บทที่ 2 ภารกิจสุดท้าย
บทที่ 2 ภารกิจสุดท้าย
หว่านอันถิงใช้เวลาเตรียมตัวและปรับบุคลิกใหม่ราว ๆ สามวัน เนื่องจากเธอนั้นต้องปลอมเข้าไปเป็นพนักงานเดินเอกสารในบริษัทของมาเฟียหนุ่ม จะได้มีโอกาสเข้านอกออกในหลาย ๆ ห้อง
ในวันนี้หญิงสาวเดินทางมาที่บริษัทแต่เช้า เพราะเธอมีบัตรที่แสดงว่าเธอเป็นคนของที่นี่ ทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ได้สนใจเธอเท่าไรนัก พอมองไปรอบ ๆ เห็นแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอย่างตั้งใจ ก็รีบขึ้นลิฟต์ตรงไปยังชั้นบนทันที
แต่ก่อนที่จะขึ้นไปยังห้องทำงานของมาเฟียหนุ่ม เธอไม่ลืมที่จะแวะไปยังห้องควบคุมระบบต่าง ๆ โชคดีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังดื่มกาแฟ และไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาด้านหลังเขา
หว่านอันถิงใช้จังหวะที่อีกฝ่ายเผลอ สับฝ่ามือลงบนหลังคอจนเขาสลบไป หลังจากนั้นเธอได้หาเชือกมามัดข้อมือเขาไพล่หลัง และไม่ลืมที่จะนำสก๊อตเทปปิดปากชายหนุ่มไว้เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายส่งเสียงดังขณะที่เธอกำลังล้วงข้อมูล
หญิงสาวไล่ปิดระบบกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างชำนาญ ก่อนที่เธอนั้นจะรีบขึ้นไปยังห้องทำงานของมาเฟียหนุ่ม
ชั้นบนค่อนข้างเงียบสงบ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแม่บ้านทำงานอยู่ประปราย เมื่อมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่ามีกองเอกสารวางตั้งอยู่ หว่านอันถิงไม่รอช้ารีบยกแฟ้มขึ้นมาถือ ก่อนที่เธอจะเดินตรงไปยังห้องทำงานใหญ่ที่เขียนป้ายไว้ว่าห้องท่านประธาน
“ป้าหวัง รบกวนเปิดประตูให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันต้องรีบนำเอกสารที่หนักอึ้งนี้ไปวางให้เจ้านายค่ะ”
หญิงสาวเหลือบมองป้ายชื่อของแม่บ้านคนหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นพลางนิ่วหน้าเล็กน้อย แสร้งทำราวกับว่าเอกสารที่ถืออยู่นั้นหนักมากจนเธอรู้สึกไม่สบายตัว ป้าแม่บ้านที่เห็นว่าหว่านอันถิงเป็นพนักงานเดินเอกสารจึงไม่ได้คิดอะไร รีบไขกุญแจเปิดห้องให้อีกฝ่ายเข้าไปด้านในทันที
“ได้ ๆ รีบเข้าไปเถอะ ดูสิคงหนักแย่” ป้าหวังบอกอย่างใจดี
“ขอบคุณค่ะป้า เดี๋ยวฉันขอจัดเอกสารสักครู่แล้วจะออกไปนะคะ” หว่านอันถิงหันไปยิ้มและขอบคุณ
เมื่อเข้ามาได้แล้วหญิงสาวก็ไม่รอช้า เธอรีบล็อกประตูจากด้านใน ก่อนจะมองสำรวจรอบ ๆ ห้องอย่างระมัดระวัง เธอมองไปยังผนังที่ติดวอลล์เปเปอร์ลายตา ก่อนจะค่อย ๆ คลานเข้าไปและเลื่อนปิดม่านให้ห้องมืดทึบมากที่สุด
แต่จังหวะที่หันกลับมาดวงตาของตำรวจสาวเบิกกว้าง ก่อนจะพูดออกมา
“ซวยแล้ว!!”
หญิงสาวพึมพำเมื่อเห็นแสงสีแดงที่ทะลุออกมาจากผนัง นอกจากกล้องวงจรปิดในห้องนี้ที่เธอปิดระบบหมดแล้ว ยังมีกล้องตัวเล็กซ่อนอยู่ หว่านอันถิงรู้ว่าเธอมีเวลาไม่นานนักที่จะหาหลักฐาน จึงไม่รอช้ารีบเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทันที
มีโฟลเดอร์งานมากมายในเครื่อง แต่มีเพียงโฟลเดอร์เดียวที่ต้องใช้รหัสผ่าน หญิงสาวพยายามใช้ความคิดว่าเขาใช้รหัสอะไร ก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ว่ามาเฟียหนุ่มเป็นคนขี้ลืม และแน่นอนว่าเขาจะไม่ตั้งรหัสผ่านที่ซับซ้อน แต่ต้องเป็นรหัสที่ตัวเขาสามารถจำได้แม่นยำ
“รหัสแค่หกตัว คนขี้ลืมแบบนั้นคงจะไม่ลืมวันเกิดตัวเอง”
หญิงสาวพึมพำเบา ๆ เธอไม่รอช้ารีบกรอกรหัสโดยอิงกับวันเดือนปีเกิดของมาเฟียหนุ่มทันที แต่กลับพบความผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะตอนนี้เสียงสัญญาณเตือนฉุกเฉินดังไปทั่วทั้งตึก
“ใจเย็นอันถิง ใจเย็น ๆ” หว่านอันถิงบอกกับตัวเองก่อนจะรีบระดมสมองอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะสลับรหัสใหม่
โชคดีที่มาเฟียหนุ่มสลับปีเกิดไปไว้ด้านหน้าต่อท้ายด้วยเดือนและวันเกิด ทำให้หญิงสาวสามารถเข้ารหัสได้ทันที เธอไม่รอช้ารีบอัปโหลดไฟล์เพื่อส่งเข้าอีเมล แต่เพราะเป็นไฟล์ขนาดใหญ่ทำให้ต้องใช้เวลาส่งนาน และด้วยความรอบคอบ หว่านอันถิงตัดสินใจซ่อนการอัปโหลดไว้ เพราะเธอนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าคนมากมายกำลังเดินตรงมาที่นี่
หญิงสาวมองซ้ายมองขวาแล้วก็กังวลใจเพราะที่นี่ไม่มีทางหนีได้เลย เธอเหลือบมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ภารกิจของเธอถือว่าสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ไม่คิดเสียดายชีวิต แต่อย่างไรงานนี้จะต้องสำเร็จ!!
ประตูถูกผลักเข้ามาในขณะที่หญิงสาวรีบหลบซ่อนตัว เธอกระชับปืนในมือแน่น เมื่อม่านถูกเปิดออกเธอก็ไม่รอช้า รีบเปิดฉากลั่นไกใส่ลูกน้องของมาเฟียหนุ่มทันที
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ไม่เพียงแต่ร่างชายฉกรรจ์มากมายที่ล้มตายเกลื่อนดั่งใบไม้ร่วงเพราะฝีมือของเธอ แต่หญิงสาวเองก็ถูกยิงเข้าจุดสำคัญเช่นกัน มาเฟียหนุ่มจ้องหว่านอันถิงเขม็งด้วยสายตาดุดัน และภาพสุดท้ายที่เธอเห็นก็คือ เขากำลังหัวเสียอย่างหนักเมื่อรู้ว่าไฟล์ลับถูกส่งถึงสำนักงานตำรวจเรียบร้อยแล้ว
“โธ่เว้ย!” มาเฟียหนุ่มสบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
สิ้นเสียงนั้นสติสัมปชัญญะของหญิงสาวก็ดับสิ้นลง พร้อมกับลมหายใจสุดท้ายและวิญญาณที่หลุดลอยไป
หมู่บ้านอี้จิน
แม้ปลาตัวใหญ่จะพยายามสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อดิ้นหนีจากอุ้งมือของหญิงสาว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ขาดใจตายเสียก่อน ถังลู่เหมยใช้สายตาใสซื่อพิจารณาปลาในมือ เมื่อเห็นว่าเจ้าปลาตัวเขื่องแน่นิ่งไปแล้ว เธอจึงได้โยนมันขึ้นไปบนบก ก่อนตะเกียกตะกายปีนตามขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรอยู่น่ะ อาเหมย”
พี่ชายอย่างถังอี้คุณที่เห็นว่าน้องสาวอย่างถังลู่เหมยกำลังตะเกียกตะกายขึ้นมาจากน้ำก็รีบเข้าไปช่วยดึง เธอทำหน้าเหลอหลาก่อนจะชี้ไปยังปลาตัวใหญ่ที่นอนแน่นิ่งอยู่
หญิงสาวถูกผู้เป็นย่าใช้ให้มาจับปลาโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะว่ายน้ำเป็นหรือไม่ นางสนแค่ว่าถังลู่เหมยจะต้องทำให้ได้ทุกอย่างที่ต้องการ
“หะ หาปลา”
ถังลู่เหมยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หาใช่เพราะความประหม่า แต่เธอนั้นพูดจาติดอ่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถังลู่เหมยรีบยกปลาใส่ถังไม้ก่อนที่เธอจะหิ้วกลับไปบ้าน
ระหว่างทางผู้คนต่างก็หัวเราะเยาะ หากไร้ซึ่งพี่ชายเดินตามหลังแล้วเธอก็คงจะถูกกลั่นแกล้งรังแกเช่นเดิม แม้จะถูกผู้คนเหล่านั้นทุบตีบ้าง ขว้างปาหินใส่บ้าง แต่หญิงสาวก็ยังส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เธอใสซื่อเกินกว่าที่จะรู้ได้ว่าการกระทำเหล่านั้นเป็นการประทุษร้าย
แม้บางครั้งจะเจ็บจนทนไม่ไหว แต่เพราะเธอเข้าใจว่าคนเหล่านั้นต้องการเล่นด้วย จึงไม่เคยถือโทษโกรธเคืองเลยสักครั้ง
โดยไม่รู้เลยว่าผู้คนในหมู่บ้านต่างก็รังเกียจเธอ เห็นหญิงสาวเดินตาลอยน้ำลายยืด ก็ต่างรีบตีตัวออกห่าง บางครั้งถึงขั้นใช้ไม้ไล่ตีเธอราวกับหมูกับหมา
“จะไปไหน”
ถังอี้คุณเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าน้องสาวนั้นกำลังเดินออกนอกเส้นทาง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นก่อนที่เธอนั้นจะชี้ไปยังต้นท้อด้านหน้า
“ท้อ อยากกิน”
ถังลู่เหมยพยายามสื่อสารให้ผู้เป็นพี่เข้าใจ พี่ชายที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้ทันที หากเขาไม่ปีนขึ้นไปเก็บผลท้อให้ เธอจะต้องหาวิธีปีนขึ้นไปด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
“รอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวพี่จะไปเก็บให้”
ชายหนุ่มพูดจบก็วางกองฟืนที่หอบไว้ลงบนพื้น ก่อนที่เขานั้นจะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ จับยึดกิ่งไม้ไว้และโน้มไปด้านหน้าเพื่อเอื้อมมือเด็ดผลสีชมพูส้มพลางโยนให้น้องสาวรับ
ถังลู่เหมยดีใจกระโดดโลดเต้นอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะกัดผลท้อคำใหญ่ ถังอี้คุณที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะด้วยความเอ็นดูในความไร้เดียงสาของน้องสาว จนอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้
“รสชาติดีใช่หรือไม่”
หญิงสาวพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มสดใสให้พี่ชาย แม้เนื้อตัวจะเปียกปอนจนรู้สึกหนาวเหน็บ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอารมณ์ดีเมื่อได้ลิ้มรสชาติหวานฉ่ำของผลไม้โปรด
เมื่อกินจนพอใจแล้ว ถังลู่เหมยก็ยกถังใส่ปลาก่อนที่เธอนั้นจะเดินย้อนกลับไปอีกทาง
“รอฉันด้วยอาเหมย” ถังอี้คุณที่กระโดดลงมาจากต้นไม้ก็หอบฟื้นขึ้นและเดินตามน้องสาวไป
แม้สติจะไม่สมประกอบ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จดจำเส้นทางได้แม่นยำ พี่ชายเดินตามน้องสาวห่าง ๆ เห็นว่าเธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยก็เบาใจลง จากนั้นได้เดินเลี่ยงไปอีกทาง ชายหนุ่มมีงานมากมายที่ยังต้องทำ และอันดับแรกเขาต้องนำฟืนไปเก็บก่อน
