บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 เริ่มเพิ่มทักษะในแต่ละด้าน

เฉียนซีเว่ยเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตในโลกของมิตินี้ได้บ้างแล้วเนื่องจากอยู่ที่นี่มาได้ประมาณ 7 วัน หมู่บ้านติงเซียนแห่งนี้ตั้งอยู่ในแคว้นเทียนคง อากาศของที่นี่อบอุ่นเพราะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งอยู่ในช่วงปลายเดือนสองเริ่มต้นเดือนสาม ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาเทียนซานซึ่งมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์

เฉียนซีเว่ยเริ่มก่อไฟในเตาอิฐได้คล่องแคล่วขึ้นมาก จึงพยายามขออาสาช่วยฉินฮัวและเซี่ยอวี่เจินทำอาหาร ในหนึ่งวันเฉียนซีเว่ยต้องตื่นตั้งแต่ยามเหมา (เวลาประมาณ5.00-6.59 นาฬิกา) พอฟ้าเริ่มสางอาหารเช้าของบ้านเซี่ยจะเสร็จสิ้นพอดี อาหารของบ้านเซี่ยในหนึ่งวันมีสองมื้อคือมื้อเช้าและมื้อเย็น ในแต่ละมื้อจะประกอบด้วยน้ำแกงหนึ่งอย่างกินกับหมั่นโถว และกับข้าวอีกหนึ่งอย่าง

เช้านี้เฉียนซีเว่ยขออาสารับทำน้ำแกงไข่ใส่ผักกระเทียมป่า ส่วนเซี่ยอวี่เจินทำยำผักดองและนึ่งหมั่นโถว ความสัมพันธ์ของเฉียนซีเว่ยและเซี่ยอวี่เจิน ทั้งคู่ไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก บางครั้งหากเฉียนซีเว่ยถามเรื่องที่นางสงสัยกับเซี่ยอวี่เจินบ่อยครั้งเกินไป นางก็มักจะโดนเซี่ยอวี่เจินดุด่ากลับมาบ้างเพราะรู้สึกความรำคาญ แต่เฉียนซีเว่ยก็ไม่โกรธเคืองเพราะเริ่มจะจับทางเซี่ยอวี่เจินได้บ้างแล้วว่าเซี่ยอวี่เจินต้องกลายเป็นสตรีปากร้ายเพราะมีสาเหตุ อย่างเช่นเช้าวันนี้ที่เซี่ยอวี่เจินโวยวายตั้งแต่เช้า

"ท่านแม่ท่านนำแป้งไปแบ่งให้บ้านมู่อีกแล้วหรือเจ้าคะ" เสียงของเซี่ยอวี่เจินโวยวายดังขึ้นเมื่อนางวางแผนจะนึ่งหมั่นโถวในเช้าวันนี้แล้วตรวจพบว่าแป้งที่จะใช้การทำนึ่งหมั่นโถวหายไปจำนวนหนึ่ง

"ท่านป้ามู่มาขอยืมแป้งกับแม่เมื่อวานตอนเย็น " ฉินฮัวที่กำลังจะเตรียมตัวออกไปในเมืองเพื่อนำผ้าไปขายเอ่ยตอบ

"ท่านใจดีกับผู้อื่นแบบนี้สักวันบ้านเราจะไม่มีแม้แต่หมั่นโถวให้กิน ทุกคนในบ้านคงจะต้องกินโจ๊กใสๆ เหมือนกับบ้านอื่นในหมู่บ้านอีกในไม่ช้า หากท่านแม่ให้ผู้อื่นมายืมแป้งบ่อยๆ เช่นนี้ ท่านแม่ก็รู้ว่าในเวลาอันใกล้นี้อย่างไรเสียก็ไม่มีใครนำแป้งมาคืนพวกเราได้ ต้องรอไปจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวบ้านอื่นจึงจะมีแป้งนำมาคืนบ้านเรา แต่ท่านแม่ก็ยังให้ผู้อื่นมาขอยืมแป้งจากบ้านเราไปอีก" เซี่ยอวี่เจินกระแทกเสียงบ่นก่อนจะลงมือทำงานต่อ

ซึ่งฉินฮัวก็ทำเพียงยิ้มแย้มรับคำบ่นแต่ไม่เอ่ยโต้ตอบอะไรต่อบุตรสาว เพราะในใจของฉินฮัวนั้นรู้ดีว่า สิ่งที่เซี่ยอวี่เจินพูดนั้นถูกทุกคำ แต่สำหรับคนจิตใจดีอย่างฉินฮัวเมื่อผู้อื่นมาขอร้องนาง แล้วนางสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ก็มักจะไม่ปฏิเสธคำขอร้องของผู้อื่น

"ช่วยเหลือผู้อื่นไปจนทั่ว แต่พอพวกเราลำบากบ้างกลับไม่มีบ้านไหนมาช่วยเหลือพวกเราได้บ้างเลย" เซี่ยอวี่เจินบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

เฉียนซีเว่ยทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีก้มหน้าทำน้ำแกงไข่ต่อไปอย่างนิ่งเงียบ โดยเริ่มวางหม้อดินลงบนเตาไฟแล้วเทน้ำลงไปรอจนน้ำเดือดจัดจึงตำหัวกระเทียมป่าลงไปต้มจนหอม ระหว่างนี้นางตีไข่ในชามจนไข่พองฟู ก่อนจะโรยเกลือลงไปในไข่แล้วเทไข่ลงไปในน้ำเดือดจัด นำต้นกระเทียมหั่นฝอยโรยปิดท้าย กลิ่นหอมของน้ำแกงทำให้เฉียนซีเว่ยมีสีหน้าพึงพอใจ ได้แต่นึกเสียดายที่นี่ไม่มีน้ำหมักซอสไม่อย่างนั้นน้ำแกงไข่จะเข้มข้นอร่อยมากกว่านี้

เซี่ยอวี่เจินเองก็รู้สึกดีต่อเฉียนซีเว่ยเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เพราะหลายวันมานี้เด็กสาวผู้นี้ขยันช่วยงานนางได้หลายอย่าง ไม่เคยทำตัวว่างงาน อย่างต้นกระเทียมป่านี้เฉียนซีเว่ยก็เป็นผู้ค้นพบบนภูเขาตอนที่นางขอขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรไปขายให้ท่านหมอเสิ่น

ฝีมือการทำอาหารของเฉียนซีเว่ยนับวันก็ยิ่งอร่อยเพราะมีสมุนไพรแปลกใหม่มาใส่เพิ่มรสชาติอาหารอยู่เสมอ เซี่ยอวี่เจินตักน้ำแกงไข่ขึ้นมาชิมก่อนจะพูดชมเชยฝีมือการทำอาหารของเฉียนซีเว่ยอยู่ในใจ

'ยินดีกับผู้เล่นเฉียนซีเว่ย ได้รับความชื่นชมจากเซี่ยอวี่เจินเพิ่มคะแนนค่าประสบการณ์ชีวิต 20แต้ม ได้รับทักษะการทำอาหารชั้นซี เพิ่มเป็น 20 เปอร์เซ็นต์’ นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าเซี่ยอวี่เจินปากร้ายแต่ใจดี ขอเพียงทำให้เซี่ยอวี่เจินพึงพอใจนางจะให้ค่าประสบการณ์ชีวิตแก่เฉียนซีเว่ยมากกว่าผู้ใดในบ้านตระกูลเซี่ย

ในขณะที่ในบ้านตระกูลเซี่ย ท่านพ่อเซี่ยเป็นคนที่ให้คะแนนนางน้อยที่สุด เซี่ยเซิงชวนเป็นบัณทิตผอมแห้งที่ชื่นชอบอะไรน้อยมาก เพราะเขาสนใจเพียงหนังสือและตำรา เขาเป็นบัณฑิตตกยากที่ยังไม่ทันได้ไปสอบในสนามสอบขั้นสูงก็ล้มป่วยไปเสียก่อน ดังนั้นจะทำให้เขาชื่นชมอะไรนอกจากตำราเป็นเรื่องยากมาก อย่างเช่นเช้านี้เขาชิมน้ำแกงไข่ที่เฉียนซีเว่ยตั้งใจปรุงเป็นพิเศษ ก็ไม่ได้มีความประทับใจหรือชื่นชมฝีมือการทำอาหารของเฉียนซีเว่ยเลยสักนิด

หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เฉียนซีเว่ยจึงทำความสะอาดบ้าน นางทำความสะอาดตั้งแต่ห้องส่วนตัวของนางจนลามไปถึงห้องครัว ดังนั้นทักษะเรื่องที่อยู่อาศัยของเฉียนซีเว่ยในยามนี้จึงมีการพัฒนาการเพิ่มมากที่สุด ในยามนี้ทักษะเรื่องที่อยู่อาศัยอยู่ในชั้นซี 60เปอร์เซ็นต์แล้ว

มีเพียงทักษะเรื่องงานเย็บปักเท่านั้นที่ไม่มีพัฒนาการ ส่วนทักษะเรื่องยารักษาโรคนั้นเฉียนซีเว่ยอยู่ในขั้นชั้นซี 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะเวลาว่างเฉียนซีเว่ยมักขอเดินขึ้นเขาไปเก็บผักและสมุนไพรนำไปขายให้ท่านหมอเสิ่นเพื่อหารายได้ให้ตนเอง และเก็บผักมาทำอาหารให้แก่บ้านตระกูลเซี่ย แต่เนื่องจากไม่คุ้นเคยทางจึงไปหาสมุนไพรบนเขาได้ไม่ไกลนักคะแนนทักษะจึงเพิ่มได้น้อย

เมื่อฉินฮัวออกเดินทางเข้าเมืองเหลือเพียงเซี่ยอวี่เจิน เฉียนซีเว่ยรู้สึกว่าวันนี้เซี่ยอวี่เจินอารมณ์ดีมากกว่าทุกวัน จึงลองตัดสินใจพูดจาขอร้องเซี่ยอวี่เจิน

"พี่สาวเซี่ย ข้าเห็นว่าพี่สาวปักผ้าสวยมาก พี่ช่วยสอนข้าเย็บผ้าหรือปักผ้าให้เป็นลวดลายง่ายๆ ได้ไหมเจ้าคะ"

เซี่ยอวี่เจินขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้นว่า "วิชาการปักผ้าของตระกูลเซี่ย เป็นการปักผ้าที่มีรูปแบบเฉพาะสอนให้คนนอกไม่ได้หรอก คงต้องรอให้เจ้าแต่งงานมาเป็นสะใภ้ตระกูลเซี่ยจริงๆ เสียก่อน ถึงเวลานั้นท่านแม่คงจะลงมือสอนเจ้าด้วยตัวเอง แต่การปักผ้ามิใช่เรื่องง่ายต้องฝึกปรือตั้งแต่เด็ก ตัวข้าเองฝึกตั้งแต่อายุน้อยเพียงสามหรือสี่ปีก็ฝึกจับเข็มปักผ้าแล้ว เจ้ามือหยาบกร้านเพราะทำงานหนักมากมานานแล้วจะมาทำงานละเอียดลอออย่างนี้ได้หรือ"

เฉียนซีเว่ยส่งยิ้มประจบเอาใจให้แก่เซี่ยอวี่เจิน "พี่สาวข้าไม่ได้โลภมากถึงกับกล้าหวังให้พี่สาวสอนวิธีการปักผ้าขั้นสูงให้แก่ข้าหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากเย็บผ้าให้เป็นเท่านั้น ข้าอยากรบกวนให้พี่สาวสอนข้าถึงวิธีการจับเข็มลงเข็มเย็บผ้าก็พอเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าเข็ม เส้นด้ายและผ้ามีราคาแพง ข้าจึงอยากจะขอยืมเข็มและขอแบ่งซื้อเส้นด้ายกับผ้าจากพี่สาวเพื่อนำมาฝึกมือก่อนเจ้าค่ะ ข้านำสมุนไพรไปขายกับท่านหมอเสิ่น ในเวลานี้ข้ามีเงินประมาณ 2ก้วนแล้ว ข้าขอใช้เงินจำนวนนี้ซื้อผ้าและเส้นด้ายจากพี่สาวได้ไหมเจ้าคะ"

เฉียนซีเว่ยเคยถามราคาผ้า ราคาด้ายและเข็มมาจากเซี่ยอวี่เจินก่อนหน้านี้มาบ้างแล้ว จึงรู้ว่าเข็มปักผ้าและเข็มเย็บผ้ามีราคาแพงหลายก้วน นางจึงเอ่ยปากขอยืมใช้เข็มกับเซี่ยอวี่เจินก่อน เพราะรู้ว่าหากไปขอกับฉินฮัวนางคงจะได้ทุกอย่างมาจากฉินฮัวจนครบโดยไม่ต้องซื้อ แต่หากเซี่ยอวี่เจินมารู้เรื่องนี้ทีหลังคงจะโวยวายอย่างแน่นอน

เซี่ยอวี่เจินมองท่าทางกระตือรือร้นของเฉียนซีเว่ยแล้วเกิดความรู้สึกใจอ่อน "ข้าจะให้เจ้ายืมเข็มเย็บผ้า ส่วนผ้าและเส้นด้ายเจ้าไม่ต้องซื้อหรอก เพราะข้ามีเสื้อผ้าเก่าอยู่จำนวนหนึ่งเจ้าตัดผ้ามาจากชุดเก่าเหล่านั้นมาฝึกเย็บไปก่อน ส่วนเส้นด้ายนั้นก็มีราคาไม่แพงข้าสามารถมอบให้เจ้าได้ หลี่หลูเลี้ยงดูเจ้าอย่างไรกันแม้แต่การเย็บผ้าเจ้าก็เย็บไม่เป็น" ปากของเซี่ยอวี่เจินบ่นแต่ตัวของนางกับลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องส่วนตัวของนางเพื่อรื้อหาเสื้อผ้าเก่า เข็มเย็บผ้าและม้วนเส้นด้ายนำมามอบให้เฉียนซี่เว่ย

เฉียนซีเว่ยอมยิ้ม และก้มมองผ้าปักลายดอกไห่ถังของเซี่ยอวี่เจินด้วยความสนใจ เมื่อเซี่ยอวี่เจินเดินกลับมาพร้อมเข็ม เส้นด้ายและผ้า เฉียนซีเว่ยจึงนั่งหัดเย็บผ้าตามคำสอนของเซี่ยอวี่เจิน เมื่อหัดเย็บผ้าไปได้อย่างราบรื่น เฉียนซีเว่ยแอบเหลือบมองลายผ้าปักของเซี่ยอวี่เจิน

"พี่สาวเซี่ยชอบปักผ้าลายดอกไม้หรือเจ้าคะ ข้าเห็นพี่สาวปักลายดอกไห่ถังใส่บนผ้าหลายผืนแล้วแต่ไม่เห็นว่าพี่สาวปักลายอื่นๆ บ้างเลยเจ้าค่ะ"

เซี่ยอวี่เจินมุ่ยปากก่อนจะพูดขึ้นว่า "ข้าวาดลายดอกไห่ถังได้สวยที่สุดแล้ว แต่ลายอื่นๆ ข้าวาดภาพไม่ค่อยสวยจึงไม่ได้ปักลายอื่นๆ ลงไป ถ้าหากพี่ชายใหญ่ยังอยู่เขามักจะชอบวาดภาพทิวทัศน์สายน้ำภูเขา ท่านแม่มักจะให้พี่ใหญ่วาดภาพใส่ผ้าผืนใหญ่ที่ทำเป็นฉากกั้นได้ ผ้าปักภาพเหล่านั้นขายได้ราคาแพงมาก บางผืนขายได้ราคาสูงถึง10ตำลึงทองเลยด้วยซ้ำ ช่างน่าเสียดายที่พี่ใหญ่ของข้าไม่อยู่บ้านเสียแล้ว ส่วนบัณฑิตอย่างท่านพ่อนั้นหน้าบางยึดถือคติบัณฑิตมือเปื้อนเงินนั้นทำให้ศักดิ์ศรีหม่นหมอง ท่านพ่อจึงไม่ยินยอมวาดรูปใส่ลายผ้าให้ข้าและท่านแม่ แม้จะมีฝีมือปักผ้าสูงส่งสวยมากเพียงใด แต่การปักผ้าลวดลายเดิมๆ นั้นก็ทำให้ท่านแม่และข้าขายผ้าปักในราคาที่ต่ำลงทุกๆ วัน" เซี่ยอวี่เจินเผลอระบายความทุกข์ใจให้เฉียนซีเว่ยฟัง

เฉียนซีเว่ยอยากจะลองเสนอวาดภาพลงบนผ้าให้สองแม่ลูก แต่เมื่อนางคิดได้ว่าเด็กสาวชาวบ้านคนหนึ่งไม่ได้เรียนหนังสือไม่รู้จักแม้แต่ตัวอักษรจะวาดภาพได้อย่างไร อีกอย่างนางถนัดแต่ใช้ดินสอวาดภาพเหมือนของพืชสมุนไพรเพื่อส่งงานเท่านั้น การจับพู่กันนั้นก็ไม่ถนัดมือจึงเลือกที่จะเงียบและก้มหน้าฝึกทักษะการเย็บผ้าต่อไป ในเวลานี้เรื่องที่นางต้องเร่งลงมือคือการแต่งงานกับเซี่ยอวี่เฉินต่อให้ต้องแต่งกับป้ายชื่อของอีกฝ่ายก็ตาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel