บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ตัวล้างผลาญ

เป็นเพราะร่างกายอ่อนแอเถียนจิวเมิ่งจึงไม่รู้ว่าตนเองเคลิ้มหลับไปตั้งแต่ตอนไหน แต่เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้ยินแค่เพียงเสียงของเถียนจาวหยางพูดคุยกับหานชุยเหยียนตามลำพัง ไม่มีเสียงของคุณย่าเถียนพูดคุยอยู่ในห้องพักผู้ป่วยแล้ว

“ถ้าไม่เป็นเพราะผมเอาเงินเก็บทั้งหมดไปให้น้องสาว คุณกับลูกก็คงจะไม่ต้องลำบากมากขนาดนี้”

“เถียนจื่อเย่เป็นน้องสาวคนสุดท้องของคุณ ในเมื่อเธอเดือดร้อนจะต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน คุณจะไม่ช่วยเหลือเธอได้อย่างไรล่ะคะ ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ สงสารก็เพียงแค่ลูกๆ เท่านั้น อาจิ้งมาอยู่กับคุณที่นี่เขาดื้อมากไหมคะ”

“ปีนี้หลี่จิ้งเขาอายุสิบห้าปีแล้ว กำลังเติบโตอยู่ในช่วงเป็นวัยรุ่นใจร้อน เขามีความคิดแต่จะหาเงินเข้าบ้านไม่มีใจคิดจะเรียนหนังสือต่อ เมื่อวานเขาเพิ่งจะเดินมาบอกกับผมว่าอยากจะเลิกเรียนแล้ว ขอกลับไปทำงานแลกแต้มคะแนนที่หมู่บ้านดีกว่า เพราะต่อให้เรียนไปแล้ว เขาก็ไม่ได้นำความรู้ไปสอบที่ไหน”

“ทางสหายของคุณที่เมืองหลวงส่งข่าวมาบอกว่าในอนาคตข้างหน้านี้ ใกล้จะมีการปฏิรูปการศึกษาฟื้นฟูการสอบเข้ามหาลัยแล้วไม่ใช่หรือคะ คุณบอกเขาว่าให้อดทนเรียนให้จบมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วพวกเราจะไม่บังคับเขาค่ะ”

“ผมคุยกับเขาแล้ว เขากำลังจะเลือกเรียนมัธยมอาชีวศึกษา เพราะคิดจะเลือกเรียกสายอาชีพ แต่ผมเสียดายคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ของเขา จึงยับยั้งเขาเอาไว้ เพราะรู้ดีว่าลูกคิดจะเลือกเรียนสายอาชีพเพราะรู้ว่าพวกเราไม่ค่อยมีเงิน”

พอพูดถึงเรื่องเงินเสียงของสามีภรรยาคู่นี้เหมือนจะขาดหายไปนานพักใหญ่…คล้ายว่าต่างคนต่างมีความในใจที่ไม่สามารถพูดออกมาได้

เถียนจิวเมิ่งนอนคิดทบทวนในใจ ในช่วงวัยเด็กเธอเคยได้เรียนและเติบโตมาที่เมือง S ผ่านการศึกษาขั้นพื้นฐานของที่นี่จนเรียนจบประถมศึกษาระดับปลายแล้วจึงค่อยย้ายไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่เมืองไทย จึงพอจะมีความรู้เรื่องระบบการเรียนของที่นี่ว่ามีการแบ่งระดับชั้นไม่แตกต่างจากประเทศไทย แต่เธอไม่รู้ว่าในยุคที่เธอกำลังอยู่นี้การศึกษาจะเหมือนกับยุคที่เธอจากมามากหรือไม่

“ปีที่เสี่ยวเมิ่งเกิด เป็นช่วงปีที่พวกเราขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ในช่วงนั้นมีเด็กหลายบ้านที่ไม่ได้มีชีวิตต่อเพราะไม่มีอะไรให้ดื่มกิน แต่ร่างกายของเสี่ยวเมิ่งคล้ายจะจดจำสภาวะอดอยากหลายปีนั้นได้ เวลาที่เธอกินอะไรมากขึ้นก็มักจะอาเจียนออกมาจดหมด ผมเห็นแบบนี้แล้วสงสารลูกมาก จึงไม่อยากให้พวกลูกๆ ต้องทนลำบากอีกแล้ว รอให้ถึงเสิ้นเดือนนี้ผมคิดจะขอลาหยุดงานแล้วเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อไปตามหาน้องสาวเพื่อขอทวงเงินคืน”

“คุณอย่าเดินทางไปเมืองหลวงเลยค่ะ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการผ่อนปรนเรื่องการเดินทางไกลแล้ว แต่ยังมีทหารแดงคอยตรวจจับคนกระทำผิดอยู่ เรื่องเงินพวกเราอดทนใช้จ่ายอย่างประหยัดอีกสักหน่อย ที่บ้านยังมีอาหารสำรอง และยังมีคุณแม่ก็คอยช่วยอีกแรง พวกเราไม่ได้ลำบากถึงขนาดที่จะไม่มีเงินส่งให้ลูกเรียนต่อได้ เดี๋ยวรอให้เจอกับหลี่จิ้ง ฉันจะพูดคุยกับลูกเองค่ะ”

“ดี แล้วนี่คุณฝากอาเจี๋ยไว้ที่บ้านน้องชายของคุณมานานหลายวันแล้วใช่ไหม ไปรับเขากลับมาบ้านของพวกเราได้แล้ว ผมรู้สึกเกรงใจน้องชายและน้องสะใภ้ของคุณ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ น้องชายของฉันรักหลานชายคนเล็กมากคุณก็รู้ น้องสะใภ้ของฉันก็เช่นกันเธอรักพวกเด็กๆ มากค่ะ เมื่อวานนี้เธอยังซื้อส้มมาฝากอาเมิ่งตั้งหลายลูกค่ะ”

“แต่ฝากเด็กเอาไว้ที่บ้านของพวกเขาหลายวันเกินไปก็คงจะดูไม่ค่อยดี เพราะทั้งคู่มีงานที่ต้องทำ โรงเรียนในหมู่บ้านหนิงซีคงใกล้จะเปิดเทอมแล้ว คุณไปรับแกกลับมาบ้านเถอะ เวลานี้อาการของเสี่ยวเมิ่งไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว แค่ต้องทำอาหารรสอ่อนให้เธอกินพยายามเพิ่มน้ำหนักของเธอให้ได้เท่านั้น”

“ฉันรู้แล้วค่ะ”

ในเวลานี้เถียนจิวเมิ่งจึงรู้ว่าร่างกายที่ตนเองกำลังใช้อยู่ เป็นโรคขาดสารอาหารเพราะการปฏิเสธอาหารของร่างกาย เธอมีพี่ชายหนึ่งคนชื่อว่าเถียนหลี่จิ้ง เขามีอายุ15 ปี กำลังจะเรียนระดับชั้นมัธยมปลาย และยังมีน้องชายอีกหนึ่งคนชื่อว่าเถียนอวี้เจี๋ย แต่เธอยังไม่รู้อายุของเขา

เถียนจิวเมิ่งยังมีน้าชายและน้าสะใภ้ที่ยังไม่มีลูก แต่คนทั้งคู่ชอบเด็กๆ มากอีกด้วย เธอจึงอยากจะบอกน้าชายและน้าสะใภ้ที่คุณพ่อคุณแม่ของร่างนี้กำลังพูดถึงเหลือเกินว่า ให้รีบมีลูกสักสองสามคนก่อนที่นโยบายมีลูกคนเดียวในปี ค.ศ.1980 จะถูกบังคับใช้

“ช่วงนี้ผมรอให้คุณหมอหนานกลับมาทำงานตามปกติ และได้คุณหมอมาใหม่มาเพิ่มอีกสักคน ผมจึงสามารถกลับบ้านทุกวันได้”

“คุณเดินทางไปกลับทุกวันจะเหนื่อยเกินไป เอาไว้วันไหนได้หยุดพักคุณค่อยกลับบ้านน่าจะดีกว่า อาหารของคุณและลูกที่นี่เพียงพอไหมคะ คราวนี้ฉันรีบร้อนเดินทางเข้าเมืองมาแบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้า จึงไม่ได้นำเสบียงอาหารมาส่งให้คุณเลยค่ะ”

“คุณไม่ต้องเป็นห่วงผม ถ้าอาหารไม่พอผมจะให้อาจิ้งปั่นจักรยานกลับหมู่บ้าน เขาโตแล้วสามารถเดินทางไปกลับระหว่างหมู่บ้านและอำเภอได้แล้ว”

น้ำเสียงที่คุณพ่อเถียนพูดถึงลูกชายคนโตเต็มไปด้วยความรักใคร่และชื่นชม เถียนจิวเมิ่งจึงจดจำเอาไว้ว่าน้องสาวอย่างเธอห้ามมีปัญหากับพี่ชายที่มีชื่อว่าเถียนหลี่จิ้งเป็นอันขาด

น้ำเกลือหมดกระปุกแล้ว คนที่พาเถียนจิวเมิ่งมาส่งโรงพยาบาลจึงกำลังเตรียมตัวจะกลับหมู่บ้านชิงซานพร้อมกัน ใบหน้าของโจวเหม่ยฟางดูสะอาดมากขึ้นเพราะเธอได้รับการทำแผลและใส่ยาบนบาดแผลจากคุณพยาบาลซุนมี่ซิ่นแล้ว

พยาบาลซุนมี่ซิ่นเป็นคนที่เคยช่วยให้น้ำเกลือที่แขนของเธอ เธอเป็นหญิงสาวที่มีอัธยาศัยดีมากคนหนึ่ง ขนาดโจวเหม่ยฟางที่ดูไม่น่าใกล้ชิด เธอยังสามารถพูดคุยและทำแผลบนใบหน้าที่แสนสกปรกนั้นได้

“สาวน้อย กลับไปบ้านครั้งนี้พยายามกินอะไรให้มากขึ้นอีกสักหน่อย ถ้ากินอะไรไม่ได้จริงๆ ก็ฝืนกินไข่ต้มหนึ่งฟองต่อมื้อก็ได้”

เถียนจิวเมิ่งพยักหน้าตอบ ก่อนจะเหลือบตาไปมองโจวเหม่ยฟางเล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายแค่เสียงขึ้นมาว่า “นังเด็กล้างผลาญ!”

เถียนจาวหยางกำลังจะอ้าปากพูดตำหนิพี่สะใภ้ของเขา แต่กลับถูกภรรยาส่ายหน้าห้ามปรามเขาเอาไว้ ยิ่งในเวลาที่หานชุยเหยียนจะต้องไปชำระเงินค่ายา โจวเหม่ยฟางจับจ้องไปที่แม่สามีอยู่ตลอดเวลา เพื่อพยายามสังเกตให้แน่ใจว่าในวันนี้แม่สามีของเธอไม่ได้ควักกระเป๋าช่วยจ่ายเงินให้บ้านรองอีกแล้ว

ระหว่างที่เถียนจิวเมิ่งนั่งอยู่บนรถเข็นคนป่วยของโรงพยาบาลโดยมีคุณย่าเถียนยืนเฝ้าเธออยู่ด้านข้าง เธอมองเห็นว่ามีผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งปั่นจักรยานมาจอดที่ข้างรถไถ แล้วรีบร้อนเดินสลับวิ่งเร่งฝีเท้ามาหาเธอกับคุณย่าเถียนอย่างรวดเร็ว

“น้องสาวป่วยอีกแล้วหรือ เธอเป็นอย่างไรบ้างครับคุณย่า”

“ยัยหนูเมิ่งดีขึ้นแล้ว อาจิ้ง…เห็นพ่อแกพูดว่าแกจะไม่ยอมเรียนต่ออย่างนั้นหรือ”

“ย่า…ผมอยากกลับไปทำงานที่หมู่บ้าน ที่บ้านของพวกผมขาดแรงงานจึงไม่ได้รับเสบียงจากสหกรณ์หมู่บ้าน ถ้าหากผมกลับไป…”

“ถ้าแกกลับไป ย่าจะเพ่นกบาลของแกให้แตก อยากจะจะลองดูก็ได้ แกอุตส่าห์ทำได้ดี มีโอกาสเรียนหนังสือเพราะสอบชิงทุนได้ แล้วแกยังคิดจะทิ้งมันไปอีก เรื่องเงินเรื่องอาหารให้เป็นธุระของพ่อกับแม่แกก็พอแล้ว ส่วนแกมีหน้าที่เรียนหนังสืออย่างเดียวก็พอ”

เถียนหลี่จิ้งเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่ใบหน้าของเขากลับดูเคร่งขรึมจนดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว เขาหันมามองสบตากับเถียนจิวเมิ่งที่กำลังเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาอยู่พอดี

เถียนหลี่จิ้งฝืนยิ้มให้แก่น้องสาว ไม่ยอมเอ่ยตอบคำพูดของคุณย่าเถียน เขาเอื้อมมือมาลูบหัวเธอเบาๆ สองสามที ก่อนจะขอตัวเดินไปที่ห้องแผนกการเงินของโรงพยาบาล

หัวใจของเถียนจิวเมิ่งพลันสั่นไหวขึ้นมาในที เมื่อเธอนึกถึงคำพูดของโจวเหม่ยฟางที่เคยเรียกเธอด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า ยัยขี้โรค นังตัวขาดทุน นังเด็กล้างผลาญ เธอเป็นคนป่วยจะต้องใช้เงินในการรักษา ไหนจะอาหารบำรุงสุขภาพอีก

คุณพ่อเถียนมีอาชีพเป็นคุณหมอประจำโรงพยาบาลของอำเภอมีรายได้ประจำเป็นเงินเดือน ดังนั้นบ้านรองตระกูลเถียนจะต้องไม่ขาดแคลนเงิน ถ้าหากไม่มีตัวล้างผลาญ และดูจากสถานการณ์โดยรวมแล้วเถียนจิวเมิ่งผู้นี้น่าจะเป็นตัวล้างผลาญของครอบครัวอย่างแน่นอน…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel