บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 วางแผนเรื่องการเพาะปลูก

สวีเหม่ยหลิงเดินสำรวจรอบๆ บ้านแล้วก็พลันต้องทอดถอนใจออกมาด้วยความปลงตก บ้านหลังน้อยแห่งนี้ยากจนเสียจนนางยากจะทำใจได้ยากจริงๆ แต่เมื่อเห็นแปลงผักอันว่างเปล่าแล้วนางก็พลันมีประกายแห่งความมุ่งมั่นลุกโชนขึ้นมาในทันที กว่าจะได้แต่งงานและกว่าสามีของนางจะเป็นเศรษฐีแล้วหากนางไม่คิดจะทำอะไรสักอย่าง นางอาจจะอัดอั้นใจตายไปเสียก่อน ในฐานะที่นางเคยเป็นนักศึกษาปีสามของภาควิชาเทคโนโลยีเกษตรก่อนที่จะทะลุมิติควรจะต้องแสดงศักยภาพนำวิชาที่ตนเองศึกษาร่ำเรียนมาใช้เสียแล้ว

แต่ก่อนอื่นนางต้องทบทวนวิชาการผลิตพืชโดยไม่ใช้สารเคมีให้ได้เสียก่อน เคราะห์ดีที่นางสนใจศึกษาเรื่องเกษตรอินทรีย์มาก่อน การเพาะปลูกพืชแบบดั้งเดิมจึงอยู่ในหัวของนางเต็มไปหมด คิดได้แล้วนางก็ลงมือทำในทันทีด้วยการพลิกฟื้นหน้าดินที่ถูกปล่อยร้างเสียก่อน

สวีเหม่ยหลิงเดินหาอุปกรณ์เพียงไม่นานก็พบเครื่องมือทำเกษตรอันเก่าแก่ของสวีซ่งบิดาที่ตายจากไปของร่างนี้ นางตรวจดูแล้วก็พบว่าถึงแม้ว่าจะเก่าแต่กลับยังคงสามารถใช้งานได้ดีมากทีเดียว

เสียงขุดดินดังเข้าไปถึงในบ้านทั้งย่าสวีและสวีเหม่ยจิ้งต่างออกมาดูทางด้วยสีหน้าแปลกใจ สองย่าหลานมองหน้ากันแล้วก็เอ่ยถามสวีเหม่ยหลิงด้วยความประหลาดใจในทันที

“นี่เจ้าไม่สบายจนเพี้ยนไปแล้วหรือ” ย่าสวีเป็นคนเอ่ยปากถามก่อน

“พี่สาวท่านจะทำอะไรขอรับ ข้าว่าท่านไปนอนพักผ่อนน่าจะดีกว่า” สวีเหม่ยจิ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“ข้าทนรับความยากจนเช่นนี้ไม่ไหวแล้ว หากไม่คิดหาวิธีเพิ่มอาหารให้กับปากท้องพวกเราก็คงต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปอีกนาน จิ้งเอ๋ออยากจะช่วยพี่สาวหรือไม่” สวีเหม่ยหลิงเอ่ยเช่นนี้สีหน้าของย่าสวีก็พลันแดงก่ำด้วยความอับอาย

ที่ผ่านมานางพยายามเลี้ยงดูหลานสองคนด้วยความยากลำบาก แล้วดูนังเด็กน้อยคนนี้พูดเข้าสิ ทำเหมือนกับว่านางปล่อยให้นางต้องได้รับความอดอยากอย่างนั้นแหละ หากจะบอกว่าพวกนางยากจนแล้วเหตุใดจึงไม่ไปดูพี่น้องสกุลสวีของนางที่อยู่ท้ายหมู่บ้านเล่า เมื่อปีก่อนพวกเขาอดอยากจนถึงขั้นต้องกินเปลือกไม้เพื่อประทังชีวิตเชียวนะ แล้วนี่แม่หลานสาวตัวดีของนางกล้าพ่นวาจาเช่นนี้ใส่นางได้อย่างไรกัน

“เจ้าอยากจะบ้าก็บ้าไปคนเดียวเถอะ อย่าได้ดึงจิ้งเอ๋อไปบ้ากับเจ้าด้วย” ย่าสวีเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจแล้วจูงมือของสวีเหม่ยจิ้งให้เดินจากไปในทันที

“เจ้าปล่อยพี่สาวของเจ้าบ้าไปคนเดียวเถอะ เจ้ามากับย่าดีกว่าเด็กน้อยที่เฉลียวฉลาดเช่นเจ้าเหมาะที่จะเข้าเรียนที่สถานศึกษามากกว่า วันนี้ได้ยินว่าเหยียนเซียนเซิงจะเปิดรับลูกศิษย์เป็นวันแรก เจ้าอย่าได้มัวเสียเวลาไปกับนางเลย” เอ่ยจบก็จูงมือสวีเหม่ยจิ้งออกไปจากบ้านในทันที

เมื่อได้ยินย่าสวีเอ่ยถึงเหยียนซานเซิง สวีเหม่ยหลิงก็พลันจดจำได้ คนผู้นี้คืออาจารย์ของเซี่ยเหวินหลาง เขาเป็นบัณฑิตมากความรู้ที่ย้ายจากเมืองหลวงมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในชนบท พื้นเพของเขาเป็นเช่นไรในนิยายไม่ได้เอ่ยถึง แต่สามารถสั่งสอนจนสามารถผลิตปังเหยี่ยน* อย่างเซี่ยเหวินหลาง ออกมาได้ก็นับว่าเซียนเซิง** ผู้นี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก

สวีเหม่ยหลิงครุ่นคิดแล้วจึงได้ยิ้มออกมา เห็นทีว่าแท้ที่จริงแล้วท่านย่าสวีก็ไม่ใช่คนร้ายกาจเท่าใดนัก คิดหาหนทางสำหรับอนาคตให้แก่หลานทั้งสองได้ไม่เลวเลยทีเดียว

ส่งสวีเหม่ยหลิงไปแต่งเข้าบ้านสกุลจี้ นอกจากท่านย่าสวีจะได้รับเงินตอบแทนเป็นจำนวนมากแล้ว สวีเหม่ยหลิงเองก็จะไม่ลำบาก ต่อให้สามีล้มป่วยจนจากไปก่อนวัยอันควรถึงแม้ว่านางจะต้องเป็นม่าย แต่ก็เป็นแม่ม่ายที่ไม่ต้องได้รับความอดอยากอย่างแน่นอน

เสียดายก็แต่สวีเหม่ยหลิงไม่ได้คิดใคร่ครวญถึงเรื่องนี้เลยสักนิด ในหัวของนางมีเพียงการได้ติดตามชายในดวงใจอย่างเซี่ยเหวินหลาง จนไม่สนใจว่าการละทิ้งสามีแล้วติดตามผู้อื่นไปจะกลายเป็นหนึ่งในตราบาปในชีวิตของนาง ที่สำคัญสามีขี้โรคของนางไม่ได้ป่วยตายแถมยังกลายเป็นเศรษฐีที่มีอายุยืนยาวเสียด้วย

ส่วนสวีเหม่ยจิ้งนั้นในนิยายไม่ได้เอ่ยถึง ว่าหลังจากสวีเหม่ยหลิงหนีตามเซี่ยเหวินหลางไปเมืองหลวงแล้วเขากับย่าสวีจะมีความเป็นอยู่อย่างไรต่อไป แต่ถ้าหากให้นางคาดเดาเขาก็คงจะใช้ชีวิตต่อไปภายใต้การดูแลของย่าสวีอย่างไม่ยากลำบากเท่าใดนัก

“น้องเหม่ยหลิง เจ้ากำลังทำอันใดอยู่หรือ” เสียงอ่อนนุ่มของชายหนุ่มรูปงามพร้อมด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นของเขาทำให้สวีเหม่ยหลิงต้องหลุดจากภวังค์ความคิดของตนเองในที่สุด นางมองใบหน้าของเซี่ยเหวินหลางแล้วก็ต้องทอดถอนใจ ก็เขารูปงามถึงปานนี้แล้วจะไม่ให้สวีเหม่ยหลิงในนิยายคนนั้นต้องทุ่มเทไปทั้งตัวทั้งใจได้อย่างไรกัน

“ข้ากำลังจะปลูกผักเจ้าค่ะ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะปลูกอะไรดี” เมื่อสวีเหม่ยหลิงเอ่ยจบก็พลันได้เห็นสีหน้าประหลาดใจของเขาในทันที นางได้แต่คิดในใจว่าเห็นที่ว่าในสายตาของเซี่ยเหวินหลางนางดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วเขาไม่คิดบ้างหรือว่าหลายปีมานี้ช่วงที่เขามัวเคร่งเครียดกับการเตรียมตัวสอบ ใครกันที่เป็นคนตักน้ำ ผ่าฟืนและนำผ้าของเขาไปซัก

สวีเหม่ยหลิงแอบนินทาเขาอยู่ในใจด้วยความไม่ค่อยจะพึงพอใจเท่าใดนัก ความรูปงามของเขานั้นนางไม่คิดจะเถียง แต่ความไร้น้ำใจของเขานั้นนางขอยกให้เขาเป็นที่หนึ่งไปเลย สวีเหม่ยหลิงทำให้เขาถึงขนาดนั้นเขาน่าจะคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่นางทำให้แก่เขาบ้าง

“นี่ข้าได้ยินไม่ผิดไปใช่หรือไม่ เจ้ากำลังจะปลูกผักหรือ อืม เช่นนั้นปลูกผักกาดกับหูหลัวปัว*** ดีหรือไม่ ข้ามีเมล็ดพันธ์ุอยู่พอดีเลย” เซี่ยเหวินหลางเอ่ยเช่นนี้ก็เรียกความสนใจของสวีเหม่ยหลิงในทันที

“ท่านมีของเช่นนี้ด้วยหรือ” ได้ฟังสวีเหม่ยหลิงเอ่ยถามด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เรียกรอยยิ้มจากเซี่ยเหวินหลางได้ในทันที

“ย่อมมีแน่นอน คิดว่าจะปลูกจึงซื้อมาเก็บเอาไว้เพียงแต่ข้ามัวแต่ท่องตำราจนไม่ได้มีเวลาเพาะปลูกพวกมันสักที หากเจ้าต้องการจะเพาะปลูก ข้าก็สามารถแบ่งมาให้เจ้าได้” เซี่ยเหวินหลางเอ่ยเช่นนี้สวีเหม่ยหลิงก็รีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้ความเกรงใจในทันที

“สนใจสิเจ้าคะ ว่าแต่ที่บ้านท่านมีเมล็ดถัวเขียวเพียงพอทีจะแบ่งให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ กว่าผักกาดขาวกับหูหลัวปัวจะเก็บกินได้ต้องใช้เวลาถึงสองสามเดือน มิสู้ข้าเพาะโต่วหยาฉ่าย**** เอาไว้ผัดกินด้วยน่าจะดีกว่า” สวีเหม่ยหลิงเอ่ยเช่นนี้เซี่ยเหวินหลางก็ชะงักไปแล้วก็พยักหน้าตอบตกลงในทันที

“ได้สิ เจ้าเคยช่วยเหลือข้ามาตั้งเยอะเรื่องแค่นี้เหตุใดข้าจะแบ่งให้เจ้าไม่ได้” เซี่ยเหวินหลางเอ่ยเช่นนี้ สวีเหม่ยหลิงก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดีจนตาหยี

“ขอบคุณนะเจ้าคะ สมแล้วที่ข้าเคยไปช่วยงานที่บ้านของท่านตั้งหลายอย่าง เช่นนั้นหากท่านสะดวกข้าก็ขอตอนนี้เลยนะเจ้าคะ จะได้ดูว่าเมล็ดพันธ์ุเหล่านั้นมีคุณภาพอย่างไรข้าจะได้วิเคราะห์และเตรียมการเพาะปลูกได้อย่างถูกต้อง”

“ด่ะ ได้สิ” เซี่ยเหวินหลางเอ่ยจบแล้วก็เดินกลับบ้านของตนด้วยสีหน้างุนงง เหตุใดวันนี้น้องสาวบ้านสวีจึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไป ไม่เพียงท่าทีที่เปลี่ยนไปเท่านั้นคำพูดจาของนางก็ดูผิดปกติ แต่จะให้เขาบอกว่านางแปลกไปที่ตรงจุดไหนนั้น เขาก็ขอบอกเลยว่าแทบจะทุกจุด

สายตาที่นางใช้มองเขาไม่เหมือนเดิม ยังไม่นับว่าเมื่อก่อนเขาคิดจะมอบสิ่งของให้นางมักจะเอ่ยปฏิเสธด้วยสีหน้าเอียงอายอยู่เสมอ และที่สำคัญนางไม่เคยพูดจาเหมือนทวงบุญคุณกับสิ่งที่นางเคยทำให้เขาเลยสักครั้ง แต่ไม่รู้ว่าทำไมท่าทีที่เปลี่ยนไปของนางเช่นนี้กลับทำให้เขารู้สึกว่านางดูน่าสนใจกว่าเมื่อก่อน เซี่ยเหวินหลางครุ่นคิดพลางยกมือขึ้นมากุมที่หน้าอกพลางรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดวันนี้หัวใจของเขาจึงได้เต้นแรงผิดปกติ

* ปังเหยี่ยน 榜眼 อันดับสองของการสอบคัดเลือกขุนนาง อันดับหนึ่งคือจ้วงหยวน 状元

** เซียนเซิง 先生 อาจารย์หรือครู ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในวิชาความรู้

*** หูหลัวปัว 胡萝卜 แครอท

**** โต่วหยาฉ่าย 豆芽菜 ถั่วงอก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel