บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 หมดยุคสะใภ้อ่อนแอแล้ว

ตอนที่ 4

หมดยุคสะใภ้อ่อนแอแล้ว

 

ตกเย็นของวันนั้นระหว่างที่โม่เสี่ยวถงกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง เด็กน้อยฝาแฝดก็นั่งเล่นกันอยู่บนพื้น เสียงเคาะประตูรัว ๆ ก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงตะโกนเรียกดังลั่น

ปัง! ๆ

“เจ้าเด็กเหลือขอเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ”

น้ำเสียงกราดเกรี้ยวของคนด้านนอก ทำให้ร่างเล็กสองร่างสะดุ้งสุดตัว รีบพากันลุกขึ้นถลาไปหามารดา ที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งแล้ว

“ไม่ต้องกลัว” โม่เสี่ยวถงหันไปปลอบเด็กน้อย ก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืน เพียงแค่ได้กินอิ่มนอนหลับเต็มตื่น ร่างกายนี้ก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เรี่ยวแรงที่ถดถอยไปกลับคืนมา ร่างสูงโปร่งเดินไปเปิดประตู เพื่อดูว่าเจ้าของเสียงเกรี้ยวกราดเป็นผู้ใด

เพียงบานประตูเปิดออก สตรีรูปร่างสมส่วน ใบหน้าถือว่างดงามไม่ใช่น้อย จึงไม่แปลกที่บุตรชายคนรองของบ้านหานจะคว้ามาเป็นภรรยา ถึงกลับชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าคนป่วยที่มีสภาพใกล้ตายเมื่อเช้า กลับดูเหมือนไม่ใช่คนป่วยเลยแม้แต่น้อย

“นี้เจ้าหายดีแล้วหรือ” ตอนนี้ ‘จูลี่เซียน’ คิดได้แล้วว่า บางทีคู่สะใภ้เกอผู้นี้อาจจะแกล้งป่วย เพราะอยากอู้งานก็เป็นไปได้ มัวแต่คิดเรื่องนี้จนลืมสาเหตุที่ทำให้มาเยือนห้องนอนเก่าของคนที่ตนไม่ชอบหน้า “ข้าว่าที่ดูเหมือนป่วยใกล้ตาย คงเป็นแค่มารยาของเจ้าละสิ ร้ายนักนะ ทำให้ข้าต้องพลอยเหนื่อยเข้าครัวถึงสองวัน คอยดูเถอะ ข้าจะฟ้องท่านแม่ให้จัดการเจ้า”

โม่เสี่ยวถงส่ายหน้า ยืนชมความงามของหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ต่อให้งดงามมากแค่ไหน แต่ปากคอเราะรายเช่นนี้ เขาคงนอนด้วยไม่ลง เพียงแค่นี้ก็แสบแก้วหูไปหมดแล้ว

จูซื่อเห็นสายตาแทะโลมของชายหนุ่มที่มีสถานภาพเกอก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า เหมือนถูกหยามเกียรติอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งอาการส่ายหน้าของอีกฝ่าย ยิ่งทำให้ไฟโทสะแผดเผาในใจ “เจ้าส่ายหน้าด้วยเหตุใด แล้วหยุดมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นเดี๋ยวนี้”

“โอ๊ย!...อยู่ใกล้กันแค่นี้จะตะโกนเสียงดังทำไม แสบแก้วหูรู้หรือไม่ อ้อ...แล้วไม่ต้องห่วงนะ ข้าก็แค่มองชื่นชมความงามของเจ้าเท่านั้น ไม่ได้นึกพิศวาสอะไรมากนักหรอก ต่อให้ตอนนี้เจ้าแก้ผ้าต่อหน้าข้า ข้าก็เอาไม่ลงหรอก”

ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาจูลี่เซียนยังไม่เคยถูกคู่สะใภ้ต่อปากต่อคำเช่นนี้มาก่อน ทำให้สติหลุดไปชั่วขณะ ได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบ ๆ ยิ่งคำพูดนั้นให้ความรู้สึกว่าคนพูดเป็นชายแท้ไม่ใช่เกอ มันทำให้นางคิดอ่านอันใดไม่ออก

เจ้าของห้องจึงใช้โอกาสที่ผู้มาเยือนเงียบเสียงเอ่ยถามสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายมาเคาะประตูอย่างไร้มารยาทเช่นนี้ทันที “ไม่ทราบว่าสะใภ้รองมีธุระอันใดไม่ทราบ ถึงได้มาส่งเสียงเอะอะโวยวายที่หน้าห้องของข้า”

พอถูกถามจูลี่เซียนคล้ายจะดึงสติกลับมาได้ รีบปรับท่าทีกลับมาเป็นปกติ พูดธุระที่แม่สามีไหว้วานมาทันที “ท่านแม่ให้มาตามเจ้าเด็กเหลือขอ...” พอเห็นสายตาพิฆาตของชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่านางมาก จูซื่อรีบเปลี่ยนคำเรียกขานเด็กน้อยฝาแฝดทันที “ให้มาตามเด็ก ๆ ไปพบ”

“ต้องการพบลูก ๆ ของข้าด้วยเหตุใดไม่ทราบ” โม่เสี่ยวถงย้อนถาม

“ก็ลูกของเจ้าขโมยเข้าครัวทำอาหารกินโดยไม่ได้รับอนุญาตนะสิ เด็กที่ทำผิดกฎบ้าน ก็สมควรถูกลงโทษ” ไม่รู้ทำไมแม้พูดถึงเรื่องวัตถุดิบในครัวที่หายไปแล้วรู้สึกโกรธจนอยากจะเข้าไปตีเด็กสองคนนั้นให้สาสมกับความผิด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาของเด็กที่ท่าทีเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนี้ ทำให้จูซื่อไม่กล้าอาละวาดอย่างที่คิด

“เช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นลูกของข้าไม่จำเป็นต้องไปหรอก” โม่เสี่ยวถงพูดกับคู่สะใภ้จบ ก็หมุนตัวไปพูดกับลูกทั้งสอง “พ่อไปหาท่านย่า ไม่นานเดี๋ยวก็กลับ ลูก ๆ รอพ่ออยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องตามไป” กล่าวจบมือหยาบกร้านก็ดึงประตูปิด แล้วเดินอาด ๆ ไปหาพ่อแม่สามีที่บ้านใหญ่

“พ่อ” จูลี่เซียนไม่ได้ตามไปในทันที มัวแต่ตกตะลึงที่ได้ยินสะใภ้สามแทนตนเองว่าพ่อ หรือว่าสะใภ้เกอผู้นี้จะเพี้ยนไปแล้ว ท่าทางนิสัยจึงต่างไปจากเดิม “ไม่ได้การ ข้าต้องรีบไปเตือนท่านแม่ ว่าจัดการเขาคงไม่ง่าย” ว่าแล้วก็ออกตัววิ่งแทนการเดิน แซงหน้าคู่สะใภ้ไปก่อน เพื่อไปบอกถึงความผิดปกตินี้ให้ทุกคนทราบ

ดังนั้นพอโม่เสี่ยวถงไปถึง ทุกคนในบ้านหานก็ดูเหมือนจดจ่อกับการมาของเขามากเสียเหลือเกิน

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ให้สะใภ้รองไปตามข้ามามีอะไรอยากจะชี้แนะหรือ” ร่างสูงโปร่งเอ่ยถาม พลางมองสำรวจสีหน้าของแต่ละคน ไม่ได้ยืนก้มหน้าก้มตาเหมือนเมื่อก่อน

ทุกคนในบ้านหานจึงเริ่มเชื่อว่าสิ่งที่สะใภ้รองพูดเป็นความจริง ว่าสะใภ้เกอผู้นี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม แต่ถึงจะเปลี่ยนอย่างไร ‘หยางหลิงหลาน’ ก็คิดว่าน่าจะจัดการได้ไม่ยาก เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงลูกสะใภ้ที่ต้องเคารพพ่อแม่สามี นางจึงเป็นฝ่ายเปิดปากต่อว่าสะใภ้เกออย่างไม่เกรงใจ

“ลูกของเจ้าแอบขโมยอาหารของข้าไปทำกิน ข้าบอกให้มารับโทษ แล้วเหตุใดถึงไม่มา”

“ก็ลูกของข้าไม่ได้ทำนะสิขอรับ ข้าต่างหากที่เป็นคนเข้าครัวทำอาหารกิน ซึ่งข้าคิดว่าสิ่งที่ข้าทำไม่เห็นจะมีความผิด ในเมื่อของพวกนั้นล้วนมาจากเงินน้ำพักน้ำแรงของข้า”

หยางซื่อถึงกลับหน้าเสียไปต่อไม่ถูก ด้วยไม่เคยถูกลูกสะใภ้สวนกลับเช่นนี้มาก่อน ที่ผ่านมาไม่ว่านางจะด่าว่าอย่างไร อีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้ารับฟังไม่มีปากมีเสียง แล้วที่สำคัญเลย สิ่งที่ชายหนุ่มพูดมาล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น

“เจ้า...นี้เจ้ากล้าว่าเป็นพวกข้าต่างหาก ที่ขโมยกินของเจ้าหรือ ลูกสะใภ้อกตัญญู” มือสั่นระริกยกขึ้นชี้หน้าสะใภ้เกอ

“คำพูดไหนที่ข้ากล่าวหาว่าท่านแม่เป็นหัวขโมยกันขอรับ ท่านแม่คงแก่แล้วเลอะเลือน ถึงได้ฟังไม่เข้าใจ ข้าแค่บอกว่า ของในครัวพวกนั้นล้วนเป็นข้าที่หามา ข้าจะนำมาทำอาหารกินย่อมไม่ใช่เรื่องผิด”

ปัง!

เพียงแค่เสี่ยวถงพูดจบ พ่อสามีอย่าง ‘หานหยวนเทียน’ ก็ฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะด้วยความโมโห ที่ภรรยาถูกลูกสะใภ้ยียวนกวนประสาทใส่ “มันจะมากไปแล้วนะ เป็นแค่สะใภ้แต่กล้าต่อปากต่อคำ ไม่มีสะใภ้ที่ดีคนไหนเขาทำกัน คอยดูเถอะถ้าอาเฉินกลับมา ข้าจะบอกให้เขามอบหนังสือหย่าให้กับเจ้า”

‘หย่าหรือ นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับข้าเลยนะ หย่าแล้ว ข้าจะได้ออกไปใช้ชีวิตของตนเอง หางานทำ หาเงิน แล้วยุคสมัยนี้มีหอคณิกาเต็มไปหมดนี้นา ช่างเป็นสวรรค์สำหรับข้าจริง ๆ’

โม่เสี่ยวถงไม่ได้ใส่ใจกับคำขู่ของพ่อสามี แววตาเคลิบเคลิ้มยามคิดถึงห้วงเวลาที่ตนเองถูกรายล้อมไปด้วยหญิงงาม หากยามนั้นมาถึง เขาคงจะมีความสุขไม่ใช่น้อย

เพราะอาการเลื่อนลอยของชายหนุ่มนี้เอง ทำให้คนบ้านหานพากันโมโหมากขึ้นไปอีก แต่ไม่ว่าใครจะต่อว่าอย่างไร เสี่ยวถงก็สวนกลับแบบไม่กลัวเกรง แม้แต่พี่สามีทั้งสอง ยังถูกตอกหน้ากลับจนหน้าหงาย

“ปีกกล้าขาแข็งนักนะ ใช้ไม้อ่อนแล้วไม่ฟัง แบบนี้มันต้องใช้ไม้แข็ง” ‘หานชินหลง’ หมดความอดทน ลุกขึ้นย่างสามขุมเข้าหาน้องสะใภ้ ในเมื่อเป็นชายด้วยกัน แบบนี้ก็ใช้กำลังสั่งสอนง่ายหน่อย คอยดูสิว่า ได้ลองชิมหมัดของเขาสักหมัดสองหมัด ยังจะกล้ามีปากเสียงเถียงฉอด ๆ อยู่แบบนี้หรือไม่

ผลัวะ!

แต่คนที่ถูกหมัดชกหน้าจนใบหน้าหันกลับไม่ใช่สะใภ้เกอ แต่เป็นคนที่ย่างสามขุมเข้าหา ที่ถูกหมัดชกใบหน้าอย่างเต็มแรง ในปากได้กลิ่นสนิมคละคลุ้งจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา พ่อแม่และภรรยาของบุตรชายคนโตรีบพากันเข้ามาดู

ทางด้านคนที่ลงมือเองก็หมดความอดทน ที่จะยืนต่อล้อต่อเถียงกับพวกเห็นแก่ตัวพวกนี้ กล่าวเสียงเฉียบขาดขึ้นมาอย่างเหลืออด

“อย่าคิดว่าจะรังแกข้าได้ตลอด ข้าไม่ยอมอีกแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะไม่หาเงินให้ใครใช้อีก งานบ้านถ้าไม่ช่วยกันทำก็ปล่อยให้มันสกปรกอยู่แบบนี้แหละ งานครัวถ้าไม่มีคนทำก็อดตายไป ข้าคือลูกสะใภ้ไม่ใช่ทาสคอยรองมือรองเท้า”

กล่าวจบก็หมุนตัวเดินออกจากบ้านมา ด้านนอกประตูเด็กน้อยฝาแฝดพากันยืนแอบมองอยู่ คงจะกลัวว่ามารดาของพวกเขาจะถูกรังแก โม่เสี่ยวถงส่งยิ้มอ่อน ๆ ไปให้ และพาพวกเขากลับไปที่ห้องนอนเล็กของพวกเขา

“ท่านพ่อเก่งที่สุดเลยขอรับ” เซี่ยงเฟิงรู้สึกชอบมารดาในตอนนี้ ที่ไม่ก้มหน้ายอมถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว

“ใช่เจ้าค่ะ” เสี่ยวอิงเองก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่ชาย

“แน่นอนอยู่แล้ว พ่อของเจ้าคนนี้ไม่ยอมถูกใครรังแกแน่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel