บทที่ 12
ตานฉวนได้ยินคําพูดของหมอหมี่ ก็เหมือนถูกฟ้าผ่า!
“หมอหมี่ ท่านช่วยดูอีกที! เมื่อวานบอกว่าท่านพ่อข้าจะไม่รอด แต่ก็รอด! รบกวนท่านหมอคิดหาวิธีใหม่ด้วย ท่านพ่อข้าต้องรอดได้แน่ๆ” ตานฉวนพูดอย่างตื่นตระหนก ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะมองไปทางไหน
เขาไม่กล้ามองหมอหมี่ กลัวว่าหมอหมี่จะส่ายหัวและปฏิเสธ
“ขอแสดงความเสียใจด้วย” หมอหมี่ส่ายหน้าและถอนหายใจ หันหลังจากไป
“ท่านหมอ! ท่านช่วยดูท่านพ่อข้าอีกสักที! ท่านหมอ อย่าไปเลย! ข้าขอร้อง!” ตานฉวนคุกเข่าลง มองไปที่แผ่นหลังของท่านหมอ ในใจยังมีความหวังริบหรี่
เมื่อแผ่นหลังของหมอหมี่หายไป ความหวังสุดท้ายของตานฉวนก็พังทลายลงเช่นกัน
“อ๊าก!” ตานฉวนตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง สองมือยันกับพื้น ร้องไห้อย่างสติแตก “ท่านพ่อ! ลูกอกตัญญู ลูกมันอกตัญญู!”
“ตานฉวน อย่าร้องไห้เลย เตรียมจัดการเรื่องของลุงอวิ๋นเถอะ ลุงอวิ๋นเป็นคนมีระเบียบมาก อย่าให้เร่งรีบเกินไป เราทุกคนได้รับความรักและเอ็นดูจากลุงอวิ๋น หากต้องการความช่วยเหลือ บอกได้เลย” หญิงชราคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา คนอื่นๆ ก็พยักหน้าตาม
ทุกคนได้ทราบข่าว และเดินทางมาส่งลุงอวิ๋นครั้งสุดท้าย
ตานฉวนเศร้าเสียใจ จนไม่ได้ยินคนรอบข้างพูดเลย ความเศร้าโศกครั้งใหญ่ทำให้เขาร้องไห้จนจะเป็นลม ร้องไห้จนหายใจไม่ออก
คนที่อยู่ข้างๆ เห็นท่าทางนั้น ก็รีบตบหลังตานฉวน เพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น ดีที่ไม่ร้องไห้จนเป็นลม
“ตานฉวน รีบจัดการเรื่องงานศพให้ลุงอวิ๋นเถอะ อย่าล่าช้า ลุงอวิ๋นไปแล้วจะไม่สบายใจ” คนอื่นได้แต่โน้มน้าวอีกครั้ง
ตานฉวนร้องไห้เพียงชั่วครู่ดวงตาก็บวมแดง เส้นเลือดฝอยเต็มไปหมด เงยหน้าขึ้นแวบหนึ่ง ความเศร้าโศกในดวงตาก็ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน
ในที่สุดเขาก็ข่มกลั้นความเศร้าโศก และพยักหน้าอย่างยากลําบาก
ท่านพ่อคงไม่พ้นคืนนี้ เขาจะปล่อยให้ท่านพ่อตายตาไม่หลับไม่ได้!
คนอื่นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และแยกย้ายกันไป
ตานฉวนลุกขึ้นอย่างเลื่อนลอย เดินเข้าไปในห้อง มองท่านพ่อที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง น้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง
“ท่านพ่อ ลูกอกตัญญู ปกป้องท่านไม่ได้!” คุกเข่าอยู่หน้าเตียง มือแตะลงบนหน้าผากของท่านพ่อจนแสบร้อน แต่ก็ไม่ยอมขยับออกไป
หางตาเหลือบเห็นใต้ร่างกายของบิดา เลือดและหนองที่ไหลออกมาจากบาดแผลเน่าเปื่อย ความโกรธก็พุ่งขึ้นมาในดวงตา!
แม้ผู้หญิงคนนั้นเป็นพระชายาแล้วยังไง? บาดแผลนี้ นางเป็นคนทำมัน! เขาต้องการให้นางชดใช้ด้วยเลือด!
ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่าพระชายาเคยให้กระดาษแผ่นหนึ่ง และกำชับบางอย่างแก่เขา
ตอนนี้ท่านพ่อกําลังตกอยู่ในอันตราย บางที...
แสงสว่างในใจกลายเป็นความหวังสุดท้ายของเขา
เขาวิ่งออกจากบ้านด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดและวิ่งไปยังทิศทางของเรือนฝูอวิ๋น
...
เรือนฝูอวิ๋น
“ตานฉวน เจ้ามาได้ยังไง? ลุงอวิ๋นไข้ลดลงแล้วหรือ?” องครักษ์ของเรือนฝูอวิ๋นเห็นตานฉวน จึงเอ่ยถามก่อน
“ข้าหาของบางอย่างอยู่” ตานฉวนพูดจบ ก็ก้มลงมองหาอย่างระมัดระวัง
เรือนฝูอวิ๋น เป็นสถานที่ที่ห่างไกลในจวนอ๋อง ก่อนที่เซี่ยเหยาจะมาถึงที่นี่ไม่มีใครมาทำความสะอาดตลอดทั้งปี หลังจากเซี่ยเหยามาถึงบ่าวจึงทำความสะอาดวัชพืชในเรือนให้สะอาด นอกเรือนยังไม่มีเวลาทำความสะอาดและวัชพืชสูงเกินเข่า
ตานฉวนแหวกหญ้าออกค้นหาอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าพัก และไม่กล้าประมาท
“หาอะไรล่ะ? ให้ช่วยไหม?” องครักษ์เอ่ยอย่างใจดี
“กระดาษแผ่นหนึ่ง ก่อนหน้านี้พระชายามอบให้ข้า” ตานฉวนไม่เงยหน้าขึ้น ใจจดใจจ่อ เริ่มปวดเอวเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าอาการบาดเจ็บเก่าจะกำเริบ
องครักษ์สองคนนั้นก็พอจะจำได้บ้าง จึงก้มลงช่วยหา
แต่ถึงแม้ทั้งสามคนจะหานานกว่าครึ่งก้านธูป แต่ก็ยังไม่ได้อะไร
ตานฉวนค่อนข้างร้อนใจ พื้นที่แค่หนึ่งจั้ง อย่าว่าแต่แผ่นกระดาษเลย แม้แต่ตั๊กแตนก็จับได้!
กระดาษแผ่นนั้นหายไปได้ยังไง?
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะตบหน้าตัวเองอย่างรุนแรง เสียใจจนจุกในอก!
เสียใจอยู่ในใจ มือก็ไม่กล้าหยุดหาแม้แต่น้อย แม้ว่าอาการบาดเจ็บที่เอวจะกำเริบ ทำให้เขาเจ็บปวดจนเหงื่อออกกระทั่งเสื้อผ้าเปียกโชก
“ตานฉวน กระดาษแผ่นนั้นคงถูกลมพัดปลิวไปแล้วมั้ง” องครักษ์ทั้งสองคนนั้นยืดตัวตรง หากหามากกว่านี้เอวคงพัง
ตานฉวนสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ตัดสินทิศทางลม แล้วก้มลงค้นหาต่อไป
เขาต้องหากระดาษแผ่นนั้นให้เจอ ให้ได้!
ประมาณหนึ่งเค่อต่อมา ในที่สุดเขาก็พบเงาของกระดาษในพุ่มหญ้า จึงรีบวิ่งไปทันที ด้วยสีหน้ามีความสุข หยิบกระดาษขึ้นมา และกางออก...
ตอนนี้กระดาษเปียกโชกไปด้วยน้ำ ลายมือบนนั้นเลือนลาง มองไม่เห็นเลย
ตานฉวนหมดอาลัยตายอยาก เหมือนลูกบอลที่ถูกปล่อยลม จนซึมเซา
เมื่อนึกถึงท่านพ่อที่หมดสติ เขาได้แต่วิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงเรือน สาวใช้ที่ท่านอ๋องส่งมาดูแลลุงอวิ๋นก็เอ่ยขึ้น “ตานฉวนรีบเข้าไป ลุงอวิ๋นฟื้นแล้ว เขาอยากพบเจ้า!”
ตานฉวนตกใจ รีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที
“ท่านพ่อ ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ข้าสั่งให้คนไปเรียกหมอมาแล้ว อีกไม่นานท่านก็จะดีขึ้น” ตานฉวนคุกเข่าอยู่หน้าเตียงของลุงอวิ๋นเพื่อปลอบโยน แต่พูดไม่ทันจบตัวเองก็สะอึกสะอื้นก่อน
ลุงอวิ๋นยิ้มอย่างอ่อนแรง ดูสงบมาก “ไม่ต้องเสียใจ เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ แค่กๆ ไม่สามารถต้านทานได้ ข้าแค่ไปก่อนหนึ่งก้าวเท่านั้นเอง ส่วนเจ้า แค่กๆ”
พูดไม่ทันจบ ลุงอวิ๋นก็ไออย่างรุนแรงอีกครั้ง
ตานฉวนรีบให้พ่อหายใจสะดวกขึ้น “ท่านพ่อวางใจได้ ข้าจะแก้แค้นให้ท่านแน่นอน! ไม่ว่าสตรีร้ายกาจคนนั้นจะมีสถานะอะไร!”
อาการไอของลุงอวิ๋นก็รุนแรงขึ้นอีกหลายครั้ง จากนั้นก็กลั้นหายใจ แล้วเอ่ยอย่างร้อนรน “เจ้าลูกเวร! ไม่ได้เด็ดขาด! ถ้าไม่ใช่เพราะพระชายารักษาข้า ข้าเกรงว่าข้าคงจะตายตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หลังจากที่เจ้ากลายเป็นพ่อบ้านของจวนอ๋อง เจ้าต้องรู้จักสำนึกบุญคุณของพระชายาด้วย!”
ตานฉวนได้ยินก็ตกตะลึง
ก่อนหน้านี้พ่อเคยบอกว่าพระชายากําลังช่วยชีวิตอยู่ แต่เขาไม่เชื่อเลย แค่คิดว่าพ่อป่วยจนสับสนจึงพูดแบบนี้
แต่ไม่คิดว่าตอนนี้พ่อจะเอ่ยถึงอีกครั้ง และพ่อดูมีสติสัมปชัญญะมาก
“นางช่วยท่านหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?” หมอหลวงยังจนปัญญา พระชายาจะเก่งกาจกว่าหมอหลวง?
ลุงอวิ๋นรู้ว่าตานฉวนไม่เชื่อ จึงอธิบายสถานการณ์ในตอนนั้น
หลังจากตานฉวนฟังแล้วก็สะเทือนใจ ลุกขึ้นวิ่งออกไปทันที “ท่านพ่อวางใจได้ ข้าจะเชิญพระชายามาหาท่านอย่างแน่นอน แม้จะต้องคุกเข่า ข้าก็จะขอให้นางมา!”
แต่ในความจริง เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเชิญพระชายามาได้หรือไม่! ท้ายที่สุดแล้ว ท่าทีของเขาที่มีต่อพระชายาก่อนหน้านี้...
ตอนนี้หวังเพียงว่าพระชายาจะเมตตา และไม่ถือสาคนที่ด้อยกว่าอย่างเขา
เรือนฝูอวิ๋น
องครักษ์เห็นตานฉวนกลับมาอีก ก็แปลกใจเล็กน้อย
“ข้าขอเข้าพบพระชายา” ตานฉวนเอ่ย
องครักษ์ทั้งสองคนมองหน้ากัน และหลีกทางให้
ท่านอ๋องให้จับตาดูเรือนฝูอวิ๋น ไม่ให้พระชายาออกไป แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ให้คนอื่นเข้าไป
ตานฉวนเอ่ยขอบคุณ รีบเดินเข้าไปเคาะประตู “พระชายา ตานฉวนขอเข้าพบพะย่ะค่ะ”
จื่อฉิงไปเลือกวัตถุดิบในห้องครัว ไม่ได้อยู่ในเรือน
ตอนนี้เซี่ยเหยากําลังศึกษาวิธีซ่อนแหวนบนนิ้วนางของนางอยู่ในห้องอย่างปลอดภัย เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็เก็บของ แหวนในมือก็ซ่อนหายไปพอดี “เข้ามาเถอะ”
