บท
ตั้งค่า

ใครจะกินก็จ่ายมาคนละสามหยวน

วันนี้ถึงกำหนดที่สามีส่งเงินกลับมาแล้ว เขาจะใช้วิธีส่งมาทางจดหมาย หลังจากที่พนักงานไปรษณีย์มาส่ง หยูเจี้ยนเปิดอ่านจดหมายที่เขียนมาแบบห้วนๆ เขาบอกแค่ว่าเขาสบายดี และฝากดูแลเด็กๆ มาพร้อมกับเงินในซองจดหมายหนึ่งร้อยหยวน ในความทรงจำครั้งนี้เหมือนว่าจะเป็นเงินก้อนใหญ่กว่าทุกครั้ง ในซองจดหมายยังมีคูปองอีกจำนวนหนึ่ง นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆ ในหมู่บ้านก็ต้องการอย่างคูปองพิเศษ อย่างคูปองเนื้อ

เธอวางแผนที่จะต่อเติมบ้านอยู่แล้ว และเงินและคูปองพิเศษบางอย่าง เหมือนว่าจะมีส่วนช่วย แต่เหมือนว่าหยูเจี้ยนจะลืมอะไรบางอย่างไป เธอมองกระดิ่งวิเศษที่ข้อมือ ก่อนที่จะวิ่งเข้าบ้านไปอย่างเร่งรีบ เธอแค่สั่นกระดิ่งและขอให้มีประตูใหม่ พื้นปูนในบ้านแทนพื้นดินแบบนี้ แล้วก็เตียงเตาในห้องของเด็กๆ

โชคดีที่เด็กๆ ออกไปเล่นในทุ่งนา หลังจากที่พวกเขาใช้เวลาในการขออนุญาตแม่ออกไปด้านนอกถึงสองวัน กว่าแม่จะยอมใจอ่อนและปล่อยให้พวกเขาออกไปเล่นข้างนอกได้ แต่เหมือนว่าจะมีข้อจำกัดบางอย่าง นั่นคือห้ามเข้าใกล้แหล่งน้ำหรือสถานที่บางอย่างที่อันตราย เด็กๆ รับปากคนเป็นแม่อย่างเข้มแข็งก่อนที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่เก่ามากที่สุด แต่ถึงจะเห็นว่าเก่าที่สุดมันก็ยังคงเป็นเสื้อผ้าใหม่อยู่ดี

มีเด็กๆ มากมายที่วิ่งเล่นในทุ่งนา เสื้อผ้าเก่าๆ ของเด็กคนอื่น ทำให้อาผิงกับอาเหมามองเสื้อผ้าของตนเองที่เปลี่ยนไป รู้สึกภูมิใจมากที่ได้สวมใส่เสื้อผ้าใหม่ แบบนี้ออกมาให้คนอื่นเห็นและอิจฉาบ้าง 

เด็กๆ ส่วนใหญ่มักดูถูกสองพี่น้องอยู่เป็นนิจ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั้งสองคนจะไม่ค่อยสนิทกับเด็กๆ คนอื่นในหมู่บ้านมากเท่าไหร่ นั่นอาจเป็นที่ก่อนหน้านี้หยูถัง ลูกชายของลุงใหญ่พี่ชายของแม่มักจะมาบอกเด็กคนอื่นเสมอว่าพวกเขาเป็นเด็กที่ไร้ประโยชน์ แม้แต่แม่หรือคนบ้านยายต่างลงคิดเห็นว่าเป็นแบบนั้น 

"นั่นพวกเด็กไร้ประโยชน์นี่ สวมเสื้อผ้าใหม่กว่าเสื้อผ้าของหยูถังอีก"

หยูถังมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวไร้ประโยชน์อีกครั้ง เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าเสื้อผ้าที่ดูดีแบบนั้น จะอยู่บนร่างกายของสองพี่น้องนั้นได้ ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ อาเล็กของเขามักจะเห็นความสำคัญของเขามาก่อนอาผิงและอาเหมาเสมอ หยูถังอายุใกล้เคียงกับอาผิง เขาเดินเข้าไปหาสองพี่น้องที่ไร้ประโยชน์ทันทีอย่างไม่ลังเล

"ทำไมพวกเธอถึงสวมเสื้อผ้าใหม่ๆ แบบนี้ ฉันจะไปถามอาเล็กเดี๋ยวนี้ เสื้อผ้าพวกนี้ต้องเป็นเสื้อผ้าสำหรับฉันอย่างแน่นอน"

หยูถังพูดออกมาอย่างมั่นใจ ว่าอย่างไรแล้วเสื้อผ้าที่ดูดีตรงหน้าของเขา จะต้องไม่ใช่ของสองคนนี้ มันต้องมีสิ่งที่เข้าใจผิดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

"หยูถังนายไม่มีตาอย่างนั้นหรือ เสื้อผ้าที่ฉันสวมใส่อยู่ดูจากตาข้างเดียวก็รู้แล้วว่ามันเป็นเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง ส่วนเสื้อผ้าตัวเล็กของน้องชายฉันนายคิดว่าจะใส่มันลงไปจุจริงๆ หรือ ถ้านายไม่โง่เกินไปก็น่าจะทำความเข้าใจมากกว่ามาโวยวายแบบนี้"

อิ้นผิงตอกหน้าเจ้าหยูถังด้วยความสงบนิ่ง สิ่งที่เธอพูดออกไปมันคือความจริงทั้งนั้น อยู่ที่ว่าอีกฝ่ายจะเชื่อหรือเปล่า

"ไม่จริงอาเล็กไม่มีทางใส่ใจตัวไร้ประโยชน์อย่างพวกเธอไปมากกว่าฉันอย่างแน่นอน นี่ต้องเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันแน่ๆ"

เด็กๆ คนอื่นต่างมองระหว่างหยูถังกับอิ้นเหมาและอิ้นผิงสลับกันไปมา เสื้อผ้าที่สองคนนั้นสวมใส่ ก็ดูออกว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ซื้อมาเฉพาะตัวจริงๆ แล้วของพวกนั้นจะกลายเป็นของหยูถังได้อย่างไร

เจ้าหยูถังวิ่งกลับบ้านหยูไปอย่างเร่งรีบ ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาคิดว่าย่าของเขาจะสามารถจัดการทุกอย่างได้ คนอย่างย่ารักเขามากที่สุด ถ้าอาเล็กกล้าซื้อเสื้อผ้าให้ตัวไร้ประโยชน์สองคนนี้ได้ อีกไม่นานย่าจะไปฉีกอกอาเล็กอย่างแน่นอน

เด็กๆ ถูกเอ่ยชวนให้ร่วมเล่นกับเพื่อนๆ คนอื่นเป็นครั้งแรก หลังจากที่เห็นกับตาว่า เจ้าหยูถังที่แท้ก็เป็นอันธพาลรังแกสองพี่น้องนี่มาโดยตลอด

อาเหมาเพิ่งรับรู้ว่าการที่ได้วิ่งเล่นกับเพื่อนที่เป็นผู้ชาย มันสนุกกว่าการเล่นกับพี่สาวของเขาเป็นไหนๆ แต่ชีวิตนี้เขาเลือกพี่สาวมากกว่าการเล่นสนุก อย่างไรแล้วคนที่คอยเป็นห่วงและปกป้องเขามาโดยตลอดก็คือพี่สาวที่แสนดีของเขา

ทางบ้านหยูเจี้ยนจัดการขอกระดิ่งวิเศษเรื่องเตียงเตาใหม่สำหรับเด็กๆ ห้องเก็บฟืน และก็พื้นบ้าน อีกทั้งประตูที่ผุพัง ทุกอย่างเสร็จเพียงเสี้ยวเวลา ไม่มีใครทันได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงนี่เลยด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องเตียงเตานั่นเธอคงต้องเตรียมตอบคำถามไว้ให้ดี หรือบางครั้งเธออาจให้เด็กๆ มานอนกับตนเองก่อน ค่อยอ้างว่าจ้างคนมาทำเตียงเตาให้ และพวกเขาจะต้องนอนกับคนเป็นแม่จนกว่าปูนที่สร้างเตียงเตาจะแห้งและใช้งานได้ดี ทั้งที่จริงแล้วปูนพวกนั้นแห้งมาตั้งนานแล้ว

เพียงเวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเด็กๆ กลับมาพร้อมกับเหงื่อที่ไหนโทรมร่างกาย ใบหน้ามอมแมมเล็กน้อย ทว่าเสื้อผ้ายังไม่ได้เปื้อนอะไรมากมายนัก

"กลับมาแล้วหรือ ไปอาบน้ำกันก่อนสิ แต่ว่าเสื้อผ้าอยู่ในห้องนอนของแม่ ช่างเพิ่งมาทำเตียงเตาให้อีกสักหนึ่งวันถึงจะย้ายกลับไปนอนได้ คืนนี้ทั้งสองคนก็มานอนกับแม่ก่อนนะ"

อาผิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอไม่เคยเห็นว่าการสร้างเตียงเตาจะเสร็จได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ และก่อนหน้านี้แม่ไม่ได้บอกมาก่อนว่าต้องการที่จะสร้างเตียงเตาให้เธอสองพี่น้อง แต่อย่างไรถึงตอนนี้แม่ก็จ้างคนมาสร้างมันแล้ว

เพราะพวกเขายังเด็กมาก และคงไม่ได้ทันสังเกตว่าพื้นบ้านที่แต่เดิมเป็นพื้นดิน ตอนนี้มันกลายเป็นพื้นปูน ที่ต่อให้ฝนตกลงมาก็ไม่ได้จะชื้นแฉะได้ง่ายๆ อีก สาเหตุหนึ่งที่ทำให้บ้านมีกลิ่นอับก็น่าจะมาจากพื้นที่เป็นดิน มันค่อนข้างอุ้มน้ำเป็นพิเศษ หลังจากมีความชื้นสะสม แม้ว่าช่วงนี้จะแห้งแล้ง แต่ความอับชื้นที่เกิดขึ้นในอดีตก็ยังหลงเหลืออยู่หลังจากทำความสะอาดไปเล็กน้อย

"ถ้าอย่างนั้นหนูกับน้องไปอาบน้ำก่อนนะคะ"

เด็กๆ รับรู้บ้างว่าเหมือนบ้านเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่ามันเปลี่ยนแปลงที่ตรงไหน พวกเขายังเด็กมาก และยังคงไม่รู้ว่าการทำงานแบบนั้นเสร็จอย่างเร่งรีบได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากนัก

หยูเจี้ยนโล่งใจที่ลูกๆ ไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แม้ว่าลูกสาวคนโตจะดูเหมือนไม่เข้าใจเล็กน้อยอยู่บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้ พวกเขาก็แค่เด็กเท่านั้น

หันมาสนใจมื้อเย็นตรงหน้า เหมือนว่าเงินที่ได้มาจากสามีจะยังคงไม่ได้ใช้อะไรมาก เมื่อไหร่ที่เธอมีกระดิ่งวิเศษอยู่แบบนี้ เท่ากับว่าต่อไปนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอกับลูกจะไม่มีทางลำบากอีกต่อไป

ที่จริงเธออยากลองขายของที่ขอจากกระดิ่งวิเศษบ้าง แต่เรื่องนั้นคงต้องรอให้เจ้าลูกชายลูกสาวเข้าโรงเรียนก่อน อย่างไรแล้วตอนนี้เธอก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินกับอะไรอย่างเร่งด่วน

ทางบ้านเดิมของหยูเจี้ยน หยูถังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนเป็นแม่ฟัง แม้ว่าครั้งก่อนจะเกิดปัญหาระหว่างน้องสาวสามีแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้ยินว่ากล่องดวงใจอย่างลูกชายถูกเยาะเย้ยด้วยคำพูดของเด็กไร้ค่าพวกนั้น คนเป็นแม่รู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมาทันที เมื่อเล่าเรื่องนี้แก่แม่สามีและสามี ทั้งสองคนก็โกรธไม่แพ้กัน

"อะไรนะ เจ้าตัวไร้ประโยชน์สองคนนั้น ถึงขั้นทำแบบนี้กับอาถังของเราเชียวหรือ ไม่ได้ ฉันจะไปจัดการและเอาของดีๆ พวกนั้นมาเป็นของหยูถังอย่างเร่งรีบในตอนนี้"

แม้ว่าในครั้งก่อนจะเกิดเรื่องราวบาดหมางขึ้น แต่คนเป็นแม่และพี่ชายไม่ได้หวั่นเกรง เพราะยังถือว่าอย่างไรแล้วหยูเจี้ยนก็ต้องเชื่อฟังคำของพี่ชายและแม่อยู่เสมอ

กลิ่นหอมเนื้อลอยออกจากบ้านของลูกสาว นั่นยิ่งสร้างความไม่พอใจของแม่ขึ้นไปอีก ลูกสาวถึงกับมีเนื้อในมื้ออาหาร แล้วทำไมถึงลังเลที่จะเอาไปแสดงความกตัญญูต่อเธอที่เป็นแม่ ลูกสาวคนนี้อกตัญญูเกินไปแล้วจริงๆ

"อาเจี้ยนแกออกมาเดี๋ยวนี้นะ"

เด็กๆ กำลังแต่งตัวในห้องนอนของเธอ หยูเจี้ยนกำชับให้เด็กๆ อยู่ในห้องก่อน เพราะเหมือนว่าบ้านเดิมจะไม่จดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อย่างไรแล้วก็ต้องการเอาเปรียบเธอให้ได้สินะ

"มาทำไมอีกคะ"

"นี่คือคำทักทายจากคนที่เป็นลูกสาวอย่างนั้นหรือ แกรู้หรือเปล่าว่าวันนี้ตัวไร้ประโยชน์นั่น เยาะเย้ยอาถังอย่างไรบ้าง เสื้อผ้าพวกนั้นเอามาให้อาถังให้หมด"

"นี่มันเรื่องอะไรกันคะ แล้วเด็กไร้ประโยชน์นี่มีสิทธิ์อะไรมาบังคับเอาเสื้อผ้าจากลูกของฉัน ใครคลอดออกมาก็ให้คนนั้นรับผิดชอบสิคะ นั่นมันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ถ้าไม่มีอะไรก็เชิญ "

คนเป็นพี่ชายโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ในตอนนี้เขาแทบอยากจับน้องสาวมาตีให้ตาย ถ้าไม่ติดว่าสามีของน้องสาวเขากลับมา และไม่กลับมาฆ่าเขาได้ เขาไม่ลังเลที่จะทำไปตั้งนานแล้ว

"นี่แกพูดว่าอะไรนะ"

พี่ชายถามย้ำอีกครั้ง เพราะแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าน้องสาวที่เชื่อฟัง จะถึงกับกล้าพูดจาโอหังออกมาแบบนั้น ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าหยูเจี้ยนเอ็นดูหยูถังมาตลอดอย่างนั้นหรือ

"ย่าครับ อาหารบ้านอาเล็กหอมจังเลย วันนี้เรากินข้าวที่นี่กันเถอะ"

หยูเจี้ยนมองหลานชายที่พูดขึ้นมาอย่างหน้าไม่อาย ให้ตายเถอะ กล้าจะกินอาหารบ้านคนอื่นทั้งที่เจ้าของบ้านไม่ได้เอ่ยชวนแบบนี้ เด็กคนนี้นิสัยเสียขั้นสุด

"ได้สิ แต่ใครจะกินข้าวที่นี่จ่ายมาคนละสามหยวน"

หยูเจี้ยนกระหยิ่มออกมาพลางแบมือ ถ้าอยากกินของคนอื่น แน่นอนว่ามันมีราคาที่ต้องจ่าย เพราะอาหารพวกนั้นมีไว้สำหรับเธอและลูกชาย ถ้าใครต้องการก็แค่จ่ายเงินมา นี่เธอดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เก็บคูปองอาหารด้วย

คนเป็นแม่อยากจะเป็นลม ค่าอาหารคนละสามหยวน เธอไม่คิดมาก่อนว่าลูกสาวคนเล็กจะเปลี่ยนแปลงไป และกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้ แม้อยากกินเนื้อขนาดไหน คงไม่จ่ายเงินตั้งเก้าหยวน อีกอย่างไม่มีใครกล้าที่จะบุกไปขโมยอาหารด้วย ลูกเขยเป็นใครมีหรือที่แม่ของหยูเจี้ยนจะไม่รู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel