บทที่11 หมูป่าสองตัว
ในขณะที่เสี่ยวจวงกินปลาย่างด้วยความสุขหญิงชราก็ถามขึ้นเสียงเบา
“ คนพวกนั้นจับปลามาได้เยอะไหม “
เสี่ยวจวง” ข้าได้ยินพี่สาวหลินพูดว่ายี่สิบกว่าตัวเจ้าค่ะ “
หญิงชราได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้น
“ เจ้าใหญ่ไปกลับข้าไปทวงปลากัน ”
บิดาของเสี่ยวจวง “ทวงกับใครขอรับ“
หญิงชรา “บ้านหลังใหญ่ติดภูเขาไงล่ะนางบอกให้เสี่ยวจวงพาไปที่ลำธารแล้วจะแบ่งปลาให้ จับมาได้ตั้งยี่สิบกว่าตัวแต่แบ่งมาให้แค่เจ็ดตัวนี่นะ ข้าจะไปทวงเอาปลาที่เราสมควรจะได้”
หญิงชราพูดขึ้นด้วยความโลภ
บิดาของเสี่ยวจวงเป็นคนกตัญญูมารดาบอกให้ไปซ้ายเขาก็ไม่มีทางไปขวาเด็ดขาดเมื่อมารดาสั่ง เขาจึงลุกขึ้นเดินตามมารดาในทันที
แต่ก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินพ้นประตูบ้านท่านอาของเสี่ยวจวงก็ส่งเสียงเย็นชาขึ้นมาเสียก่อน
“กลับเข้ามา“
หญิงชราเกรงกลัวบุตรชายคนรองที่สุดเนื่องจากถ้าทำให้บุตรชายคนรองโกธรขึ้นมาเขาอาจจะจุดไฟเผาบ้านฆ่าคนทั้งบ้านรึทุบตีคนเพื่อระบายความโกธร ซึ่งคนที่จะโดนทุบตีก็คือบุตรชายคนโตนั่นเอง
หญิงชราจึงเดินนำบุตรชายคนโตกลับมาที่โต๊ะอาหารเมื่อหญิงชราไม่ไปแล้วบุตรชายคนโตผู้ซึ่งไม่เคยขัดใจมารดาก็เดินมานั่งใกล้ๆกัน
เอ้อหลาง ”แม่นางหลินมีความสามารถล่าเสือได้แค่ลำธารบนเขานางจะหาไม่เจอได้ยังไง การที่นางพูดแบบนั้นกับเสี่ยวจวงเป็นเพราะว่านางต้องการมอบปลาให้เสี่ยวจวง ท่านแม่ข้าขอสั่งห้ามท่านไว้เลยนะอย่าไปสร้างปัญหาให้แม่นางหลินเด็ดขาด”
หญิงชราไม่ตอบ บุตรชายคนรองจึงพูดขึ้น
”ออกเรือนต้องเชื่อฟังสามีสามีตายแล้วให้เชื่อฟังบุตรชายท่านแม่ท่านว่าอย่างไร ”
หญิงชราไม่กล้าขัดใจบุตรชายคนรองจึงตอบเสียงเบา
“ ข้าเข้าใจแล้ว ”
เสี่ยวจวงวัยห้าขวบมองท่านอาวัยยี่สิบปีของนางด้วยความชื่นชมและเมื่อหันไปมองบิดาของตนเองแล้ว
เสี่ยวจวงก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้บิดาของนางอะไรก็ดีเสียอย่างเดียวเชื่อฟังท่านย่าที่สุด
เสี่ยวจวงมองมารดาที่ไม่เคยมีปากมีเสียงกับแม่สามีแล้วก็ได้แต่นึกในใจ โชคดีที่บ้านนี้ยังมีท่านอาที่พึ่งพาได้ไม่เช่นนั้นท่านย่าต้องสร้างปัญหาให้ตระกูลหูอย่างแน่นอน
“เฮ้อ! ”เด็กหญิงวัยห้าขวบถอนหายใจราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย
รุ่งเช้าปลายยามเฉินจ้าวหลงมาตามเวลาที่นัดไว้จางซูเม่ยนำห่ออาหารที่บรรจุหมั่นโถวสิบกว่าลูกที่นางสั่งให้ป้าหวังทำไว้ให้ และถุงใส่น้ำที่ทำจะหนังแพะยื่นให้หลินฮวา
หลินฮวารับมาแล้วใส่ไว้ในตระกร้าสะพายหลังของสืออี
หลินฮวา “ อาเม่ยข้าอาจจะกลับช้าหน่อยไม่ต้องรอกินข้าว ”
จางซูเม่ยพยักหน้า หลินฮวาจึงหันไปสั่งงานสาวใช้
“ พวกเจ้าดูแลนายหญิงใหญ่ให้ดีต้ายา,ป้าหวังว่างๆก็ไปทำความรู้จักกับคนในหมู่บ้านเพื่อจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์“
ป้าหวัง,ต้ายา “เจ้าค่ะนายหญิง”
ในระหว่างทางที่เดินขึ้นเขามีชาวบ้านหลายคนที่ขึ้นมาหาของป่าและผักป่าบนภูเขา เอ่ยทักทายจ้าวหลง และมองหลินฮวาด้วยความสงสัยถึงข่าวลือที่ได้ยินมาว่านางล่าเสือได้
เพราะสตรีตรงหน้าดูบอบบางไม่มีแรงแม้จะฆ่าไก่นางจะฆ่าเสือได้จริงๆน่ะหรือ
หลินฮวาไม่รู้ความคิดของพวกชาวบ้านเมื่อมีคนมองมานางจึงส่งยิ้มให้เป็นการทักทาย
เดินมาได้ประมาณหนึ่งชั่วยามหลินฮวาสังเกตุเห็นรอยเท้าและมูลของหมูป่า
หลินฮวา“ พี่ใหญ่จ้าวตรงนี้แหละเรามาช่วยกันขุดหลุมดักสัตว์กันเถิด ”
หลินฮวา,จ้าวหลง,สืออี,สืออู่ ช่วยกันขุดหลุมลึกแล้วนำกิ่งไม้และใบไม้มาบังปากหลุมไว้ จากนั้นจึงพากันไปที่ลำธารล้างมือและนั่งพักกินอาหารกลางวัน
หลินฮวาแบ่งหมั่นโถวคนละสามลูกให้ทุกคน จ้าวหลงที่พอจะรู้จักนิสัยของหลินฮวาบ้างแล้วจึงไม่ปฏิเสธ ระหว่างนั้นหลินฮวาก็ถามขึ้น
หลินฮวา“ พี่ใหญ่จ้าวครอบครัวเสี่ยวจวงเป็นอย่างไรท่านสนิทกับพวกเขาไหม ”
จ้าวหลงกลืนหมั่นโถวที่กำลังเคี้ยวอยู่ลงคอแล้วจึงตอบว่า
” ครอบครัวเสี่ยวจวงเป็นคนต่างถิ่นย้ายมาอยู่หมู่บ้านหยู่เปิงเมื่อเจ็ดปีก่อน เดิมทีมีที่นาอยู่สิบหมู่หลังเก็บเกี่ยวจ่ายภาษีแล้วยังเหลือข้าวไว้กินจึงไม่ลำบากมากนัก แต่เมื่อสองปีก่อนหัวหน้าครอบครัวป่วยหนัก ”
“ ย่าของเสี่ยวจวงจึงขายที่นาทั้งหมดนำเงินมารักษาปู่ของเสี่ยวจวงแต่ก็ยื้อชีวิตไว้ไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีที่นาทำกินต้องเช่าที่นาหลังหักค่าเช่าและจ่ายภาษีก็เหลือไม่เท่าไหร่บ้านหูมีสมาชิกหกคนจะไปพอกินได้อย่างไร “
หลินฮวาฟังแล้วนิ่งไปสักครู่แล้วจึงถามขึ้น
“ ที่นาในหมูบ้านหยู่เปิงขายหมู่ละเท่าไหร่หรือเจ้าค่ะ ”
จ้าวหลง “ ที่นาดีหมู่ละหกตำลึงเงินเจ้าจะซื้อที่นาใช่รึไม่ ”
หลินฮวายังไม่ตอบคำถามของจ้าวหลงแต่มองสืออี,สืออู่แล้วถามว่า
“ปลูกข้าวเป็นไหม“
สืออีสืออู่ตอบพร้อมกัน “ เป็นขอรับ ”
หลินฮวาพยักหน้าแล้วตอบคำถามที่ค้างไว้ของจ้าวหลง
“เจ้าค่ะข้าจะซื้อที่นาปลูกข้าวกินเองจะได้ไม่ต้องซื้อ แต่บ้านข้ามีบรุษอยู่แค่สองคนข้าเองก็เป็นหญิงสาวบอบบางไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ คงต้องให้คนเช่ารึไม่ก็จ้างคนมาช่วยทำนาเจ้าค่ะ ”
จ้าวหลงพยักหน้าเข้าใจเอ่ยว่าเขาก็จะช่วยหลินฮวาทำนาด้วย เพราะบ้านเขามีที่นาแค่สองหมู่ทำไม่นานเดียวก็เสร็จ
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามหลินฮวาจึงชวนทุกคนไปดูที่หลุมดักสัตว์
เมื่อเข้าไปใกล้ๆจึงเห็นหมูป่าสองตัวหนักประมาณตัวละสองร้อยจิน พวกมันกำลังพยายามปีนขึ้นปากหลุมแต่เพราะหลุมที่ขุดลึกมันจึงปีนขึ้นมาไม่ได้
หลินฮวาไม่รอช้านำธนูเล็งไปที่ลำคอของมันแล้วยิงทันที ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก หมูป่าทั้งสองแน่นิ่งไปหลินฮวากระโดดลงไปในหลุมดักสัตว์
นางเห็นหมูป่าทั้งสองตัวยังมีลมหายใจนางจึงนำกริชเชือดคอหมูป่าทั้งสองตัวจนตายสนิท จ้าวหลงอ้าปากค้างมองสตรีที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ สืออี,สืออู่มองนายหญิงของพวกเขาด้วยความชื่นชม
หลินฮวาซึ่งคิดว่าตนเองเป็นไอดอลของสองแฝดยกยิ้มมุมปากแล้วอุ้มหมูตัวใหญ่โยนขึ้นมาด้านบนท่ามกลางความตกตะลึงของจ้าวหลง
สืออี,สืออู่ ยืดอกขึ้นด้วยความภูมิใจกับความเก่งกาจของนายหญิง
