บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 คนที่น่ารังเกียจช่วยชีวิตคน

ตอนที่ 5

คนที่น่ารังเกียจช่วยชีวิตคน

 

แล้วโม่เสี่ยวถงก็ไม่รับผิดชอบงานในบ้านจริง ๆ ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เพื่อทำกับข้าวในส่วนของตนเองกับลูก ๆ จากนั้นก็ปลุกเด็กทั้งสองขึ้นมากิน ในเมื่อไม่คิดจะช่วยกัน ผลักภาระทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของสะใภ้สาม แม้แต่เสื้อผ้าของพวกเขา เสี่ยวถงคนเดิมยังต้องซักให้ แต่สำหรับเสี่ยวถงคนใหม่แล้ว ของของใครคนนั้นก็รับผิดชอบเอาเอง

แล้วด้วยไม่อยากอยู่ฟังเสียงบ่นเสียงโวยวายแสบแก้วหู เขาจึงชวนลูกน้อยฝาแฝดออกไปเดินเที่ยวชมรอบหมู่บ้าน ในตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน ใช้ชีวิตอยู่แต่ในป่าคอนกรีต เที่ยวแต่ไฟแสงสี ไม่ค่อยได้ออกไปเห็นบรรยากาศธรรมชาติเลย พอได้มาอยู่ในชีวิตใหม่ เขาจึงอยากสัมผัสกับอากาศสดชื่นให้มาก

ระหว่างที่เดินเที่ยวชมวิถีชาวบ้านในหมู่บ้านชนบทนั้น ทุกสายตาของชาวบ้านที่พบเห็น ต่างลอบมองมาทางร่างสูงโปร่งเป็นตาเดียว บางคนถึงกลับขยับเข้าไปสุมหัวกัน

“เขานึกเพี้ยนอะไรของเขา ถึงกล้ามาเดินอวดสายตาผู้คน”

“ใช่ ปกติไม่อยู่ในสวนของนายจ้างก็คลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน วันนี้เกิดนึกพิเรนทร์อะไร”

“ช่างหน้าไม่อายเสียจริง”

โม่เสี่ยวถงรับรู้ถึงสายตารังเกียจของพวกชาวบ้านได้เป็นอย่างดี จากความทรงจำของเจ้าของร่าง ผู้คนในยุคสมัยนี้ต่างมองว่าเพศที่สามอย่างเกอ เป็นเพศที่น่ารังเกียจ จะเป็นชายเต็มตัวก็ไม่ใช่ เป็นหญิงก็ไม่เชิง ชายหนุ่มที่มีเพศสภาพเกอจึงมักพากันเก็บตัว ไม่ยุ่งวุ่นวายกับใคร แต่เขาไม่สนหรอก ว่าใครจะมองแบบไหน ในเมื่อความทุกข์ความสุข อยู่ที่ตัวเรากำหนดเอง

“ท่านพ่อ พวกเรากลับบ้านกันดีหรือไม่ขอรับ” เซี่ยงเฟิงกลัวว่ามารดาจะทนรับความรู้สึกจากชาวบ้านไม่ไหว ขนาดเขาที่เกิดจากมารดาเกอ ยังไม่มีเด็กคนไหนในหมู่บ้านอยากเล่นด้วยเลย

“กลับทำไม ยังเดินเที่ยวไม่รอบหมู่บ้านเลย หรือว่าลูกอายที่มีเกอเป็นผู้ให้กำเนิด”

เด็กชายรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ลูกไม่อายเลยขอรับ ไม่ว่าท่านแม่ เอ่อ...ท่านพ่อจะเป็นอะไร ก็เป็นคนสำคัญของลูกเสมอ”

คำพูดใสซื่อด้วยใจบริสุทธิ์ของเด็กชาย ทำให้หัวใจของชายหนุ่มจากยุคปัจจุบันเกิดความอบอุ่นอย่างประหลาด และอธิบายเหตุผลไม่ได้ ว่าเหตุใดถึงรู้สึกเช่นนั้น

‘อยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วัน เจ้าเด็กพวกนี้เข้ามามีอิทธิพลต่อใจข้าตั้งแต่เมื่อไรกัน’

โม่เสี่ยวถงพยายามขจัดความรู้สึกนั้นออกจากใจ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรือรังเกียจเด็ก แต่ไม่อยากสร้างความผูกพันไปมากกว่าภาระหน้าที่ เพราะเมื่อถึงเวลาที่บิดาของเด็กทั้งสองกลับมา คนนอกเช่นเขาจะได้จากไป โดยไม่รู้สึกอะไร

“ถ้าไม่อายก็เดินกันต่อเถอะ”

ร่างสูงโปร่งยังคงเดินต่อไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ต่อสายตารังเกียจที่สาดใส่ของพวกชาวบ้าน ยามเห็นหญิงชาวบ้านหน้าตาดี เขาก็ฉีกยิ้มอย่างมีไมตรีส่งไปให้ แต่พอได้รับสายตาเขียวขุ่นตอบกลับมา เขาก็หมดกำลังใจที่จะเข้าไปพูดคุยด้วย พาลูก ๆ เดินต่อไปเรื่อย ๆ กระทั่งเดินผ่านบ้านหลังหนึ่ง ได้ยินเสียงแหบแห้งแผ่วเบาดังออกมา

“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย”

“ท่านพ่อ เสียงใครเจ้าคะ น่ากลัวจัง” เสี่ยวอิงขยับเข้ามายืนชิดตัวมารดา

โม่เสี่ยวถงเห็นประตูบ้านเปิดอยู่ ตัดสินใจเดินเข้าไปดู ว่าเสียงแหบแห้งนั้นต้องการให้ช่วยอะไร พอเข้าไปในตัวบ้าน ก็เห็นหญิงชรานอนฟุบหน้าอยู่กับพื้น เขาจึงรีบเข้าไปประคองจับลุกขึ้นมานั่งพิงกับแผงอกของตัวเอง

“ท่านยาย เหตุใดถึงตัวร้อนขนาดนี้”

“ข้าไม่สบายมาหลายวันแล้ว ลูกชายก็ออกไปทำงาน พอดีหิวน้ำเลยเดินมาดื่มน้ำที่โต๊ะ แต่ดันหน้ามืดล้มลงแล้วลุกไม่ขึ้นเสียก่อน”

“ข้าว่าตัวร้อนขนาดนี้ไปให้ท่านหมอดูอาการดีกว่า” ร่างสูงโปร่งเห็นหญิงชรายังพอพูดจาตอบโต้ได้ จึงช่วยพยุงให้ลุกขึ้นมานั่งบนตั่งไม้ ก่อนจะหันไปสั่งให้บุตรชายบุตรสาวช่วยกันหาผ้าหาน้ำสะอาดใส่ถังมา จากนั้นก็ลงมือเช็ดตัวเพื่อลดไอร้อนในร่างกาย แต่สีหน้าของหญิงชราก็ยังไม่ดีขึ้น

หญิงชราส่ายหน้า เพราะไม่อยากเป็นภาระให้ลูกหลาน หากพวกเขาหยุดงาน ก็จะขาดรายได้ แล้วอีกอย่าง “ไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วละ เกวียนออกไปหมดแล้ว กว่าจะกลับเข้ามาก็ช่วงบ่ายนั่นแหละ”

โม่เสี่ยวถงดูอาการแล้ว อย่างไรหญิงชราก็ต้องไปพบหมอ ระหว่างที่คิดหาทางออก หญิงชราก็ฟุบหมดสติไปต่อหน้าต่อตา “ท่านยาย ๆ ฟื้นสิขอรับ ไม่ได้การปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้ เซี่ยงเฟิงหาผ้าผืนยาว ๆ มามัดตัวท่านยายติดกับพ่อให้หน่อย”

เมื่อไม่มีเกวียนก็ต้องใช้สองเท้านี้แหละพาหญิงชราไปหาหมอ ขืนปล่อยไว้อาจจะไม่ทันกาล ชายหนุ่มจัดแจงให้หญิงชราขี่หลัง ให้บุตรชายบุตรสาว ช่วยกันผูกผ้ามัดเอาไว้ ป้องกันไม่ให้หญิงชราตกจากหลัง

“เซี่ยงเฟิง เสี่ยวอิง ลูกอยู่ที่นี่ ขอร้องให้ชาวบ้านช่วยไปตามลูก ๆ ของท่านยาย บอกให้พวกเขาตามไปที่ตัวอำเภอ พ่อจะล่วงหน้าไปก่อน”

สั่งการลูก ๆ จบ ก็ออกตัววิ่งจากบ้านของหญิงชราไปตามทางของหมู่บ้าน ผ่านชาวบ้านหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ แม้พวกเขาจะรังเกียจไม่อยากเสวนาด้วย แต่ความอยากรู้มีมากกว่า จึงพากันตะโกนถามตลอดทางที่เขาวิ่งผ่าน

“เกิดอะไรขึ้น แม่เฒ่าจางเป็นอะไรไป”

โม่เสี่ยวถงไม่มีเวลาหยุดตอบคำถามของคนพวกนั้น ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไม่หยุด ไม่สนใจความเหน็ดเหนื่อย คิดอยู่อย่างเดียว ว่าต้องการช่วยให้หญิงชรารอด ผ่านมาประมาณครึ่งชั่วยาม แม้สองขาจะอ่อนแรง หายใจหอบเหนื่อยจนต้องอ้าปากพะงาบ ๆ ชายหนุ่มก็ยังฝืนวิ่งต่อไป จนในที่สุดก็มาถึงโรงหมอแห่งหนึ่งในตัวอำเภอ

“ช่วยท่านยายด้วยขอรับ” พอส่งหญิงชราให้คนในโรงหมอแล้ว ร่างสูงโปร่งก็ทรุดฮวบลงนั่งอ้าปากหมดเรี่ยวแรงอยู่ตรงนั้น ยังดีที่มีหญิงคนหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเพศสภาพเกอ นำน้ำดื่มมายื่นส่งให้ รอให้ระบบหายใจกลับมาเป็นปกติ เขาถึงได้ดื่มน้ำเข้าไป ร่างกายจึงค่อยเริ่มกลับมามีเรี่ยวแรง

ผ่านไปสักพักบุตรชายของท่านยาย ที่วิ่งกระหืดกระหอบมาจากบ้าน ก็มาตามหาจนมาเจอโม่เสี่ยวถงนั่งอยู่ “ท่านแม่ ท่านแม่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”

จังหวะนั้นท่านหมอที่ตรวจอาการของท่านยายก็ออกมาถามหาญาติ ชายผู้นี้จึงเดินเข้าไปหา ท่านหมอก็รายงานอาการของคนป่วย พร้อมกับทิ้งท้ายว่า “หากมารดาของท่านมาช้ากว่านี้ เกรงว่าคงไม่รอด”

พอได้ยินเช่นนั้นบุตรชายของหญิงชรา รีบเดินเข้ามาดึงมือทั้งสองข้างของผู้ที่พามารดามาส่งโรงหมอไปกุมเอาไว้ แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง “ขอบใจเจ้ามากจริง ๆ ที่ช่วยพาท่านแม่ของข้าวิ่งมาหาท่านหมอได้ทันเวลา หากช้าไปกว่านี้...” เหมือนมีก้อนบางอย่างขึ้นมาจุกในลำคอ ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกอีก

โม่เสี่ยวถงรีบดึงมือออก ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ แต่แค่รู้สึกแปลก ๆ ที่ผู้ชายด้วยกันมากุมมือในลักษณะนี้ “ไม่เป็นไรนะ ใจเย็น ๆ ท่านยายเองก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนละ ลูก ๆ รอข้าอยู่” เนื่องจากไม่มีเงินติดตัวเหมาเกวียนจากตัวอำเภอไปส่ง เขาจึงคิดจะเดินกลับไปที่หมู่บ้าน

บุตรชายของหญิงชราเองก็รู้ ว่าชีวิตของเกอผู้นี้น่าสงสารแค่ไหน ในตอนแรกเขาก็คิดเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่รังเกียจและดูถูกคนที่มีเพศสภาพไม่บริสุทธิ์ แต่อีกฝ่ายกลับช่วยชีวิตมารดาของเขา แม้จะต้องวิ่งมาเป็นระยะทางไกลพอสมควร มันทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ไม่ควรคิดดูถูกหรือรังเกียจเลย เพราะเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน และยังเป็นคนที่มีจิตใจดีมากด้วย เขาหยิบเงินขึ้นมาจำนวนหนึ่ง หยิบยื่นให้คนตรงหน้า

“เอาเงินนี้ไปเหมาเกวียนเถอะ เดินแบกมารดาข้ามาตั้งไกล ยังจะต้องเดินกลับอีก ข้าว่าเจ้าไม่ไหวหรอก”

โม่เสี่ยวถงกำลังคิดจะปฏิเสธ แต่ชายผู้นั้นก็ยัดเงินใส่ในมือให้ แล้วบอกเขาว่าลูกน้อยกำลังรออยู่ เขาถึงได้ยอมรับเงิน แล้วนำเงินนั้นไปเหมาเกวียนเล่มหนึ่ง เดินทางกลับเข้าหมู่บ้าน

ชาวบ้านในโรงหมอเห็นชายหนุ่มเกอไปแล้ว ก็เข้ามาสอบถามบุตรชายของหญิงชราว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น บุตรชายของหญิงชราก็เล่าความดีของชายหนุ่มเกอให้ชาวบ้านฟัง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม พอชาวบ้านคนหนึ่งรู้ ก็พูดกันไปปากต่อปาก บางคนเริ่มรู้สึกเหมือนชายหนุ่ม คือ เริ่มคิดกับคนที่มีเพศสภาพที่สามไปในทางที่ดีขึ้น...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel