บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 13 ขายผัก

เกือบบ่ายสองโมง น้ำอ้อยและน้ำขิงช่วยเนื้อนวลยกเข่งผักดองและผักสดจำพวกมะเขือเปราะ มะเขือเทศ และพริกสดขึ้นบนรถสองแถวที่เรียกให้เขามาจอดรับถึงหน้าบ้าน ทั้งหมดจำนวนสี่เข่ง เนื้อนวลมองดูด้วยความหนักใจ

จะขายหมดกี่โมงวะเนี่ย

มาถึงตลาดคนก็คึกคักไม่น้อย ทุกคนมีของแปลกของป่าหลากหลายมาขายกันทั้งนั้น อึ่ง กิ้งก่า จักจั่น ผักติ้ว หน่อหวาย ดอกกระเจียว ไข่มดแดง ผักหวานป่า และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง สงสัยที่อื่นฝนเริ่มตกบ้างแล้วแม่ค้าหลายคนจึงมีของพวกนี้มาขาย หรือไม่ก็คงรับมาจากต่างถิ่นต่างที่ คิดถึงตอนขับรถกลับต่างจังหวัดเมื่อครั้งยังทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่แวะซื้อของป่าข้างทาง

คนขับช่วยเนื้อนวลยกของที่นำมาขายลงจากรถตรงที่ประจำของคุณนายพวงแก้ว และขอค่าน้ำใจสามสิบบาท เนื้อนวลจึงเอาเงินตัวเองที่สุรเชษฐ์ให้มาจ่ายเขาไปก่อนเพราะพวงแก้วไม่ได้ให้เงินส่วนนี้มาด้วย

เนื้อนวลนั่งขายของมือเป็นระวิง คนเข้ามาซื้อผักเธอดีมาก ดีที่เธอขายของเก่ง ไม่ถึงสองชั่วโมงผักสี่เข่งใหญ่ก็เกือบหมด เหลือเพียงพริกสดกับมะเขือเปราะอย่างละถุง

“มะเขือกับพริกถุงเท่าไรจ๊ะ” เสียงหวานเอ่ยถามเนื้อนวลมือหยิบมะเขือเปราะลูกสีขาวขึ้นดู มะเขืออ่อน ๆ รสหวานกรอบ ถ้านำไปต้มซุบใส่ปลาดุก จี่พริกสดหอม ๆ ตำให้เข้ากัน กินกับยอดกระถินอ่อน และต้มหน่อไม้สดจากสวนคงอร่อยมาก

คนที่กำลังเก็บเงินใส่กระเป๋าเงยหน้าขึ้นมองลูกค้า

“อ้าวนวล หายป่วยแล้วเหรอ ทำไมมาคนเดียวล่ะ” หญิงสาวตรงหน้าทักเนื้อนวลเหมือนคนที่รู้จักกันมานาน

เนื้อนวลกำลังนั่งคิดว่าผู้หญิงตรงหน้าเธอเป็นใคร ในที่สุดเธอก็นึกขึ้นได้ว่าคือกอหวายเด็กสาวข้างบ้านคุณนายพวงแก้วที่เป็นคนมาบอกพ่อของเขาให้มาบอกพวงแก้วว่าเธอเป็นลมวันที่ไปเข็นน้ำนั่นเอง ทั้งสองอายุเท่ากัน กอหวายกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่งที่มหาวิทยาลัยราชภัฏในตัวจังหวัด

เนื้อนวลยิ้มบางแล้วตอบออกไป “หายดีแล้วจ้ะ หวายมาเดินตลาดเหรอ”

“เปล่าจ้ะ เรามาขายข้าวโพดต้มกับฝรั่งน่ะ งั้นพริกกับมะเขือสองถุงนี้เราขอซื้อนะ” ครอบครัวกอหวายปลูกฝรั่ง ข้าวโพด และไผ่ไว้ขายหน่อตลอดทั้งปี

“จ้ะ” เนื้อนวลยิ้มด้วยความดีใจ คุณนายสั่งมาว่าถ้าขายผักไม่หมดห้ามกลับ ดีเหมือนกันได้กลับบ้านก่อนห้าโมงเย็น เธอจะได้กลับไปพักผ่อน

“ได้ของครบยังหวาย” กอไผ่ผู้เป็นพี่ชายเดินมาเอามือแตะไหล่น้อง เขาเกิดก่อนน้องสาวห้าปี แต่เขาเรียนจบแค่ชั้นมัธยมปลายเพราะต้องออกมาหาเงินส่งน้องสาวเรียนหนังสือ

“เสร็จแล้วค่ะ” กอหวายหันไปพูดกับพี่ชายก่อนจะหันกลับมาคุยกับเนื้อนวลต่อ “นวลกลับด้วยกันนะ จะได้ไม่ต้องนั่งรอรถสองแถว” กว่ารถจะออกแต่ละคันนั่งรอเป็นชั่วโมง เพราะเป็นรถวิ่งต่างอำเภอที่วิ่งผ่านหมู่บ้าน

“เอ่อ…”

“กลับด้วยกันเถอะนวล ยังไงบ้านเราก็อยู่ติดกัน จะได้ไม่เสียเที่ยว”

“ขอบคุณค่ะคุณไผ่” เนื้อนวลพูดพร้อมกระพุ่มมือไหว้หนุ่มรูปงามนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตรงหน้า

“ไม่ต้องไหว้หรอกน่า อีกอย่างเรียกพี่ไผ่ก็พอ พี่ไม่ชินให้ใครมาเรียกคุณน่ะ พี่เขิน” กอไผ่ว่าอาย ๆ

“ค่ะ” เนื้อนวลยิ้มให้สองพี่น้อง ทั้งสามจึงช่วยกันขนเข่งเปล่าไปขึ้นท้ายรถกระบะสี่ประตู

ก่อนกลับกอไผ่ยังพาสาวน้อยทั้งสองเดินชมตลาดอีกด้วย เขาคงเห็นว่าเนื้อนวลคงไม่เคยมาเดินตลาด กอไผ่จึงพาเดินดูของอีกรอบ

น้ำอ้อยเคาะประตูห้องแล้วถือถาดอาหารมื้อเย็นเข้ามาในห้องของสุรเชษฐ์ เจ้าของห้องย่นคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นคนที่ก้าวเข้ามาไม่ใช่เนื้อนวล

“นวลไปไหนเหรอครับน้าอ้อย”

“นวลไปขายผักที่ตลาดแทนน้ำขิงค่ะ” น้ำอ้อยใส่ความเพื่อให้เนื้อนวลดูแย่ในสายตาสุรเชษฐ์

สิ้นคำของน้ำอ้อยเหยือกน้ำที่เนื้อนวลตักน้ำมาวางไว้ให้เขาก็ถูกปาลงไปที่พื้น

เพล้ง!

“ว้าย!” น้ำอ้อยเต้นโหยงเมื่อเหยือกน้ำเฉียดนิ้วเท้าเธอไปเพียงนิดเดียว ดีที่มันเป็นพลาสติกก็เลยยังไม่แตกเพียงปาแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าครั้งต่อไปก็ไม่แน่เหมือนกัน

“ใครสั่งให้มันไป” ดวงตาคมกริบตอนถามดูน่ากลัวมาก

“มันขอไปเองค่ะ ฉันก็เลยมาป้อนข้าวและเช็ดตัวให้คุณเชษฐ์แทน” สองอย่างนี้น้ำอ้อยยังไม่เคยทำให้สุรเชษฐ์แต่เธอคิดว่ามันคงไม่ยากเท่าไร เพราะตอนลูกเป็นไข้เธอก็เช็ดตัวให้ตลอด

“ออกไป” สุรเชษฐ์กดเสียงต่ำ แววตามีประกายกรุ่นโกรธจนเห็นได้ชัด

“แต่ว่า…”

“ฉันบอกให้ออกไป!” คราวนี้เขาตวาดเสียงลั่นจนพวงแก้วและมาโนชที่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ได้ยิน ทั้งสองลุกขึ้นแล้วรีบเดินเข้ามาดู

“เกิดอะไรขึ้นเชษฐ์ โวยวายอะไรอีก”

“แม่ให้นวลไปตลาดทำไมครับ แม่ก็รู้ว่าเธอมีหน้าที่ดูแลผม” ที่พูดแบบนั้นเพราะเขาคิดว่าเนื้อนวลไม่อยากรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง

“ก็ขิงมันปวดท้องประจำเดือน แม่ก็เลยให้นวลมันไปแทน”

“แล้วทำไมน้าอ้อยบอกว่านวลอาสาไปเอง”

มาโนชหันขวับมามองหน้าน้ำอ้อย “ว่ายังไงอ้อย เรื่องที่นวลไปเข็นน้ำคนเดียวจนเป็นลมวันนั้นฉันก็ยังไม่สอบสวนเลยนะ” ตอนที่น้ำขิง

เดินมาบอกภรรยาของเขามาโนชก็นั่งอยู่ตรงนั้น ได้ยินเต็มสองหูว่าน้ำขิงขอให้เนื้อนวลไปตลาดแทน

“เอ่อ…ก็…ก็ขิงมาบอกฉันอย่างนั้นนี่คะ” น้ำอ้อยพูดออกไปไม่เต็มเสียงนัก

“ช่างเถอะค่ะคุณ” พวงแก้วบอกสามีก่อนจะหันไปคุยกับลูก “ใครป้อนก็กินไปเถอะเชษฐ์แกจะเรื่องมากทำไม” คนไหนป้อนก็คงเหมือนกัน พวงแก้วคิดอย่างนั้น

“ผมแค่อยากให้นวลมีความรับผิดชอบครับแม่ ไม่ใช่อยากจะไปไหนก็ไป” ใครทำหน้าที่อะไรก็ต้องทำอย่างนั้นไปตลอด ไม่ใช่สับเปลี่ยนมั่วไปหมด เขาไม่ชอบให้ใครก็ได้เข้าออกห้องนี้เป็นว่าเล่น และไม่ใช่ผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่จะเช็ดตัวให้เขา เนื้อนวลกุมความลับทุกอย่างของเขาไว้แล้ว ก็ควรต้องเป็นเธอที่ทำหน้าที่นี้

“เออน่า วันหลังถ้าแม่จะใช้คนของแกแม่จะบอกก่อนก็แล้วกัน” พวงแก้วตัดความรำคาญ

ทันใดนั้นเสียงรถกระบะก็จอดที่หน้าบ้านพอดี น้ำอ้อยเปิดหน้าต่างบานกระจกชะเง้อหน้าออกมาดู

“ขอบคุณพี่ไผ่กับหวายมากนะคะที่มาส่ง” เนื้อนวลส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มจนตาหรี่เล็ก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel