ตอนที่ 14 ไม่ต้องกินข้าวเย็น
กอไผ่เดินลงมายกเข่งเปล่าลงจากท้ายรถให้เนื้อนวล “ไม่เป็นไรจ้ะ พี่เต็มใจ” พูดจบกอไผ่ก็ยื่นถุงข้าวโพดต้มสีเหลืองให้เธอหนึ่งถุง “พี่ให้”
“ขอบคุณค่ะ” เนื้อนวลยืนมองรถกอไผ่เลี้ยวเข้าบ้านที่อยู่ข้างกันที่มีเพียงรั้วปูนกั้นไว้ แล้วจึงเดินเข้าบ้านเจ้านายตัวเอง
เห็นเนื้อนวลมาแล้วน้ำอ้อยก็รู้สึกโล่งอก “ถ้าอย่างนั้นนวลมาแล้วก็ให้นวลมาทำต่อนะคะคุณนาย” เห็นสีหน้าของสุรเชษฐ์แล้วน้ำอ้อยก็อยากมุดดินแข็ง ๆ ไปจากตรงนี้เสีย ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเรื่องมากขนาดนี้ เข้าใจถ่องแท้แล้วว่าทำไมพวกพลทหารถึงอยู่ไม่ได้
“อือ เก็บกวดห้องให้สะอาดก่อนออกไปด้วย” เห็นเนื้อนวลมาพวงแก้วก็รีบออกไปเช่นกัน เธอจะต้องรีบไปนับเงิน
“ค่ะ”
น้ำอ้อยเก็บเหยือกใส่น้ำขึ้นมา ยังดีที่น้ำในเหยือกมีไม่มาก เธอใช้ไม้ถูพื้นถูไม่นานพื้นก็แห้ง แล้วก็ถือเหยือกออกไปเก็บ
พวงแก้วรับเงินจากเนื้อนวลมานับ พอเงินไม่ครบเธอก็โวยวายทันที
“เงินหายไปไหนสิบบาท”
“ค่าคนขับขนเข่งผักช่วยค่ะ เขาคิดสามสิบบาท” เนื้อนวลอธิบาย เธอหักลบกับค่าโดยสารตอนกลับยี่สิบบาทเงินจึงหายไปสิบบาท ไม่คิดว่าแค่ค่าน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ พวงแก้วจะคิดเป็นเรื่องใหญ่
“แกทำไมไม่ยกเอง”
เนื้อนวลตอบแบบไม่ต้องคิด “หนักค่ะ” พวงแก้วเอาอะไรคิด เข่งผักหนักมากกว่าห้าสิบกิโลกรัม เธอหนักแค่สี่สิบสองกิโลกรัมจะไปยกไหวได้อย่างไร
“นี่แก…”
“คุณพวง!” มาโนชลากเสียงยาวด้วยความเหนื่อยใจ
“ก็มันทำเงินฉันหายไปตั้งสิบบาทนี่คะ” เธอหันไปแหวใส่สามี แต่ก็แอบทึ่งที่เด็กไม่ได้เรียนหนังสืออย่างเนื้อนวลจะทอนเงินถูกทุกบาททุกสตางค์
“ก็แค่สิบบาท”
“หรือคุณจะจ่ายล่ะ”
มาโนชล้วงเงินเหรียญสิบออกจากกระเป๋ากางเกงผ้าขาสามส่วนแล้วส่งให้เมีย “ทีนี้จบได้หรือยัง”
พวงแก้วรับเงินมาจากสามีแล้วพูดต่อ “ไม่ค่ะ ไม่จบ เย็นนี้แกไม่ต้องกินข้าว” เธอบอกเนื้อนวลสีหน้าจริงจัง
“ฮะ!” เนื้อนวลอุทานออกมาด้วยความตกใจ ขายผักให้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว เงินขาดไปแค่สิบบาทถึงกับไม่ยอมให้เธอกินข้าว
หน้าเลือดชะมัด!
“มันจะมากไปแล้วนะคุณพวง”
“ไม่มากไปหรอกค่ะ ตอนมันอยู่กับปู่กับย่ามันก็อดมื้อกินมื้อเหมือนกันมันก็ยังอยู่ได้” อดมื้อเดียวจะเป็นไรไป
“แต่นี่นวลเป็นลูกน้องของเรา เราก็ต้องเลี้ยงเขาให้อิ่มท้อง ไม่ใช่ให้อดมื้อกินมื้อ” แค่ข้าวสามมื้อเนื้อนวลคงไม่กินให้ครอบครัวเขาจนลงได้หรอก ตัวก็เล็กแค่นี้
“ก็มันไม่มีเงินเดือนให้หักนี่คะ” ค่าจ้างก็ซื้อขาดตัวไปแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาหักอีก พวงแก้วจึงต้องใช้วิธีนี้
“นวลไม่ต้องไปฟัง ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันจะไม่กินข้าวได้ยังไง เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปอีก” มาโนชบอกสาวใช้เสียงจริงจัง
“ถ้าแกไม่เชื่อฟังฉัน ฉันจะไปเอาเงินที่ปู่กับย่าแกคืน” พวงแก้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“นี่คุณ…”
“ถ้าคุณขัดคำสั่งฉันวันนี้คุณก็เตรียมตัวนอนนอกห้องได้เลย เรื่องในบ้านฉันเป็นใหญ่ที่สุด…หรือคุณจะไม่รักษาคำพูด” จริงอยู่มาโนชเคยตกลงกับภรรยาว่าให้เธอเป็นใหญ่ทั้งหมดในบ้าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้เธอทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไปเสียทุกเรื่อง
เนื้อนวลไม่อยากให้พวงแก้วพูดไปมากกว่านี้เธอจึงตัดปัญหา “ไม่เป็นไรหรอกค่ะผู้กอง นวลไม่กินก็ได้ค่ะ” เนื้อนวลกลัวที่ไหน มีของกินในมิติเสียอย่างจะไปกลัวอะไร ถึงให้เธอกินข้าวที่บ้านนี้เธอก็ไม่กินอยู่ดี ผู้หญิงอะไรงกชะมัด เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็น สงสารคนเป็นลูกเป็นผัวจริง ๆ
“ไปดูแลคุณเชษฐ์ได้แล้ว เขายังไม่กินข้าวเย็น ข้าวโพดนั่นแกเหลือไว้ให้ฉันฝักนึง” พวงแก้วสั่งเสียงดุ ใบหน้ายังบึ้งตึง เธอเห็นเนื้อนวลถือข้าวโพดติดมือมาด้วยจึงขอกินบ้าง ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นเพราะสองพี่น้องข้างบ้านนั้นให้มา
“ค่ะ” ไม่ให้กินข้าวยังมาขอข้าวโพดเขากินอีก เฮ้อ! หมดคำจะพูด ชาตินี้ถ้ามีสามีขออย่าได้พบเจอแม่สามีแบบนี้เลย
เนื้อนวลเดินจากไปด้วยท่าทางไม่ยี่หระกับคำที่พวงแก้วบอก มาโนชทำได้เพียงส่ายหน้า เอือมระอากับเมียตัวเองไม่รู้จะงกไปถึงไหน เงินก็หามาให้ไม่เคยขาดมือแต่ความอยากมีอยากได้ก็ไม่เคยลดลงมีแต่เพิ่มขึ้นตามอายุ ก่อนแต่งงานไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย
เธอเคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปในห้องสุรเชษฐ์ ในมือถือเหยือกน้ำจากมิติมาด้วย ไหนว่าน้ำขิงจะดูแลเขาแทนเธอ แล้วทำไมเขายังไม่ทานข้าวอีก คนพวกนี้ร้ายจริง ๆ
“ไปไหนมา” ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าเขาอารมณ์ไม่ดี แต่เธอไม่สนใจหรอกเธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
“ไปตลาดมาค่ะ”
“ไปทำอะไร”
“ขายผักให้คุณนายค่ะ”
“หน้าที่เธอเหรอ?”
“ก็ขิงปวดท้องนี่คะ คุณนายใช้ก็ต้องไป” เนื้อนวลชักสีหน้า เจ้านายใช้ไปทำอะไร ลูกจ้างอย่างเธอก็ต้องทำสิ ถามไม่คิด
“แต่น้าอ้อยบอกว่าเธออยากไปเอง”
เนื้อนวลย่นคิ้ว สองแม่ลูกนี้เอาอีกแล้ว “แล้วแต่คุณเชษฐ์จะเชื่อเถอะค่ะ” เธอก็ขี้เกียจจะอธิบายเหมือนกัน คนไม่ชอบหน้ากันยังไงมันก็หาเรื่องให้เธอผิดอยู่วันยังค่ำ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงเธอจึงไม่คิดอะไร
มือข้างที่ถนัดยกขึ้นทุบโต๊ะที่อยู่ข้าง ๆ เสียงดัง
ปัง!
เนื้อนวลสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็เดินเข้าไปใกล้เตียงของเขา
“คราวหน้าถ้าฉันไม่อนุญาตเธอห้ามไปไหนทั้งนั้น ฉันไม่ชอบให้ใครก็ได้มาเช็ดตัวให้ฉัน ใครเคยทำคนนั้นก็ต้องทำตลอด เธอเข้าใจใช่ไหม”
“ค่ะ”
เธอหยิบถ้วยข้าวต้มที่เย็นแล้วขึ้นมาแล้วถามเขา “ให้ฉันอุ่นข้าวต้มให้ก่อนไหมคะ”
“ไม่ต้อง เสียเวลา”
“ค่ะ”
เนื้อนวลยกถ้วยข้าวต้มไปใกล้เขา ทันใดนั้นขาเธอก็สะดุดเข้ากับขอบเตียงจนเกือบจะล้มทับตัวเขา สุรเชษฐ์จึงยกมือช่วยประคองเธอไว้ มือข้างขวาของเขากุมอยู่ที่มือทั้งสองข้างของเธอที่ถือถ้วยอยู่ ร่างของเธอโน้มเข้าไปใกล้เขาจนใบหน้าแทบชิดกัน
“ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวข้าวต้มก็หกใส่ฉันพอดี” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยอยู่ข้าง ๆ หูของเธอ
“ขอโทษค่ะ” ลมอุ่น ๆ จากลมหายใจของเขาที่ตกกระทบข้างแก้มเธอทำให้ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าว เนื้อนวลค่อย ๆ ยืดตัวขึ้น ดึงมือออกจากมือเขาแล้วเหลือบมองมือเขาช้า ๆ แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นมือข้างขวาของเขายกค้างไว้ “มือขวาคุณเชษฐ์เคลื่อนไหวได้แล้ว” เนื้อนวลมองมือเขาตาค้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา