บท
ตั้งค่า

ทำใจยอมรับความจริง 2

หลังจากทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หม่าเหยาก็เดินออกไปที่แปลงผักด้านหลังเรือนเพื่อสูดอากาศให้ผ่อนคลายจากเรื่องประหลาดที่ได้เจอ ซึ่งที่ดินตรงนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็เพียงพอให้ปลูกพืชผักได้หลายชนิด ซึ่งมีตั้งแต่ผักกาดขาว หัวไชเท้า ต้นหอม และผักชี

หม่าเหยารู้มาว่าสามีของนางเป็นผู้รับหน้าที่นำผักไปขายที่ตลาดทุกวันในช่วงยามอิ๋น รายได้ทั้งหมดถูกนำมาเข้ากองกลางของเรือน และถูกแบ่งใช้จ่ายตามความเหมาะสม

เมื่อหม่าเหยาพิจารณาดูแล้ว ครอบครัวของสามีก็ไม่ได้เลวร้าย พวกเขาเพียงใช้ชีวิตแบบชาวบ้านทั่วไป สามีของนางเป็นบุตรชายคนรองของสกุลเซี่ยที่ต้องทำงานหนักเพื่อช่วยครอบครัว ส่วนพี่ชายคนโตเซี่ยหมิงข่ายทำงานอื่นในตลาด และภรรยาของเขาก็รับหน้าที่ดูแลงานบ้านงานเรือนทั้งหมด เนื่องจากต้องเลี้ยงบุตรสาววัยสองขวบด้วย

แต่หม่าเหยานางไม่ต้องการใช้ชีวิตแบบนี้ เนื่องจากนางมาจากยุคสมัยใหม่ที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นเพียงแรงงานในเรือนของใครหลังจากแต่งงาน ยิ่งถูกสะใภ้ใหญ่โขกสับด้วยแล้ว คนอย่างหม่าเหยาไม่มีทางยอมได้

หลังจากคิดได้เช่นนั้น หม่าเหยาก็รีบหันหลังกลับแล้วเดินตรงไปยังเรือนนอนที่ตื่นขึ้นมาเมื่อเช้าในทันที เนื่องจากวันนี้เป็นวันพักผ่อนจากการแต่งงาน เซี่ยเทียนหมิงจึงไม่ได้ออกไปขายผักที่ตลาดเมื่อเข้ามาในห้อง หม่าเหยาก็พบกับบุรุษเจ้าของสันกรามคมชัดและคิ้วองอาจผึ่งผายที่ขึ้นชื่อว่าได้เป็นสามีของนางในยุคนี้ กำลังนั่งจับพู่กันขีดเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษอย่างตั้งใจ

แต่เมื่อเซี่ยเทียนหมิงรู้ตัวว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมา เขาก็วางพู่กันลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ดวงตาทั้งสองข้างของเขาหยักโค้งเล็กน้อยเป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายกล่าวธุระมา

“ขะ ข้ามีเรื่องที่ต้องการจะคุยกับเจ้าหน่อยค่ะ อะ เอ้ย เจ้าค่ะ”

เสียงหวานกล่าวขึ้นอย่างติด ๆ ขัด ๆ เนื่องจากไม่คุ้นชินกับการพูดและคนตรงหน้า เซี่ยเทียนหมิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยมองภรรยาในนามด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมพยักหน้าให้นางเดินเข้ามาหาได้

“มีอะไรเหรอ”

เซี่ยเทียนหมิงเอ่ยถามเสียงเรียบ หม่าเหยาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้าให้ได้มากที่สุดอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปตรง ๆ

“ขะ ข้าต้องการให้พวกเราแยกเรือนออกไปอยู่ด้วยกันเพียงสองคนเจ้าค่ะ”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ”

“…ข้าไม่ต้องการอยู่ในเรือนหลังนี้ร่วมกับครอบครัวของเจ้า เอ่อ…ข้าเข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ข้าไม่ต้องการใช้ชีวิตแต่งงานแบบนี้จริง ๆ”

“แต่นี่คือเรือนของข้า เจ้าพึ่งจะแต่งเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงวัน ไยถึงต้องการแยกไปอยู่ที่อื่นแล้วล่ะ”

“เพราะว่าข้าแต่งเข้ามาในฐานะภรรยา ไม่ใช่แรงงานของครอบครัวเจ้า ตอนนี้ข้าเป็นภรรยาของเจ้าแล้ว เราก็ควรแยกออกไปใช้ชีวิตร่วมกันเพียงสองคนไม่ใช่เหรอ”

เซี่ยเทียนหมิงมองนางตรงหน้าอย่างนิ่ง ๆ เพื่อใช้ความคิด จากวันที่เขาเลือกแต่งนางเข้ามา เขามิได้คาดคิดเลยว่านางจะเป็นสตรีที่พูดจาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

เพราะว่าสตรีทั่วไปที่ถูกขายมาแต่งงานก็มักจะก้มหน้ารับชะตากรรมของตัวเองกันทั้งนั้น

“แล้วเจ้าคิดว่าเราสามารถอยู่ด้วยกันเพียงสองคนได้หรือ เจ้าเคยใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาก่อนหรือไม่”

“…ข้าไม่รู้ แต่ข้าอยากลอง”

“แล้วเจ้าแน่ใจเหรอว่าการอยู่ด้วยกันตามลำพังจะดีกว่าการอยู่ร่วมกับครอบครัวใหญ่”

“ข้าก็แค่…ไม่ต้องการเป็นภาระของครอบครัวเจ้า และข้าไม่ต้องการให้ครอบครัวของเจ้ามาเป็นภาระของข้าเช่นกัน”

หม่าเหยาไม่ใช่สตรีที่เกิดมาเพื่อทำงานหนักเลี้ยงดูผู้อื่น นางมีชีวิตของนางเอง และในเมื่อโชคชะตานำพานางมาอยู่ที่นี่กับสามีขายผักแล้ว นางก็ต้องการใช้ชีวิตแต่งงานร่วมกันเพียงสองคนเท่านั้น

“ข้าจะลองพิจารณาดูก็แล้วกัน”

คำตอบของเซี่ยเทียนหมิงไม่ใช่การปฏิเสธ แต่มันก็ไม่ใช่การตอบรับเช่นกัน แต่สำหรับหม่าเหยานั้น แค่นี้ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel