บท
ตั้งค่า

พ่อของเจ้าหัวผักกาดทั้งสอง

หยูเจี้ยนยืนมองพี่ชายกับแม่และหลานชายเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี กล้าคิดที่จะมาเอาเปรียบและรังแกลูกๆ ของเธออีกอย่างนั้นหรือ จะมาหาว่าเธออกตัญญูก็ไม่ถูก  อีกฝ่ายต่างหากที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ลูกของใครคนนั้นก็ต้องเป็นคนที่รับผิดชอบได้เป็นอย่างดีสิ ไม่ใช่มาโยนความรับผิดชอบใส่คนอื่นแบบนี้

นิสัยของหลานชายอีกคน ถ้าหากว่าเรียนร่วมกับอาผิงในอนาคต เด็กคนนี้ต้องหาทางรังแกลูกสาวของเธอแน่ๆ หยูเจี้ยนค่อนข้างที่จะเคร่งเครียดเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ 

เธอเปิดประตูห้องเรียกเด็กๆ ออกมาทานอาหาร วันนี้มีต้มหมูสามชั้นกับหน่อไม้สดๆ ไม่มีอะไรที่วิเศษไปมากกว่านี้อีกแล้ว หลังจากเห็นอาหาร ความสนใจของเด็กๆ อยู่ในจานอาหารตรงหน้าในทันที เนื้อสามชั้นในน้ำต้มหน่อไม้ ไม่รู้ว่าแม่ได้หน่อไม้มาอย่างไร ในหมู่บ้านไม่มีทางที่จะแย่งมาได้ทันกับชาวบ้านคนอื่นเป็นอันขาด หลังจากแม่เปลี่ยนแปลงไปเหมือนว่าจะมีความสามารถมากทีเดียว

"วันนี้กินข้าวกับต้มหมูใส่หน่อไม้ก็แล้วกัน ช่วงนี้ลูกอาจต้องกินเนื้อหมูบ่อยๆ เพราะว่าทั้งสองคนผอมมากจนเกินไปแล้วล่ะ"

แม่พูดเหมือนว่าสองพี่น้องจะเบื่อเนื้ออย่างนั้นแหละ ไม่มีใครหรอกนะที่จะเบื่อเนื้อ มีแต่ทุกคนที่อยากจะกินเนื้อได้ทุกวัน และได้กินครั้งละเยอะๆ จนอิ่มท้อง

"ไม่ต้องห่วงฮะ ผมกับพี่ไม่มีทางเบื่ออาหารที่แม่ทำอย่างแน่นอน ขนาดป้าสะใภ้ยังบอกเลยว่าอาหารที่แม่ทำรสชาติของมันดีเอาเสียมากๆ"

"ใช่ค่ะ แม่ทำอะไรก็อร่อยไปทุกอย่าง ไม่มีทางที่เราจะเบื่อง่ายๆ หรอกนะคะ"

เพียงเวลาผ่านไปไม่นาน เด็กๆ กล้าที่จะพูดกับเธอมากขึ้น หยูเจี้ยนชอบให้เป็นแบบนี้มากกว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่าความไว้วางใจจากลูกๆ ทั้งสองคน เธอยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่จะเริ่มทานอาหารตรงหน้าต่อไป

เด็กๆ คบเนื้อหมูสามชั้นเข้าปากอย่างมีความสุข รสชาติของน้ำแกงตรงหน้าก็ดีไม่น้อย มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับขึ้นสวรรค์อะไรอย่างนี้ 

อาเหมาต้องการกินข้าวเพิ่มอีกชาม แต่ถึงตอนนี้เขาลังเลว่าจะขอแก่แม่ดีหรือเปล่า อย่างไรแล้วเขาก็ไม่ได้กล้าที่จะเอ่ยขอมันกับแม่ออกไปตรงๆ 

หยูเจี้ยนมีหรือที่จะมองไม่ออก เพราะอาหารวันนี้น่าจะถูกปากอาเหมาเป็นเศษ เขายังสามารถทานเข้าไปได้อีกเล็กน้อย ถ้าเธอให้เขามากกว่านั้นเกรงว่าคืนนี้ลูกชายจะจุกจนแน่นท้องไปหมด

"อาเหมาอยากเพิ่มข้าวอีกหรือเปล่า อาผิงก็ด้วย ลูกสามารถกินได้จนอิ่ม ที่แปลว่าไม่มากเกินไปจนปวดท้อง เพราะแทนที่จะมีความสุขกับการทานอาหารมันจะกลายเป็นการทรมานเอาได้"

เด็กๆ พยักหน้าพร้อมกัน เพราะว่าในปากยังเคี้ยวอาหารอยู่ คนเป็นแม้ถึงเพิ่มข้าวให้เจ้าลูกชายและลูกสาวตามที่เธอประมาณเอาไว้ว่าปริมาณที่ให้ไป จะทำให้ทั้งสองคนอิ่มได้พอดี

กว่าจะทานอาหารเย็นเรียบร้อย ก็เกือบมืดพอดี ยังพอมีเวลาให้หยูเจี้ยนล้างจานและทำความสะอาดบ้าน ก่อนที่จะเข้านอน

แถบชายแดน

"เมื่อไหร่อิ้นหยวนจะรู้สึกตัวขึ้นมานะ"

สหายที่ร่วมรบเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล เมื่อไม่นานมานี้กองทัพส่งแรงงานทหารออกมาปราบปรามคนร้ายแถบชายแดน แน่นอนว่ามันก่อเกิดการต่อสู้กันขึ้น และอิ้นหยวนเป็นคนที่เข้ามาขวางกระสุนปืนแทนผู้บังคับบัญชา มันเป็นการกระทำที่กล้าหาญมาก แต่สหายสนิทกลับคิดว่านั่นเป็นการกระทำที่โง่เง่าที่สุด  อย่างไรแล้วสหายคนนี้ก็มีภรรยาและลูกอีกสองคนที่ต้องรับผิดชอบ

เมื่อไม่นานมานี้ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ลูกน้องส่งเงินไปให้ครอบครัวของนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บเหมือนทุกครั้งที่เขาส่งไปให้ อย่างไรแล้วเขาก็เป็นเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงครอบครัว และเพื่อปกป้องผู้บังคับบัญชา ลูกน้องถึงมานอนเป็นผักอยู่ในแคมป์รักษา อยู่อย่างนี้ 

สหายรักยืนมองสหายที่หลับสนิทอยู่ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว แม้วว่าจะได้รับการรักษาเป็นอย่างดีจากแพทย์สนาม แต่ทำไมผู้บังคับบัญชาถึงไม่เลือกที่จะส่งอิ้นหยวนไปที่โรงพยาบาลที่มีเครื่องมือสะดวกมากกว่านี้ กระสุนปืนเจาะหน้าอกขวาและทะลุแขนขวา หลังจากที่ฟื้นขึ้นมายังไม่แน่ใจเลยว่า เขาจะยังสามารถเป็นนายทหารได้อีกต่อไปหรือไม่

มันค่อนข้างที่จะเป็นฝันร้ายเมื่อคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา อย่าลืมว่าชีวิตครอบครัวของอิ้นหยวนจะอยู่อย่างไร เมื่อหัวหน้าครอบครัวกลายเป็นคนที่พิการ อวัยวะบางอย่างแน่นอนว่ามันเป็นไปได้น้อยที่จะกลับมาใช้งานได้อย่างปกติ

สหายของอิ้นหยวนเลือกที่จะถามผู้บังคับบัญชาออกไปตรงๆ ว่าทำไมถึงไม่ส่งอิ้นหยวนไปโรงพยาบาลที่ทันสมัย หลังจากที่ได้ฟังคำตอบมา เขารู้สึกโกรธมากขึ้น

เพียงเพราะว่าการเดินทางที่ใช้ระยะเวลานาน และถ้าใช้รถในการเดินทาง คนร้ายจะรู้ว่าแคมป์ของพวกเขาอยู่ที่ไหน และจะเกิดเรื่องราวที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าผู้บัญชาการเพิ่งจะเข้าตัวเมืองไปกับคนสนิทมาไม่ใช่หรือไง อย่างไรก็แล้วแต่เขาคิดว่าเหตุผลของผู้บัญชาการติดลบอย่างรุนแรง 

"ผมมีเหตุผล และอีกอย่างแพทย์สนามของเรามีฝีมือและเครื่องมือช่วยชีวิตที่ครบครัน คุณอย่ากังวลจนเกินไป"

ต้าหลางทำได้แค่สูดหายใจลึกๆ และถอยออกมาเท่านั้น เขาไม่อาจที่จะใจร้อนเกินไปได้ อย่างไรแล้วเขาเองก็เป็นเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงครอบครัวไม่ต่างจากสหาย หากอยากให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดี คือทำได้แค่อดทนเท่านั้นเอง

เขาถอยออกไป ก่อนที่จะเข้าไปดูสหายที่แคมป์การรักษาอีกครั้ง สหายยังคงหลับเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไม่รู้ว่าหลังจากที่อิ้นหยวนตื่นมา จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรครั้งยิ่งใหญ่หรือเปล่า

แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ทำได้มากสุดแค่การรอคอยเท่านั้น นอกเหนือกว่านั้นคงทำอะไรมากไม่ได้อยู่ดี ต้าหลางเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่ากังวลที่สุด เพราะสหายอย่างอิ้นหยวน คือสหายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี

สำหรับหยูเจี้ยนแล้วเธอไม่ได้รับรู้ถึงความประหลาดจากจดหมายที่สามีส่งมา เพราะร่างเดิมไม่เคยได้สนใจว่าแต่ละครั้งที่สามารถส่งมาจะมีข้อความอะไรหรือเปล่า หยูเจี้ยนคนเดิมสนใจแค่สิ่งที่เรียกว่าเงินเท่านั้น

เด็กหลับเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่คนเป็นแม่นอนไม่หลับเพราะต้องนั่งคิดถึงเรื่องในอนาคต สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคืออนาคตของเด็กๆ  เธอต้องการให้พวกเขาโตขึ้นไปมีอนาคตที่ดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องทำงานในทุ่งนาตากแดดจนตัวดำกร้านเหมือนกับชาวบ้านคนอื่นๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้ การศึกษาก็ยังไม่ได้พัฒนาขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ แต่เธอจำได้ว่าในอนาคต ระบบเรียนมหาวิทยาลัยจะถูกฟื้นฟูขึ้นมา ถึงตอนนั้นเด็กๆ ก็น่าจะมีความสามารถเข้าเรียนได้ ขอแค่พวกเขาตั้งใจเท่านั้น

ในยุคนี้งานที่มั่นคงมากที่สุดคงไม่พ้นงานของรัฐ หรือว่าเป็นงานของโรงงาน ซึ่งแน่นอนว่างานในโรงงานไม่ใช่ว่าเป็นใครก็เข้าไปได้ง่ายๆ อย่างแรกต้องเส้นสายถึง และมีเงินมากพอที่จะซื้อตำแหน่งเพื่อเข้าไปทำงาน การใช้ชีวิตในโลกนี้เหมือนว่ามันจะไม่ง่ายเลยจริงๆ

เธอดึงผ้าห่ม ปิดถึงลำคอให้เจ้าลูกชาย และหันไปมองลูกสาวที่ห่มผ้าเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะล้มตัวนอนลง อย่างไรแล้วพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นขึ้นมาเผชิญการใช้ชีวิตต่อ และก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเจอเรื่องราวปัญหาอะไรอีกบ้าง

เช้าตรู่พี่สะใภ้ใหญ่เดินมาพร้อมกับผักป่าสวยๆ นั่นมันเป็นของฝากสำหรับเด็กๆ เพราะเมื่อวานเธอเข้าไปเก็บผักป่าและได้มันมาค่อนข้างเยอะ หยูเจี้ยนก็เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อไม่นานเธอกับเด็กๆ เพิ่งจะแบ่งปันซาลาเปาไส้เนื้อให้ การแสดงน้ำใจกับพวกเขาด้วยของเล็กน้อยบ้างมันคงไม่เสียหาย

"พี่สะใภ้ใหญ่หอบอะไรมามากมาย เข้ามาก่อนสิคะ"

เมื่อเจ้าของบ้านเชื้อเชิญเข้าไปนั่ง นากจะปฏิเสธนั่นก็เป็นการที่เรียกว่าเสียมารยาทจนเกินไป เอ้อฉิงหิ้วตะกร้าผักเดินตามน้องสะใภ้เล็กเข้าไปด้านใน เธอจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่มาที่นี่ แน่นอนว่าทุกอบย่างไม่ได้เป็นแบบนี้ พื้นบ้านที่เคยเป็นพื้นดินในอดีตตอนนี้เป็นพื้นปูนอย่างดี นั่นรวมถึงในบ้านถูกจัดได้อย่างเป็นระเบียบและค่อนข้างลงตัว

กลิ่นสะอาดๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นอับชื้น มันทำให้แขกที่มานั่งในบ้านรู้สึกพอใจเล็กน้อย ในที่สุดหยูเจี้ยนคงคิดได้จริงๆ แล้วสินะ คนที่น่าชื่นชมที่สุดคือคนที่รู้ว่าตนเองทำไม่ดีและรู้จักแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel