นิ้วทองคำที่สวรรค์มอบให้
หม่าเหยาเดินออกมาจากเรือนนอนเพื่อเดินไปยังแปลงผักด้านหลังเรือนอีกครั้ง หลังจากที่ได้พูดคุยกับสามีเกี่ยวกับการแยกเรือนออกไปอยู่ด้วยกันเพียงสองคนแล้ว
แม้จะไม่ได้รับการตอบรับที่แน่ชัดจากอีกฝ่าย แต่ในใจของหม่าเหยาก็ยังเต็มไปด้วยความหวังที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง และไม่ต้องทนอยู่ในฐานะแรงงานของครอบครัวสามีเช่นนี้อีก
เมื่อไปถึงแปลงผัก หม่าเหยาก็เห็นต้นผักหลายต้นที่อยู่ในสภาพเดิม แต่ในขณะที่นางก้มลงไปใกล้ ๆ แล้วใช้นิ้วสัมผัสกับดิน ปลายนิ้วของนางก็สั่นไปทั่วร่างกายเหมือนกับว่ามีพลังบางอย่างไหลผ่าน
‘นะ นี่มันอะไรกันอีก’
เสียงทุ้มในใจของหม่าเหยาดังขึ้น นางรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ปลายนิ้วราวกับว่ามีพลังงานลึกลับที่นางไม่เข้าใจแฝงอยู่ในตัวอย่างไรอย่างนั้น หม่าเหยาเลื่อนมือไปสัมผัสกับต้นผักกาดขาวที่ยังเล็กอยู่เพื่อทดลองอีกครั้ง
เมื่อปลายนิ้วของนางสัมผัสกับดิน ในพริบตาเดียวผักกาดขาวที่เคยเล็กและอ่อนแอกลับเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
หม่าเหยาถึงกลับถอยหลังอย่างตกใจ มือของนางสั่นอยู่ในอากาศ ขณะที่หูของนางเริ่มได้ยินเสียงแผ่วเบาของการเจริญเติบโตที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผักบางชนิดแยกออกเป็นหลายก้านใหญ่ อีกทั้งบางต้นก็มีใบเขียวเต็มต้นอย่างผิดแปลกไปตามธรรมชาติ
“ทะ ทำไมมันถึงโตขึ้นเร็วขนาดนี้ล่ะ”
หม่าเหยาพึมพำกับตัวเองด้วยความตกใจ มองไปที่แปลงผักที่ตอนนี้เต็มไปด้วยผักที่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ
หม่าเหยาตั้งสติแล้วลองยืดมือไปข้างหน้าและแตะกับต้นหอมที่ปลูกไว้ใกล้ ๆ ทันใดนั้นใบของมันก็เริ่มยืดออกอย่างรวดเร็ว และเติบโตจนสูงเกือบเท่าผักกาดขาวที่พึ่งโตขึ้นเมื่อครู่นี้
“มะ มันจะเป็นไปได้อย่างไร”
หม่าเหยาพึมพำ เบื้องหน้าของนางกลับเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ที่ไม่สามารถอธิบายได้
ตอนนี้ในใจของหม่าเหยาเต้นรัวราวกับกำลังเจอกับสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ เป็นพลังงานบางอย่างที่ไม่มีทางเข้าใจได้ในตอนนี้ แต่ความรู้สึกบอกให้หม่าเหยารู้ว่านางสามารถควบคุมมันได้ แม้จะยังไม่เข้าใจดีนักก็ตาม
“มันคืออะไร แล้วทำไมข้าถึงมีพลังงานแบบนี้”
ด้วยความสับสนเป็นอย่างมาก หม่าเหยาจึงลองยื่นมือไปแตะกับต้นผักที่ยังเป็นต้นเล็ก ๆ อยู่อีกครั้ง แต่คราวนี้พลังงานที่ไหลออกมาจากปลายนิ้วของนางก็ทำให้ต้นผักเหล่านั้นเติบโตอย่างมหัศจรรย์มากยิ่งขึ้น
“ปลายนิ้วของข้า…”
หม่าเหยาเบิกตากว้างกว่าเดิม ความจริงเริ่มผุดขึ้นมาในใจ พลังงานที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความบังเอิญ นางสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง
มันเหมือนกับน้ำพุที่มีพลังการฟื้นฟูบางอย่างอยู่ในนั้น นางลองปล่อยมือจากต้นผักและยืนมองมันอยู่สักพัก ในที่สุดนางก็รู้ว่าสิ่งนี้อาจจะเป็นโอกาสที่นางกำลังตามหา นางมีพลังวิเศษในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ โดยไม่รู้ตัว
“…ข้าใช้ประโยชน์จากมันได้ ขอบคุณเทพสวรรค์ที่ยังไม่ทอดทิ้งข้า”
หม่าเหยาพึมพำกับตัวเอง ใจของนางเต็มไปด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ นางมองแปลงผักที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกมั่นใจในพลังวิเศษที่ตัวเองค้นพบ
แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่หม่าเหยาไม่สามารถละทิ้งไปได้ นั่นก็คือความต้องการที่จะมีชีวิตที่เป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องอยู่ร่วมกับครอบครัวของสามี
เช้าวันต่อมา ขณะที่หม่าเหยากำลังรดน้ำผักอย่างเงียบ ๆ เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่เสียงของหนิงหยู่จะดังขึ้นอย่างตกตะลึงเป็นคนแรก
“นะ นี่มันอะไรกัน!”
หม่าเหยารีบหันไปมองอย่างแสร้งตกใจ ก่อนจะพบว่าพี่สะใภ้ยืนอ้าปากค้างอยู่ที่ขอบแปลงผัก ตามมาด้วยบิดามารดาและพี่ชายของสามีที่กำลังกวาดสายตาดูแปลงผักรอบ ๆ อยู่อย่างตกตะลึง
“เมื่อวานยังเป็นต้นเล็ก ๆ อยู่เลย ทำไมวันนี้มันถึงโตทุกต้นแบบนี้ล่ะ”
เซี่ยหมิงข่ายพูดต่อจากภรรยา ก่อนที่จ้าวจิ้งหรูจะเอ่ยขึ้นบ้างพร้อมกับก้มลงไปจับใบผักด้วยมือไม้ที่สั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นและตกใจไม่แพ้กัน
“ผักกาดขาวสูงถึงเข่าของข้าแล้ว ผักชีก็หอมชื่นใจ ทั้งที่พึ่งหว่านเมล็ดไปเมื่อวานแท้ ๆ นี่มันเรื่องมหัศจรรย์หรืออย่างไรกัน”
