีใครอยู่รับใช้ได้ คนในครอบครัวก็ไม่มีใครว่าง เพราะผู้ป่วยติดเตียงจำเป็นต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา เขาเองก็ดูแลได้แค่ช่วงเช้าและหลังเลิกงานจากโรงเรียน แล้วก็วันเสาร์อาทิตย์แค่นั้น
“พ่อก็อยากให้เป็นเช่นนั้น” มาโนชก็ไม่ไหวจะหาคนรับใช้มาให้ลูกชายแล้วเหมือนกัน จะให้ผู้เป็นแม่มาดูแลพวงแก้วก็คงไม่ทำ สำหรับภรรยาของเขาตอนนี้เงินสำคัญกว่าทุกสิ่ง
