บทที่ 2 ภาระกิจแรก
เฉียนซีเว่ยที่ในเวลานี้มีร่างกายอ่อนแรง ลมหายใจติดขัดรู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามในการหายใจแต่ล่ะทีช่างยากลำบาก ร่างกายในยามนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะเอ่ยปากพูดออกมาได้เป็นคำ จึงทำได้เพียงกวาดสายตามองสถานการณ์รอบด้านอีกครั้ง
ชาวบ้านหลายคนต่างมองมายังเฉียนซีเว่ยด้วยความสงสาร มีบางคนที่ถึงกับช่วยพูดกับหลี่หลูแทนเฉียนซีเว่ยว่า
"หลี่ซื่อ หากเจ้าขายบุตรสาวของเฉียนต้าให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว เมื่อเขากลับมาเจ้าจะตอบคำถามของเฉียนต้าว่าอย่างไร"
"จะตอบว่าอย่างไร? บุตรชายคนโตผู้สูงส่งของเขาร่ำเรียนหนังสือใช้เงินทองไปมากมาย ตัวเขาเดินทางไปทำงานต่างเมืองส่งเงินกลับมาให้ข้าใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาได้คิดถึงบุตรชายคนเล็กของเขาที่เกิดจากข้าบ้างหรือไม่ พวกเจ้าดูสิ เฉียนซีหรุ่ยบุตรชายของข้าเขาดูน่าสงสารมากเพียงใด"
หลี่หลูชี้ไปยังเด็กชายวัยหกขวบที่ดูอ้วนกลมอยู่ในเสื้อผ้าที่ดูดีแม้จะเป็นผ้าป่านเนื้อหยาบแต่โดยรวมแล้วชุดยังดูค่อนข้างใหม่ ตรงกันข้ามกับเฉียนซีเว่ยที่อยู่ในสภาพผอมโซจนผิวหนังแทบจะหุ้มกระดูก เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งขาดเพราะความเก่าเปื่อย ผ้าขี้ริ้วของบางครอบครัวยังดูดีกว่าชุดที่เฉียนซีเว่ยสวมใส่อยู่เสียอีก
พ่อค้าทาสมองสำรวจเด็กสาวที่ร่างกายผอมบาง สภาพอิดโรยเห็นได้ชัดว่าเด็กสาวกำลังป่วยหนัก ก่อนจะตัดสินใจพูดว่า "เด็กน้อยผู้นี้ป่วยหนักใกล้ตายแล้ว ข้ายังจะต้องเสียเงินค่ายาค่าหมอรักษาเด็กน้อยผู้นี้อีก เจ้าจะขายนางให้ข้าราคาสูงถึง20 ตำลึงทอง ข้าให้เจ้าไม่ได้หรอกนะ" พ่อค้าขายทาสมองไปยังเด็กสาวตัวผอมบางแล้วจึงพูดเสริมขึ้นว่า
"20 ตำลึงทองมีค่าเท่ากับ 200 ก้วน ราคาแพงเกินแล้ว ไป"
"นายท่านได้โปรดมองนางให้ดี แม้ว่านางจะผอมเกินไปแต่หน้าตาของนางงดงามมากนะเจ้าคะ เอาอย่างนี้ข้าลดราคาให้นายท่านก็ได้ ข้าขอขายนางในราคา15ตำลึงก็พอเจ้าค่ะ" หลี่ซื่อถูมือไปมาและเอ่ยขายเฉียนซีเว่ยให้กับนายหน้าขายทาสต่อ
เฉียนซีเว่ยเหลือบมองไปทางฉินฮัวยามนี้นางมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ในขณะที่เซี่ยอวี่เจินก็พยายามพูดคัดค้านไม่ให้มารดาของนางซื้อเฉียนซีเว่ยกลับไปบ้านตระกูลเซี่ย
"15 ตำลึงทองอย่างนั้นหรือ..." น้ำเสียงของพ่อค้าทาสมีแววใคร่ครวญ เฉียนซีเว่ยจึงตัดสินใจเค้นแรงทั้งหมดออกมาอย่างหนัก ก่อนจะพูดเสียงอ่อนแรงว่า
"ท่านป้าเซี่ย ท่านช่วยซื้อข้ากลับไปเถิดเจ้าค่ะ ข้าขอสาบานว่าต่อไปนี้ข้าจะกตัญญูต่อท่านและดูแลทุกคนในบ้านตระกูลเซี่ยเป็นอย่างดีเลยเจ้าค่ะ"
"เจ้าจะไปกตัญญูกับใครได้ แค่ลำพังตัวเจ้าเองในยามนี้จะตายหรือจะรอดยังไม่รู้เลย" เซี่ยอวี่เจินพูดโต้กลับมาทางเฉียนซีเว่ยด้วยท่าทางไม่ยินยอม
ในขณะที่พ่อค้าทาสลังเลกับค่าตัวของเฉียนซีเว่ยในราคา15 ตำลึงทอง ฉินฮัวที่ทนมองใบหน้าน่าสงสารของเด็กสาวที่มองตนอย่างอ้อนวอนต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยปากขึ้นว่า
"หลี่ซื่อข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าจะจ่ายเงินซื้อเฉียนซีเว่ยไปเป็นสะใภ้ของบ้านเซี่ย ข้าจะมอบเงินจำนวน20 ตำลึงทองมอบให้แก่เจ้าถือเสียว่าเป็นค่าสินสอด แต่เจ้าจะต้องลงนามเขียนสัญญามามอบให้กับข้าว่าต่อไปนี้เฉียนซีเว่ยจะถือว่าเป็นคนของตระกูลเซี่ย เจ้าไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับนางอีก"
เซี่ยอวี่เจินมีสีหน้าบิดเบี้ยวและยืนกระทืบเท้าลงพื้นด้วยความไม่พอใจ 20 ตำลึงทองคือเงินทั้งหมดที่บ้านตระกูลเซี่ยมีอยู่ในยามนี้ แต่ท่านแม่ของนางกลับจะใช้เงินจำนวนนี้มาซื้อเด็กสาวที่เจ็บใกล้จะตายคนหนึ่งเพื่อนำนางไปเป็นพี่สะใภ้ของตน ทั้งๆ ที่ในเวลานี้ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเซี่ยอวี่เฉินผู้เป็นพี่ชายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
"ได้ๆ เขียนสัญญามาเลยข้ายินดีจะลงนาม" หลี่หลูรีบพูดตอบรับคำขอของฉินฮัวอย่างยินดี เพราะพ่อค้าทาสจะซื้อเฉียนซีเว่ยในราคาเพียง 15 ตำลึงทองเท่านั้น แต่ฉินฮัวกลับยินดีจะจ่ายซื้อนางเด็กใกล้ตายผู้นี้ในราคา20 ตำลึงทอง ซึ่งเงินก้อนนี้สามารถทำให้นางและบุตรชายอยู่ดีกินดีได้ไปอีกสองถึงสามปีเลยทีเดียว
"เช่นนั้นคงต้องรบกวนให้ผู้นำหมู่บ้านท่านผู้เฒ่าติงมาช่วยเขียนหนังสือสัญญาเพื่อให้ข้าและหลี่ซื่อลงนามด้วยกันเสียแล้ว" ฉินฮัวพูดและมองไปทางบุตรสาวเพื่อต้องการให้นางไปตามท่านผู้เฒ่าติงมาเขียนหนังสือสัญญา เพราะเขาเป็นซิ่วไฉ่เพียงคนเดียวของหมู่บ้าน แต่เซี่ยอวี่เจินกลับสะบัดหน้าหนีไม่ยอมทำตามคำพูดของมารดา
"ท่านป้าเซี่ย ข้าจะรีบวิ่งไปตามท่านผู้เฒ่าติงให้นะขอรับ" ติงสือเอ่ยอาสาขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ เพราะเขาอยากช่วยเหลือเฉียนซีเว่ยแต่จนใจที่เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีฐานะยากจนเช่นกัน จึงไม่สามารถออกหน้าช่วยเหลือเฉียนซีเว่ยได้ ติงสือคิดว่าต่อให้เฉียนซีเว่ยต้องแต่งกับป้ายชื่อของเซี่ยอวี่เฉิน ก็ยังดีกว่าที่นางต้องถูกพ่อค้าทาสซื้อนางไปเพื่อจะนำนางไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง
เซี่ยอวี่เจินมองตามหลังของติงสือไปด้วยความแค้นใจ เงินจำนวน20 ตำลึงทองนางเองก็มีส่วนช่วยเหลือมารดาในการหาเงินจำนวนนี้โดยการปักผ้าแล้วนำไปขายในเมือง นางทำเพื่อเก็บไว้ซื้อยาให้บิดาที่ป่วยหนักต้องนอนติดเตียง และคิดว่าเงินจำนวนนี้สามารถสะสมไว้ให้นางเป็นสินเดิมในยามที่นางแต่งงานออกเรือน แต่ในเวลานี้มารดากับใช้เงินจำนวนนี้ซื้อเด็กสาวใกล้ตายไร้ประโยชน์เข้าบ้าน มารดาใจดีกับผู้อื่นและคิดเผื่อพี่ชายของนาง เพื่อไม่ให้เซี่ยอวี่เฉินตายไปทั้งๆ ที่ยังไม่มีครอบครัว แต่มารดาไม่ได้คิดเผื่อนางบ้างเลย
ติงสือจากไปเพียงไม่นาน ก็พาท่านผู้เฒ่าติงกลับมาพร้อมกับกระดาษและพู่กัน และมีชาวบ้านอีกสองคนช่วยกันขนโต๊ะและจานฝนหมึกมาให้ แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านติงเซียงหลายคนต่างมีจิตใจดี มีใจอยากช่วยเหลือผู้อื่นแต่ติดตรงที่ว่าชาวบ้านติงเซียงส่วนใหญ่ต่างก็มีฐานะยากจนเช่นกัน อย่าพูดถึงเงิน20ตำลึงทองเลย บางบ้านมีเงินติดตัวแค่คนล่ะไม่กี่สิบอีแปะเท่านั้น
เมื่อท่านผู้เฒ่าเขียนหนังสือสัญญา พ่อค้าทาสจึงไม่อยู่ต่อเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเขารีบบอกลาเพื่อไปหาซื้อคนที่หมู่บ้านใกล้เคียงต่อ
ระหว่างที่ท่านผู้เฒ่าติงเขียนหนังสือสัญญา ฉินฮัวก็ขอตัวเดินกลับบ้านเพื่อไปเอาเงิน เพราะไม่มีใครพกเงินจำนวนมากถึง20 ตำลึงทองติดตัวไปไหนมาไหน
หลี่หลูประทับลายนิ้วมือกับหมึกแล้วแต้มลงบนกระดาษ เมื่อได้รับเงินจำนวน20 ตึงลึงทองมาจากฉินฮัว
เฉียนซีเว่ยที่นั่งเอนตัวอยู่ในอ้อมแขนของสตรีชาวบ้านวัยกลางคนผู้หนึ่ง ที่ในเวลาต่อมาเฉียนซีเว่ยจึงรู้ว่าสตรีผู้นี้เป็นอาสะใภ้รองของนาง ติงลี่เป็นสะใภ้รองของตระกูลเฉียนแต่ต่อมานางเป็นหม้ายเพราะเฉียนเอ้อร์ได้ตายจากภัยสงครามจึงเป็นหม้ายสามีตายเหมือนกับหญิงหม้ายคนอื่นๆ ในหมู่บ้านนี้
"เว่ยเอ๋อร์ อาสะใภ้อยากจะช่วยเหลือเจ้าเหลือเกิน แต่จนใจที่น้องชายของเจ้าเฉียนลู่ยังเป็นเด็ก อาสะใภ้เป็นหญิงม่ายจึงไม่มีเงินมากพอจะมาช่วยเหลือเจ้า ยามนี้มีเพียงยอมให้เจ้าแต่งกับป้ายชื่อของเซี่ยอวี่เฉินเท่านั้น แม่เลี้ยงของเจ้าจึงจะไม่มายุ่งกับเจ้าได้อีก" ระหว่างที่ติงลี่กระซิบพูดคุยอยู่กับเฉียนซีเว่ย นางก็หาผ้ามาเช็ดหน้าเพื่อคลายความร้อนผ่าวของเด็กสาวอย่างห่วงใย
เฉียนซีเว่ยฟังติงลี่พูดไม่ค่อยจะเข้าใจในยามนี้นางมองไปยังฉินฮัวเท่านั้น ยามเมื่อฉินฮัวประทับลายนิ้วมือบนกระดาษ การทำสัญญาเสร็จสิ้นลง เสียงในหัวของเฉียนซีเว่ยก็ดังขึ้น 'ยินดีด้วยภาระกิจย่อยในการเข้าไปอยู่บ้านตระกูลเซี่ยเสร็จสิ้นได้รับคะแนนพลังชีวิต10 แต้ม พลังค่าประสบการณ์ 10 แต้มเปิดช่องเก็บของในมิติได้หนึ่งช่องและสามารถสุ่มของรางวัลได้หนึ่งครั้ง ผู้เล่นเฉียนซีเว่ยต้องการสุ่มของรางวัลตอนนี้เลยหรือไม่'
มีค่าพลังชีวิตรวม เป็น20 แต้ม ทำให้อาการป่วยของเฉียนซีเว่ยทุเลาลงทันทีเฉียนซีเว่ยยังไม่สนใจเรื่องการสุ่มรางวัลที่ระบบเสนอ ในยามนี้นางสนใจเพียงนอนมองสถานการอบตัว ชาวบ้านต่างช่วยกันทำแคร่ด้วยไม้ไผ่และช่วยกันหามร่างของเฉียนซีเว่ยนำไปส่งที่บ้านตระกูลเซี่ย
