บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 แม่สามี

ในขณะที่เด็กทั้งสองกำลังร้องไห้ ผู้ใหญ่สองคนกำลังจ้องหน้ากันด้วยสายตาที่แตกต่างกันออกไป คนหนึ่งกำลังจ้องมองด้วยสีหน้าแน่วแน่และส่งสายตาเย็นชาออกมา แต่อีกคนกลับสับสนและมึนงงและกำลังจ้องสถานการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ ก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านแล้วก็เดินตามเสียงร้องไห้ของเด็กๆ มา จนได้เห็นความยุ่งเหยิงตรงหน้าจนตวาดออกมาเสียงดังลั่นบ้าน

“เหม่ยหลัน! เธอนี่มันใช้ไม่ได้จริงๆ นอกจากจะสันหลังยาวแล้วยังรู้จักแต่หาเรื่องหาราวเข้าบ้าน ลูกชายของฉันป่วยถึงขนาดนี้เธอยังจะหาเรื่องมาทะเลาะเบาะแว้งกับเขาอีกหรือ”

“คุณย่า!” เมื่อผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นเดินเข้ามาในห้องเด็กน้อยทั้งสองก็เงยหน้าขึ้นแล้วเรียกเธอว่าคุณย่าพร้อมกัน เจียงซูหลันก็พลันเข้าใจในทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นแม่สามีของหลินเหม่ยหลันนั่นเอง

“อาเยี่ยน ลูกยังป่วยอยู่ก็ควรจะพักผ่อนสิ เมียของลูกเป็นคนอย่างไรลูกก็น่าจะรู้ดี จะไปถือสาเอาเรื่องเอาราวกับหล่อนให้กระทบกระเทือนจิตใจไปทำไมกัน” คำพูดของแม่สามีทำให้ผู้ชายที่หน้าเหมือนลู่หยางหมิงทอดถอนใจออกมาแล้วขยับตัวไปนั่งลงบนเตียงแถมยังหันไปพูดจาปลอบประโลมลูกชายและลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว พ่อไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ถ้อยคำประโยคนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่คนอย่างลู่หยางหมิงไม่เคยทำ เจียงซูหลันจึงได้ลอบทอดถอนใจออกมาด้วยความโล่งใจพลางคิดว่าการที่หน้าตาของเขาจะเหมือนลู่หยางหมิงก็คงจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น เพราะคนอย่างลู่หยางหมิงห่างไกลจากคำว่าอ่อนโยนเป็นอย่างมาก แม้ในขณะที่ยังอยู่ในสถานะเป็นแฟนกันก็ตามทีแต่เขาไม่เคยพูดจาอ่อนโยนเช่นนี้ให้เธอเห็นเลยสักครั้ง

“แล้วเธอจะมามัวยืนซื่อบื้อตรงนี้อยู่ทำไม ฉันกับหวันหว่านเอาอาหารมาให้แล้ว เธอควรจะรีบออกไปดูแล้วก็จัดแจงเตรียมอาหารให้ลูกกับสามีของเธอเสียสิ” แม่สามีพูดพลางเดินไปโอบกอดเจินจูเอาไว้แล้วก็พูดจาปลอบโยนหลานสาวและหลานชายเสียงเบา

“ไม่ต้องร้อง พ่อกับแม่ของหลานก็แค่ทะเลาะกันนิดหน่อยเพียงเท่านั้น พวกหลานจะตื่นตกใจไปทำไมกันใช่ว่าพวกเขาไม่เคยทะเลาะกันให้เห็นเสียหน่อย” เมื่อพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมามองเจียงซูหลันที่ในตอนนี้เริ่มมีสีหน้าเข้าใจบ้างแล้ว ส่วนเจียงซูหลันเมื่อได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของคนตรงหน้าก็รีบขยับตัวเดินออกจากห้องนอนแห่งนั้นเพื่อไปเผชิญหน้ากับสาวน้อยที่ยืนทำสีหน้าบึ้งตึงอยู่ในครัวต่อทันที

“นี่พี่สะใภ้คิดจะทำอะไร คิดจะทิ้งพี่ใหญ่และหลานๆ ของฉันไปหรือคะ” เด็กสาวคนนั้นพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่ชอบใจพลางชี้นิ้วไปที่กระเป๋าและข้าวของที่เมื่อครู่นี้วางระเกะระกะตรงประตูบ้าน

“เดิมทีก็ว่าจะจากไป แต่ตอนที่เห็นสภาพของเด็กๆ แล้วฉันก็เกิดตัดใจไปไม่ลงขึ้นมา” คำพูดของเจียงซูหลันทำให้เด็กสาวตรงหน้ามีสีหน้าประหลาดใจแต่แล้วก็เดินไปชะโงกหน้าอยู่ตรงหน้าประตูครัวแล้วก็หันมาพูดกับเจียงซูหลันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“พี่สะใภ้ ฉันไม่เชื่อพี่หรอกว่าพี่ไม่คิดจะจากไป แต่ฉันอยากให้พี่ลองคิดดูอีกครั้งให้ดีๆ เสี่ยวอวิ๋นกับเจินจูเป็นเด็กดีได้ถึงขนาดนี้พี่จะตัดใจทิ้งพวกเขาให้อยู่กับพ่อที่ล้มป่วยตามลำพังจริงหรือ ครอบครัวของฉันถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวยและไม่ชอบพี่ แต่ถ้าหากว่าพี่ดูแลพี่ชายของฉันและหลานๆ ให้ดี พวกเราก็ไม่มีทางปล่อยให้พี่อดตายหรอกค่ะ จริงอยู่ที่ฉันไม่ชอบพี่เอามากๆ แต่ฉันก็ยังหวังว่าพี่จะเห็นแก่หลานๆ ของฉันอย่าทำให้พวกเขากลายเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกแม่ทอดทิ้งไปเลย” คำพูดของเด็กสาวตรงหน้าทำให้เจียงซูหลันนิ่งงันไป เธอขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงได้ทดลองเอ่ยชื่อที่แม่สามีใช้เรียกเด็กสาวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ดังมากนัก

“หวันหว่าน”

“หืม” เมื่อสาวน้อยตรงหน้าขานรับเจียงซูหลันก็ตัดสินใจพูดต่อในทันที

“ฉันบอกแล้วว่าไม่คิดจะจากไปแล้ว เธอดูสภาพของฉันในตอนนี้สิ ต่อให้อยากไปก็คงจะไปไม่ได้หรอก” เจียงซูหลันพูดพลางชี้มาที่หน้าผากของตนเองที่ในยามนี้น่าจะมีบาดแผลหลงเหลืออยู่

“แต่วางใจเถอะ พวกเขาคือลูกของฉัน ฉันก็จะต้องเลี้ยงดูพวกเขาให้ดีอยู่แล้ว” เจียงซูหลันพูดพลางยิ้มออกมาในใจก็ได้แต่คิดว่าหากเธออาศัยอยู่ที่นี่ก็คงจะดีกว่าต้องไปเผชิญกับโลกที่ไม่คุ้นเคยตามลำพัง อย่างน้อยที่นี่ก็มีที่ให้นอนและมีอาหารให้กิน หากใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังเธอก็คงจะสามารถเอาตัวรอดไปจนกว่านิยายเรื่องนี้จะจบลงได้

“ถ้าพี่คิดได้เช่นนี้ฉันก็วางใจ แต่ว่าเรื่องที่พี่คิดจะจากไปทางที่ดีก็อย่าให้คุณแม่รู้จะดีกว่า หลานๆ เองก็คงไม่อยากจะให้ท่านรู้ไม่อย่างนั้นตอนนี้คุณแม่คงจะมาไล่พี่แล้ว พี่ชายของฉันเองก็เช่นกันที่เขาไม่พูดก็คงเพราะไม่อยากให้พี่ถูกคุณแม่ไล่ออกจากบ้าน” คำพูดของเด็กสาวทำให้เจียงซูหลันนิ่งงันไป

“กระเป๋าพวกนี้พี่รีบเอาไปเก็บเถอะอย่าให้คุณแม่เห็น ส่วนทางนี้ฉันจะอุ่นอาหารเอาไว้ให้” เด็กสาวตรงหน้าพูดพลางหันไปเทอาหารออกจากกล่องอาหารใส่หม้อใบเล็ก เพื่อเตรียมอุ่นอาหาร เจียงซูหลันจึงได้ยกกระเป๋าและข้าวของทั้งหมดเอาไปเก็บในห้องด้านในเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของแม่สามีของเธอ ..ซึ่งอันที่จริงต้องบอกว่าแม่สามีของหลินเหม่ยหลันต่างหาก

เมื่อเธอเดินออกมาจากห้องของตนเองก็เห็นว่าแม่สามีก็กำลังกำกับเด็กสาวที่ชื่อหวันหว่านให้จัดการล้างกล่องอาหารให้เรียบร้อยด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจ

“โจวหวันหว่าน นอกจากแกจะโชคดีกว่าเด็กสาวในหมู่บ้านเรื่องที่แกได้เรียนหนังสือแล้ว แกควรจะดีใจที่แกมีแม่อย่างฉัน ดูสิทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่างแค่ให้แกเอาอาหารมาเปลี่ยนถ่ายภาชนะก็ยังทำเชื่องช้า ทำอะไรน่ะ ล้างให้มันดีๆ หน่อยสิ อย่าให้หลงเหลือคราบมันติดกล่องอาหารกลับไปเลยเชียวนะ” คำพูดของแม่สามีทำให้เจียงซูหลันรับรู้แล้วว่าสามีของหลินเหม่ยหลันแซ่โจว เพียงแต่ตอนนี้เขาชื่ออะไรเธอยังนึกไม่ออกเพราะว่าในนิยายไม่ได้เอ่ยถึงชื่อสกุลของสามีของหลินเหม่ยหลันในนิยายเลย

“อ้าวยืนนิ่งทำไม แล้วหน้าผากของเธอไปโดนอะไรมา มิน่าเล่าวันนี้ถึงได้ไม่ต่อปากต่อคำกับฉันเลยสักคำที่แท้นอกจากจะหาเรื่องทะเลาะกับลูกชายของฉันแล้วก็ล้วนเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บที่หัวนี่เอง” คำพูดของแม่สามีทำให้เจียงซูหลันมุมปากกระตุกอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงได้พูดออกมาเสียงเบา

“ขอบคุณสำหรับอาหารนะคะคุณแม่” คำพูดของเธอทำให้ทั้งแม่สามีและน้องสามีต่างหันมาจ้องมองเธอเป็นตาเดียว แล้วสุดท้ายแม่สามีก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“บาดแผลที่หัวของเธอควรจะต้องไปหาหมอแล้วกระมัง นอกจากจะไม่โต้เถียงกับฉันแล้ววันนี้ยังรู้จักพูดจาขอบคุณฉันอีกด้วย” คำพูดของแม่สามีทำให้เจียงซูหลันพลันยิ้มแหยออกมา แล้วจึงได้เดินไปดูหม้อที่อุ่นเอาไว้ เป็นน้ำแกงกระดูกหมูตุ๋นรากบัว แถมยังมีไข่ต้มอีกหกใบ เจียงซูหลันจึงเพิ่งจะคิดได้ว่าก่อนหน้านี้เด็กๆ บอกว่าพ่อของพวกเขายังไม่ได้กินข้าวพวกเขาเองก็คงจะยังไม่ได้กินเช่นเดียวกัน เธอเดินไปสำรวจอาหารแห้งและแป้งที่เก็บเอาไว้ ตอนนี้มีไข่สดเพิ่มมาอีกหนึ่งตะกร้าทำให้เธอรู้ว่าคำพูดที่โจวหวันหว่านบอกกับเธอล้วนเป็นความจริง ขอแค่เธอดูและลูกและสามีให้ดีเธอก็จะไม่มีวันอดตาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel