บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 บ้านตระกูลเซี่ย

เฉียนซีเว่ยหลังจากเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนสวมใส่ชุดที่เพิ่งได้มาใหม่แม้ชุดจะดูเก่าเล็กน้อยแต่สะอาดไม่มีแม้แต่รอยแก้ปะชุนรอยขาดชุดยังอยู่ในสภาพดีมาก เมื่อได้เปลี่ยนชุดแล้วเฉียนซีเว่ยจัดการทิ้งชุดสกปรกที่สวมใส่อยู่ก่อนหน้านี้ไปจึงรู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมาก

เมื่อเฉียนซีเว่ยรู้สึกสบายตัวมากขึ้นจึงล้มตัวนอนหลับพักผ่อนบนเตียงลากยาวไปจนถึงตอนเย็น เมื่อตื่นขึ้นมาเฉียนซีเว่ยนั่งอยู่บนเตียงเหม่อมองไปที่หน้าต่างดูดวงตะวันลับขอบฟ้าใกล้จะตกดิน ทำให้ท้องฟ้าดูมืดสลัว เฉียนซีเว่ยนั่งดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างเพลิดเพลินกลับต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงของสตรีแหลมสูงผู้หนึ่งกำลังส่งเสียงพูดไม่พอใจและอาละวาดอยู่ที่ลานกลางบ้าน

"ท่านแม่เวลานี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ท่านยังจะจุดไฟเพื่อนั่งปักผ้าอยู่อีกหรือเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ท่านก็ใช้สายตามากเกินไปจนปวดตาเพิ่งจะรักษาดวงตาให้หายได้ นี่ท่านแม่ยังจะทรมานร่างของตัวท่านอีกรอบหรือเจ้าคะ"

"แม่ปักผ้าอีกสักหน่อยก็จะพักแล้ว เจ้าทำอาหารเย็นเสร็จหรือยังอย่าได้ลืมแบ่งอาหารยกไปให้ซีเว่ยในห้องพี่ใหญ่ของเจ้าด้วยล่ะ"

"ท่านแม่ข้าเหนื่อยในการปรนนิบัติท่านพ่อทุกวันก็น่าจะเพียงพอแล้ว ยามนี้ท่านแม่ยังหาภาระมาให้ข้าปรนนิบัติคนเพิ่มอีก ท่านแม่คิดถึงแต่พี่ใหญ่ได้คิดถึงข้าบ้างหรือไม่ ปีนี้ข้าอายุ14 ปีแล้วนะเจ้าคะ"เซี่ยอวี่เจินพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อปนโวยวาย

"เจินเจิน สินเดิมของเจ้าแม่ได้จัดเตรียมไว้เอาไว้แล้ว เหตุใดแม่จะไม่ได้คิดเผื่อเจ้า เมื่อเจ้าแต่งงานออกเรือนไป พ่อและแม่จะได้มีสะใภ้มาช่วยปรนนิบัติดูแลพ่อและแม่ต่อไปในอนาคต เจ้าจะได้ออกแต่งงานออกเรือนไปอย่างหมดห่วง"

"ท่านแม่อย่ามาพูดว่าเห็นแก่ข้าเลยเจ้าค่ะ ข้ารู้นะเจ้าคะว่าท่านแม่รู้สึกสงสารเด็กนั่นมากกว่า เด็กคนนั้นป่วยจนใกล้ตายแบบนั้นเอานางมามีแต่เป็นภาระเสียเปล่า"

"เจินเจิน เจ้าคิดว่าเงินจำนวน 20 ตำลึง เพียงพอที่จะซื้อสาวใช้ดีๆ สักคนหรือไม่ อีกอย่างหากแม่ไปสู่ขอเจ้าสาวมาให้พี่ชายของเจ้าที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นหรือตาย เจ้าคิดว่าจะมีครอบครัวดีๆ บ้านไหนยินยอมยกบุตรสาวให้มาแต่งเข้าตระกูลเซี่ย ยิ่งมีค่าสินสอดให้เพียง 20 ตำลึงเท่านั้น แล้วจะมีบ้านใดยอมมาเกี่ยวดองกับบ้านเรา"

"แต่เฉียนซีเว่ยนางมีอายุเพียง12 ปีเท่านั้น นางเด็กกว่าข้าถึงสองปี ต่อให้พี่ชายมีชีวิตอยู่เขาก็คงไม่เห็นด้วยที่ท่านแม่แต่งภรรยาเด็กขนาดนี้ให้เขา"

"ภรรยาเด็กที่เลี้ยงดูในบ้านว่านอนสอนง่าย ดีกว่าได้สตรีที่หัวแข็งขาดความอ่อนโยนเสียอีก เจ้าก็รู้ท่านพ่อของเจ้าต้องการคนอ่อนโยนมาช่วยดูแล เฉียนซีเว่ยเป็นเด็กขยันจิตใจดีแม่เห็นนางมาตั้งแต่เด็กจึงเลือกนางอย่างไรล่ะ"

"แต่ท่านแม่ นางป่วยมากขนาดนั้นแม้คราวนี้จะไม่ต้องเสียเงินรักษานาง แต่ยังต้องทำอาหารดีๆ มาบำรุงร่างกายนางอีกนะเจ้าคะ" เซี่ยอวี่เจินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง เมื่อเห็นว่าคำพูดของฉินฮัวฟังดูมีเหตุผล

"ปรกติบ้านเราก็ต้องทำอาหารบำรุงร่างกายให้ท่านพ่อของเจ้าอยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่มชามและตะเกียบอีกคู่ เจ้าก็อย่าได้มีจิตใจคับแคบนักเลย เจ้ารีบไปทำอาหารเย็นเถิดก่อนฟ้าจะมืดค่ำมากกว่านี้"

เฉียนซีเว่ยยืนแอบฟังแม่ลูกตระกูลเซี่ยทุ่มเถียงกันจนพอสรุปได้ว่า บ้านตระกูลเซี่ยเดิมมีกันทั้งหมด 4 คน แต่ในยามนี้บุตรชายคนโตไปเป็นทหารและหายสาบสูญไปในสงคราม ส่วนท่านพ่อเซี่ยป่วยหนักอยู่แต่ในบ้าน ท่านแม่เซี่ยเป็นคนทำงานหาเงินเข้าบ้านโดยวิธีการปักผ้านำไปขาย ส่วนบุตรสาวคนเล็กเซี่ยอวี่เจินก็ใกล้จะแต่งงานออกเรือนแล้ว

เฉียนซีเว่ยสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ดูเหมือนคนในตระกูลเซี่ยเวลานี้มีเพียงท่านแม่เซี่ยเท่านั้นที่รู้สึกดีต่อนาง แม้จะช่วยเหลือนางเอาไว้ไม่ให้โดนหลี่หลูขายนางให้กับพ่อค้าทาส แต่ท่านแม่เซี่ยก็ไม่ได้รักใคร่เอ็นดูอะไรนางมากพอขนาดที่ว่าจะช่วยเหลือเฉียนซีเว่ยได้ตลอดไป เห็นทีนางต้องเร่งเพิ่มทักษะให้ตนเองและทำตัวให้มีประโยชน์ต่อบ้านตระกูลเซี่ย ทำให้ทุกคนในบ้านเซี่ยชื่นชอบนางแล้วนางก็จะได้รับคะแนนค่าประสบการณ์ชีวิตเพิ่มขึ้น

แต่ในเวลานี้เฉียนซีเว่ยยังคงมีร่างกายอ่อนแออยู่จึงเก็บตัวอยู่ในห้อง เมื่อเซี่ยอวี่เจินยกอาหารมาให้ในห้องก็ทำได้เพียงเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนจะกินอาหารจนหมดโดยไม่ได้พูดอะไรให้อีกฝ่ายรำคาญใจ

เซี่นอวี่เจินเห็นสีหน้าของเฉียนซีเว่ยดูดีขึ้นไม่ป่วยใกล้ตายเหมือนก่อนหน้านี้นางจึงรู้สึกดีขึ้น ยิ่งเห็นอีกฝ่ายกินอาหารได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากตนจึงนั่งรอให้เด็กสาวกินอาหารจนหมด ก่อนจะยกถาดอาหารที่มีชามเปล่าและกระบอกใส่น้ำเดินออกไปจากห้อง

เฉียนซีเว่ยนั่งรอจนเซี่ยอวี่เจินออกไปจากห้องแล้วจึงเรียกผู้ช่วยระบบอู๋ซือมิ่ง

'อู๋ซือมิ่งนำยาที่เหลือออกมาให้ฉัน'

'ได้เลยขวดยาอยู่ที่มือขวาของเจ้า'

เฉียนซีเว่ยมองยาที่อยู่ในมือขวาของตน เวลานี้ยาเหลือเพียงครึ่งขวด เฉียนซีเว่ยจึงตัดสินใจกินยาที่เหลือจนหมดและเก็บขวดเปล่าเข้าไปในช่องมิติ

'อู๋ซือมิ่งฉันจะเพิ่มทักษะต่างๆ ได้อย่างไร'

'ฝึกฝน เจ้าต้องฝึกฝนเพื่อเพิ่มพูนทักษะเช่นการทำอาหารเจ้าก็ต้องฝึกฝนโดยการทำอาหาร ทักษะการเย็บปักเจ้าก็ต้องทำการเย็บผ้าปักผ้า ทักษะการทำยารักษาโรคเจ้าจะเก็บสมุนไพรมาทำอาหารก็ได้จะได้เพิ่มทักษะพร้อมกันสองทาง ที่อยู่อาศัยคือการทำความสะอาดตกแต่งที่พักรวมไปถึงการที่เจ้าสามารถสร้างที่พักหลังใหม่จากความสามารถของเจ้าได้ แต่คะแนนที่พักนี้ข้าขอแนะนำว่าให้เจ้าดูแลทำความสะอาดบ้านไปก่อน'

เฉียนซีเว่ยทำความเข้าใจในการเพิ่มพูนทักษะ ก่อนจะนอนหลับพักผ่อนบนเตียงอีกครั้ง เนื่องจากนอนพักเยอะแล้ววันต่อมาเฉียนซีเว่ยจึงตื่นนอนเร็วมาก วันนี้เฉียนซีเว่ยคิดว่าจะเลือกฝึกฝนทักษะการทำอาหารของตนเองก่อน

ดังนั้นเช้ามืดวันต่อมาสองแม่ลูกตระกูลเซี่ยต่างตกใจที่พบกับเฉียนซีเว่ยอยู่ในห้องครัว เด็กสาวกำลังพยายามจุดเตาไฟจนใบหน้าดำจากคราบเขม่า

"........"เฉียนซีเว่ยหันมามองสองแม่ลูกตระกูลเซี่ยด้วยดวงตากลมโตดูน่าสงสาร เดิมเฉียนซีเว่ยมีความมั่นใจในฝีมือการทำกับข้าวของตนเองมาก เพราะปกติเฉียนซีเว่ยอยู่อพาทเมนท์คนเดียวจึงทำอาหารกินเองเป็นประจำ แต่เฉียนซีเว่ยลืมคิดไปว่าสถานที่นี้เป็นเหมือนยุคสมัยโบราณ เตาไฟสร้างขึ้นจากดินและอิฐการก่อไฟนั้นยากกว่าที่เฉียนซีเว่ยคิดเอาไว้มาก

"นี่เจ้าก่อไฟไม่เป็นหรอกหรือ" เซี่ยอวี่เจินเอ่ยถามเฉียนซีเว่ยด้วยน้ำเสียงแหลมสูง

"เอาล่ะๆ ไม่เป็นไร ซีเว่ยเจ้ามานี่ ป้าเซี่ยจะสอนเจ้าก่อเตาไฟเอง" ฉินฮัวไม่แปลกใจที่เฉียนซีเว่ยก่อเตาไฟไม่เป็น เพราะหลี่หลูผู้นั้นคงจะไม่ยอมให้เฉียนซีเว่ยเข้าไปในครัว หลี่หลูคงจะกลัวว่าเด็กสาวจะแอบขโมยของกินในครัว เด็กน้อยจึงได้ผอมบางขนาดนี้ ฉินฮัวพูดสอนเฉียนซีเว่ยก่อเตาไฟอย่างใจเย็น

"ต่อไปนี้ท่านป้าเรียกข้าว่าเว่ยเว่ยก็ได้เจ้าค่ะ" เฉียนซีเว่ยพูดด้วยน้ำเสียงประจบเล็กน้อยและช่วยงานในครัวอย่างกระตือรือร้น

หลังจากเสร็จสิ้นการทำอาหารมื้อเช้า แม้ว่าจะไม่ได้ลงมือทำอาหารด้วยตนเอง แต่ทักษะการทำอาหารเพิ่มมากขึ้นรวมถึงทักษะที่อยู่อาศัยด้วยเพราะหลังจากทำครัวเสร็จ เฉียนซีเว่ยขออาสาทำความสะอาดห้องครัวจนเสร็จ

"เว่ยเว่ยเจ้าตามป้ามา ป้าจะพาเจ้าไปพบกับท่านลุงเซี่ย" ฉินฮัวจัดสำหรับกับข้าวลงในถาดที่แยกเฉพาะ เตรียมจะยกถาดข้าวขึ้นมา

"ให้ข้าช่วยท่านป้ายกสำรับข้าวดีกว่าเจ้าค่ะ"

"อย่าเลย ถาดข้าวอาจจะหนักไปเจ้าเพิ่งหายป่วยน่าจะยกไม่ไหว ประเดี๋ยวถาดข้าวหกจะเสียดายอาหารกันเปล่าๆ รอให้เจ้าแข็งแรงก่อนค่อยทำในยามนี้เจ้าเดินตามป้ามาก็พอ"

ห้องของเซี่ยเซิ่งชวนอยู่ในบ้านหลักทางทิศเหนือ ตรงข้ามกับห้องของเซี่ยอวี่เฉิงที่อยู่ทางทิศใต้ ภายในห้องมีลักษณะเป็นห้องสองชั้นเหมือนกับห้องของเซี่ยอวี่เฉิง ห้องชั้นนอกมีโต๊ะกลมมีเก้าอี้นั่งลักษณะการตกแต่งห้องเหมือนกับห้องที่เฉียนซีเว่ยอาศัยอยู่ แต่ต่างกันตรงที่ระหว่างห้องชั้นนอกและห้องชั้นในมีผ้าม่านกั้นอีกชั้น

ภายในห้องชั้นในมีหน้าต่างมองออกไปด้านนอกจากบนเตียงนอนได้ บนเตียงมีชายร่างผอมนั่งพิงหัวเตียงอยู่ เฉียนซีเว่ยมองบุรุษหน้าตาคมคายแม้ว่าจะมีอายุมากแล้วด้วยสายตาทึ่งเล็กน้อย หากสามีในอนาคตของนางมีหน้าตาคล้ายกับบิดาของเขา เฉียนซีเว่ยก็รู้สึกว่าภารกิจนี้น่ารื่นรมย์ไม่น้อย

"ท่านพี่นี่คือเฉียนซีเว่ย เด็กสาวที่ข้าเล่าให้ท่านพี่ฟังเจ้าค่ะ เว่ยเว่ยนี่คือท่านลุงเซี่ย ต่อไปป้าอาจจะต้องรบกวนให้เจ้าเข้ามาช่วยดูแลท่านลุงในห้องนี้บ้าง"

เฉียนซีเว่ยยังไม่รู้ว่าที่นี่เขาทักทายกันแบบไหนจึงทำเพียงพยักหน้าแล้วเอ่ยทักทาย "ท่านลุงเซี่ย"

เซี่ยเซิ่งชวนมองเฉียนซีเว่ยอย่างพิจารณาก่อนจะพยักหน้ารับคำทักทายของเฉียนซีเว่ย "อืม...นางเป็นยังเด็กและผอมบางมากเกินไป ให้นางพักผ่อนให้มากไม่ต้องให้นางทำงานหนักล่ะ ลุงเรียกเจ้าว่าเว่ยเว่ยได้ใช่ไหม"

"ได้เจ้าค่ะ" เฉียนซีเว่ยตอบและรู้สึกดีต่อเซี่ยเซิ่งชวนเป็นอย่างมาก อีกฝ้ายดูเป็นคนสุภาพใจดีเหมือนกับฉินฮัวแต่ทำไมจึงมีบุตรสาวที่มีน้ำเสียงแหลมสูงอย่างเซี่ยอวี่เจินได้ เฉียนซีเว่ยได้แต่คิดสงสัยอยู่ในใจ

"ต่อไปเว่ยเว่ยก็คิดเสียว่าที่นี่คือบ้านของเจ้า อยู่ที่นี่ไม่มีกฎเกณฑ์อันใด ส่วนตัวลุงก็ไม่ต้องการคนปรนนิบัติหรอก เห็นลุงเจ็บป่วยอย่างนี้แต่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้"

"แต่ถ้าท่านลุงมีอะไรให้เว่ยเว่ยช่วย ท่านลุงเรียกข้าได้เลยนะเจ้าคะ ข้ายินดีจะช่วยเจ้าค่ะ"

"ดี ดี ดี นางช่างเป็นเด็กดีอย่างที่เจ้าพูดจริงๆ ด้วย" เซี่ยเซิงชวนเอ่ยชมถึงสามครั้งบ่งบอกว่าชอบเฉียนซีเว่ยมากเพียงใด

แต่เฉียนซีเว่ยกลับรู้สึกไม่ค่อยดีมากนัก เพราะระบบให้คะแนนค่าประสบการณ์ชีวิตเพียง 5 แต้มเท่านั้น ไม่เหมือนกับฉินฮัวที่รู้สึกดีกับนางทีไร เฉียนซีเว่ยได้คะแนนครั้งล่ะ10 แต้ม ดังนั้นความประทับใจของผู้คนที่มีต่อเราจะตัดสินจากคำพูดไม่ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel