คุณหมอชญาณี 1.2
“คนไข้เป็นอะไรมาเหรอคะ” หมอชญาณีถามคนไข้อย่างสุภาพ พลางสังเกตสีหน้าคนไข้ไปด้วยเพื่อประเมินอาการเบื้องต้น
“ผมไอมาหลายวันแล้วครับคุณหมอ น่าจะประมาณสองอาทิตย์ได้ ไอจนปวดท้องไปหมดแล้วครับ” ศักดาตอบตามอาการที่เป็นให้หมอได้รับรู้ด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก ระหว่างนั้นเขาก็ยังไอ
ไม่หยุด
“แล้วมีเสมหะหรือว่าอะไรผิดปกติออกมาด้วยไหมคะ”
หมอชญาณียังคงซักไซ้อาการต่อ เพื่อหาสาเหตุของอาการป่วยครั้งนี้
“มีเสมหะครับแต่ไม่มาก” ศักดาตอบอีกครั้ง พร้อมกับป้องปากไออีกสองสามครั้ง
จากนั้นหมอชญาณีก็ซักประวัติคนไข้ต่ออีกค่อนข้างยาว พร้อมกับสั่งเก็บตัวอย่างเสมหะของคนไข้เอาไปตรวจด้วย เมื่อตรวจเสร็จแล้วก็ปรากฏว่าคนไข้ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่
แพ้อากาศและเป็นไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น เลยสั่งจ่ายยาให้เขา จากนั้นก็เรียกคนไข้คนอื่นเข้ามารักษาเป็นคิวต่อไป
การทำงานดำเนินไปจนถึงเวลาที่คลินิกปิดทำการ หมอ
ทักษอรกับหมอวิลาสิณีหลังจากทำงานเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อน เหลือแค่หมอชญาณีที่ต้องอยู่ที่คลินิกต่อ เพื่อสะสางปัญหาที่เกิดขึ้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่น่าหนักใจของทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมากว่าเดือนหนึ่งแล้ว และพนักงานในคลินิกต่างก็พยายามแก้ไขเรื่องนี้แล้ว ทว่าไม่สามารถแก้ได้ จนในที่สุดก็ต้องบอกกับหมอชญาณีเจ้าของคลินิกแห่งนี้ไปตามตรง
ดังนั้นหลังเลิกงาน หญิงสาวจึงได้เรียกประชุมพนักงาน
ทุกคนเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน
“แล้วทำไมไม่บอกหมอตั้งแต่ตอนแรกที่เกิดปัญหา ปล่อยให้เรื่องมันยุ่งยากจนมาถึงตอนนี้ได้ยังไงกัน” หมอชญาณีถามด้วยความไม่เข้าใจผสมกับความโมโหเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอจะอารมณ์เสียมากเท่าไร แต่ก็จำเป็นต้องข่มกลั้นเอาไว้ เพราะเธอเองเป็นถึงผู้บริหาร จะปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือสติและเหตุผลไม่ได้
“พวกเราไม่อยากให้คุณหมอลำบากค่ะ แค่นี้งานของคุณหมอก็เยอะมากแล้ว พวกเราก็เลยคิดว่าจะแก้ปัญหากันเองก่อน”
พนักงานคนหนึ่งตอบขึ้นมา พร้อมกับก้มหน้าลงหลบสายตาที่มองมา เธอรู้ดีว่าหมอชญานีมีงานที่ต้องดูแลมากแค่ไหน เลยคิดว่าจะแก้ปัญหาเองก่อน แต่กลับทำไม่ได้ จึงต้องรายงานให้ทราบ
“อันนี้หมอก็เข้าใจเหตุผลที่พูดมานะ แต่เรื่องบางอย่างที่พวกคุณไม่สามารถแก้กันเองได้ก็ต้องรีบบอกหมอทันทีสิ จะทิ้งเวลาไว้ทำไม แล้วนี่มันผ่านไปกี่วันแล้ว รู้ไหมว่าข้อมูลของคนไข้สำคัญมากขนาดไหน ข้อมูลหายไปแบบนี้ก็เหมือนกับว่าเราต้องมาเริ่มต้นกันใหม่เลย แล้วอีกอย่าง ถ้ามีคนไข้ที่เขารักษาอย่างต่อเนื่องมาหาหมอตอนนี้ แล้วหมอไม่มีประวัติการรักษาเดิมของเขา เราจะทำอย่างไร” หมอชญาณีอธิบายเสียยาวเหยียด เล่นเอาพนักงานทั้งหลายหน้าเจื่อนกันหมด
“พวกเราขอโทษค่ะคุณหมอ” พนักงานพูดขึ้นมาเกือบจะพร้อมกัน
“แล้วรู้ไหมว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ข้อมูลของคนไข้ถึงได้หายไปหมดแบบนี้” หญิงสาวถามถึงต้นเหตุของเรื่องเพื่อหาทางแก้ไข
พนักงานคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาอย่างรู้สึกผิดแล้วตอบว่า “เป็นเพราะหนูเองค่ะ หนูกดปุ่มผิด พอเห็นอีกทีคอมพิวเตอร์ก็ลบข้อมูลทุกอย่างไปแล้ว หนูขอโทษค่ะ”
“เฮ้อ...” หมอชญาณีถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจ
“คุณหมอมีอะไรให้พวกเราช่วยก็บอกได้เลยนะคะ พวกเรายินดีจะช่วยอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการไถ่โทษค่ะ” พนักงานที่อาวุโสที่สุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง การที่ทำข้อมูลคนไข้หายเป็นเรื่องใหญ่มากและจะต้องรีบแก้ไข
“ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวเรื่องมันจะยุ่งกันไปใหญ่ พวกคุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หมอจะเรียกโปรแกรมเมอร์มาจัดการกับปัญหานี้เอง” หมอชญาณียกมือห้ามทุกคนและบอกให้แยกย้ายกันกลับบ้านได้ เพราะการแก้ปัญหาที่ดีคือการให้ผู้เชี่ยวชาญมาจัดการดีกว่า เผื่อจะยังกู้ข้อมูลกลับมาได้
“แต่คุณหมอคะ มันเป็นความผิดของพวกเรา ให้พวกเราช่วยเถอะนะคะ” พนักงานคนนั้นยังคงรู้สึกผิดและยังคิดอยากจะช่วยอยู่
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวคืนนี้หมอจะพยายามแก้ดูก่อน พวกคุณอยู่ต่อก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว” หญิงสาวพูดขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องทำงานของตัวเองไป
