บทที่ 4 ทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบ
หลังจากกินยาที่ได้จากการสุ่มรางวัลของระบบ เฉียนซีเว่ยมีอาการดีขึ้นจนสามารถลุกขึ้นนั่งได้ มองสภาพรอบห้องที่ตนอาศัยอยู่ เตียงนอนมีขนาดกว้างฟูกที่นอนน่าจะทำจากนุ่นที่ยัดอันแน่นภายในผ้าฝ้ายเนื้อหนาทำให้นอนนุ่มสบาย มีโต๊ะข้างหัวเตียงวางตะเกียงที่ใช้เทียนปักอยู่ไว้หนึ่งอัน มีโต๊ะกลมอยู่กลางห้องพร้อมเก้าอี้กลมไว้สำหรับนั่ง ข้างหน้าต่างมีโต๊ะเขียนหนังสือเก้าอี้ไม้และมีตำราหลายเล่มวางอยู่บนโต๊ะ มีชั้นหนังสือตั้งอยู่ด้านข้างมีหนังสืออันแน่นจนเต็มชั้น
ในขณะที่นั่งมองสภาพรอบห้องอยู่ ฉินฮัวก็พาท่านหมอชราผู้หนึ่งเข้ามาในห้องเมื่อเห็นเฉียนซีเว่ยลุกขึ้นมานั่งได้ ฉินฮัวจึงมีสีหน้าประหลาดใจ
"ซีเว่ยนี่เจ้าลุกขึ้นมานั่งได้แล้วหรือ" ฉินฮัวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
"ตั้งแต่ได้นอนพักบนเตียงครู่หนึ่ง ข้าก็รู้สึกดีขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ" เฉียนซีเว่ยพยายามพูดกับฉินฮัวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม
"มาเจ้าเอนตัวนอนลงบนเตียงสักครู่ ถึงอย่างไรก็ต้องให้ท่านหมอเสิ่นตรวจอาการของเจ้าดูสักหน่อยจะได้จ่ายยาถูกโรค" ฉินฮัวเดินเข้ามาช่วยประคองร่างของเฉียนซีเว่ยเอนตัวนอนลงบนเตียงอย่างเอาใจใส่
เฉียนซีเว่ยก็นอนรอให้ท่านหมอเสิ่นลงมือตรวจอาการป่วยของตนอย่างว่าง่าย
หลังจากการจับชีพจรแล้ว ท่านหมอเสิ่นก็ตรวจที่ดวงตาและภายในช่องปากของเฉียนซีเว่ยก่อนจะพูดสรุปอาการโรคของเฉียนซีเว่ยว่า "นังหนูเฉียนไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร นางเพียงแค่ขาดอาหารและใช้งานร่างกายหนักเกินไป เวลานี้ข้าจะไม่จ่ายยาอะไรให้นังหนูนี่กินหรอกนะ แต่เจ้าต้องทำอาหารดีๆ บำรุงร่างกายให้นังหนูเฉียนกินทุกวัน ไม่เกินครึ่งเดือนนังหนูนี่ก็จะกลับมามีร่างกายแข็งแรงดังเดิมแล้ว"
"ขอบคุณท่านหมอเสิ่นมากเจ้าค่ะ นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้า" ฉินฮัวเอ่ยขอบคุณท่านหมอเสิ่นจะหยิบเหรียญอีแปะให้ท่านหมอเสิ่นหนึ่งพวง
"ข้าไม่รับเงินของเจ้าหรอกนะ ตัวข้าเองก็อยากจะช่วยเหลือนังหนูเฉียน แต่ตัวข้านั้นก็ไม่มีกำลังพอจะช่วยเหลือได้ดังนั้นข้าขอไม่เก็บค่าตรวจรักษาอาการป่วยให้นังหนูก็แล้วกัน ถือเสียว่าข้าได้ชดเชยให้นังหนูเฉียน" ท่านหมอเสิ่นแม้จะเป็นหมอเพียงคนเดียวของหมู่บ้าน แต่ท่านหมอเสิ่นเป็นผู้มีจิตใจดีมีเมตตาต่อผู้ป่วย นอกจากจะเก็บค่ารักษาราคาไม่แพงแล้วบางครั้งก็ตรวจรักษาอาการป่วยให้คนในหมู่บ้านโดยไม่คิดเงิน ดังนั้นจึงมีฐานะไม่ค่อยจะดีเช่นกัน
" เอาไว้รอนังหนูเฉียนแข็งแรงดีแล้วให้นางเก็บสมุนไพรไปขายให้ข้าเหมือนเดิมจะดีกว่า นังหนูเฉียนไม่สบายจึงไม่มีคนเก็บสมุนไพรมาขายให้ข้าเลย"
ฉินฮัวเห็นว่าท่านหมอเสิ่นไม่ยินยอมรับค่ารักษาจากใจจริงจึงไม่ยัดเยียดเงินให้ เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายน้ำใจกัน
"ได้เจ้าค่ะท่านหมอเสิ่น รอให้ข้าหายดีแล้วจะเก็บสมุนไพรไปขายให้ท่านหมอเสิ่นเหมือนเดิมเจ้าค่ะ" เฉียนซีเว่ยพูดกับท่านหมอเสิ่นด้วยน้ำเสียงขอบคุณ
เรื่องสมุนไพรเป็นเรื่องเชี่ยวชาญของเฉียนซีเว่ยอยู่แล้ว เพราะเฉียนซีเว่ยเป็นนักศึกษาคณะชีวะเคมีพันธุศาตรโดยเลือกศึกษาสาขาวิชาย่อยเรื่องพืชสมุนไพรเพื่อนำมาสกัดทำยา ดังนั้นเรื่องเกี่ยวกับพืชสมุนไพรจึงเป็นเรื่องถนัดของเฉียนซีเว่ย
'ผู้เล่นเฉียนซีเว่ยสามารถเลือกอาชีพเพื่อเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้เมื่อมีค่าพลังชีวิต100 และมีค่าประสบการณ์ชีวิต200 โดยภารกิจเลือกอาชีพจะได้รางวัลเป็นคะแนนชีวิต100 แต้ม ค่าประสบการณ์ชีวิต100แต้ม เปิดช่องเก็บของในมิติ20 ช่อง และสุ่มของรางวัลได้3 ครั้ง'
เฉียนซีเว่ยดวงตาเป็นประกาย หลังจากมองฉินฮัวเดินไปส่งท่านหมอเสิ่นเรียบร้อยแล้วจึงขอทบทวนคะแนนของตนในยามนี้
สถานการณ์ปัจจุบันของผู้เล่นเฉียนซีเว่ย
ค่าพลังชีวิต 30 แต้ม
ค่าประสบการณ์ชีวิต 20 แต้ม
ทักษะการทำอาหาร 0 แต้ม
ทักษะการเย็บปักถักร้อย 0 แต้ม
ทักษะการทำยารักษาโรค 0 แต้ม
ทักษะเรื่องที่อยู่อาศัย 0 แต้ม
ช่องเก็บของในมิติ มี 2 ช่อง
เฉียนซีเว่ยพยายามทำความเข้าใจกับระบบ จึงเอ่ยถามผู้ช่วยระบบอย่างอู๋ซือมิ่งว่า 'อู๋ซือมิ่งช่วยอธิบายเรื่องค่าพลังชีวิตและค่าประสบการณ์ชีวิตหน่อยว่าจะทำให้เพิ่มได้อย่างไร รวมถึงเรื่องการเพิ่มทักษะต่างๆ ด้วย'
'อู๋ซือมิ่งยินดีช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่ผู้เล่นเฉียนซีเว่ย เรื่องค่าพลังชีวิตจะได้เพิ่มก็ต่อเมื่อเจ้าทำภารกิจหลักและภารกิจย่อยสำเร็จ ส่วนค่าประสบการณ์ชีวิตนอกจากจะทำภารกิจสำเร็จและได้รางวัลจากภารกิจแล้ว ผู้เล่นสามารถเพิ่มประสบการณ์ชีวิตได้โดยตรงด้วยการทำให้ผู้คนรอบข้างมีความประทับใจต่อตัวผู้เล่น แต่จะเพิ่มค่าประสบการณ์ชีวิตได้มากที่สุดคือต้องได้รับความรักและความประทับใจจากสามีของผู้เล่น'
เฉียนซีเว่ยนิ่งอึ้งไป และคิดในใจว่าตอนนี้ยังไม่ได้แต่งงานแม้แต่สามีภรรยาในนามก็ยังไม่ได้เป็น ดังนั้นอันดับแรกเฉียนซีเว่ยต้องทำภาระกิจหลักในการแต่งงานให้สำเร็จน่าจะเพิ่มพลังชีวิตและค่าประสบการณ์ของตนเองได้มากขึ้น
'ขอถามอู๋ซือมิ่ง แล้วการเพิ่มทักษะต่างๆ ล่ะ'
'ผู้ช่วยระบบอู๋ซือมิ่งขอตอบคำถามให้ผู้เล่นเฉียนซีเว่ยว่า ทักษะทั้ง4 เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตได้แก่เรื่องอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค ทักษะเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นได้ผู้เล่นต้องทำการฝึกฝน ยิ่งมีค่าทักษะเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ผู้เล่นสามารถนำค่าทักษะเหล่านี้ไปเพิ่มค่าประสบการณ์ชีวิตได้มากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยิ่งค่าทักษะถึงเป้าหมายลำดับขั้นผู้เล่นจะได้รับรางวัลพิเศษจากค่าทักษะอีกด้วย'
'ช่องเก็บของในมิติมีไว้เก็บของรางวัลอย่างเดียวหรือ' เฉียนซีเว่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย
'ช่องเก็บของในมิติมีประโยชน์มาก ผู้เล่นสามารถใช้เก็บของที่ต้องการคงสภาพของสิ่งนั้นได้ และยิ่งมีช่องเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ผู้เล่นก็เปรียบเสมือนมีคลังสมบัติเคลื่อนที่โดยไม่ต้องถือให้เหนื่อยและไม่มีผู้ใดมาขโมยของมีค่าไปจากผู้เล่นได้ เพราะช่องเก็บของในมิตินี้ มีเพียงผู้เล่นเท่านั้นที่จะนำของในช่องมิติออกมาได้'
เฉียนซีเว่ยไม่ได้สนใจเรื่องช่องเก็บของในมิติมากนัก นางคิดว่าไปเองว่าช่องมิติก็เปรียบเหมือนตู้เก็บของธรรมดาไม่มีความสำคัญ แต่ในอนาคตเฉียนซีเว่ยจึงรู้ว่าตนเองเข้าใจผิดเกี่ยวกับช่องเก็บของในมิตินี้เป็นอย่างมาก
ฉินฮัวกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำแกงไก่ เฉียนซีเว่ยรับมากินเองอย่างหิวโหย เพราะเฉียนซีเว่ยในโลกใบนี้อดอยากมาหลายวันแล้ว แม้ว่าน้ำแกงไก่จะรสชาติธรรมดาไม่ค่อยอร่อย แต่เฉียนซีเว่ยกลับดื่มอย่างเอร็ดอร่อยและรู้สึกอุ่นสบายที่ท้อง สีหน้าจึงดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก
"ข้านำชุดเหล่านี้มามอบให้เจ้าเปลี่ยน เป็นชุดเก่าของเจินเจิน เอาไว้เจ้าหายดีและเข้าไปในเมืองได้ ข้าจะพาเจ้าไปซื้อชุดใหม่ที่พอดีตัวให้แก่เจ้าเพิ่มอีกสักสองสามชุดก็แล้วกันนะ"
เฉียนซีเว่ยรับชุดมาจากมือของฉินฮัวเป็นชุดกระโปรงยาวคาดออกและมีเสื้อที่เป็นผ้าคลุมทับอีกชั้นและมีสายรัดเอว เฉียนซีเว่ยมองชุดที่มีรูปแบบคล้ายชุดฮั่นฝู แต่สีผ้าเป็นสีน้ำตาลเกือบจะกลายเป็นสีอิฐเก่าและสายคาดเอวสีดำ ชุดเหล่านี้กลางเก่ากลางใหม่แต่ก็สภาพดีกว่าที่ตนเองสวมใส่อยู่เป็นอย่างมากด้วยสายตาพึงพอใจ "ชุดเหล่านี้ดีมากแล้วเจ้าค่ะ ท่านป้าสะใภ้เซี่ยไม่ต้องลำบากหรอกเจ้าค่ะ ท่านเสียเงินเพื่อข้าไปมากแล้ว"
"เจ้าอย่าได้คิดมาก พักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงก่อนก็พอ" ฉินฮัวพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้ว่านางจะต้องเร่งไปปักผ้าเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ช่วยดูแลเฉียนซีเว่ยก่อน เมื่อเห็นว่าเฉียนซีเว่ยช่วยเหลือตนเองได้ดีจึงเร่งออกไปนั่งปักผ้าที่ลานกลางบ้านต่อ ปล่อยให้เฉียนซีเว่ยได้พักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ
..............
*** เพิ่มเติม ค่าเงินของแคว้นเทียนคง
1,000 อีแปะ= 1 ก้วน (1 ตำลึงเงิน)
10 ก้วน = 1 ตำลึงทอง
เพื่อไม่ให้สับสนผู้เขียนขอใช้ค่าเงิน1 ตำลึง หมายถึง1 ตำลึงทองนะเจ้าคะ เนื้อเรื่องเริ่มต้นยังไม่ค่อยนิ่งอาจจะมีกลับไปแก้ไข้ตอนเก่าๆ หากผู้อ่านเห็นว่าตรงไหนแปลกๆ ทักได้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
