
ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s
บทย่อ
ตำรวจสาวมือดีกลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงสาวสติไม่ดีของบ้านถัง แค่นี้ก็ว่าแย่แล้ว แถมบ้านของเธอยังถูกใช้งานเยี่ยงทาสอีก เอาว่ะ เธอจะใช้ความบ้านี่แหละทำให้ครอบครัวมีกินมีใช้เอง!! แนะนำเรื่อง หว่านอันถิง หญิงสาวจากยุคปัจจุบัน มีอาชีพเป็นตำรวจหน่วยสืบสวน ในขณะที่กำลังปฏิบัติภารกิจกูพลาดพลั้งถูกฆ่าตาย ทำให้วิญญาณลอยหลุดออกจากร่าง ทะลุมิติไปอยู่ในร่างหญิงบ้าในยุค 70 ถังลู่เหมย บุตรสาวคนที่สองจากบ้านรองถัง ที่เกิดมามีจิตที่ไม่ปกติ แล้วจู่ ๆ ก็ล้มป่วย ย่าถังไม่ยอมให้บุตรชายนำเงินไปรักษาตังไร้ประโยชน์นี่ ทำให้เธอตายไปโดยที่คนในบ้านไม่รับรู้ นี่จึงทำให้หว่านอันถิงได้มาเข้าร่างแทน และความทรงจำทั้งหลายของร่างนี้ หลังจากทำใจได้แล้ว และยอมรับว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ในร่างของถังลู่เหมย เธอก็ยังทำตัวบ้าบอเช่นเดิม หากแต่เวลามีใครมารังแก ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด หาทางเอาคืนคนพวกนั้นได้ทุกครั้งไป วันหนึ่ง พี่สาวจากบ้านสายหลักมาหาเรื่องกลั่นแกล้งเธอ แต่พี่ชายใหญ่จากบ้านหลักก็มาช่วยไว้ ถังลู่เหมยมองว่าเขาคือคนดีคนเดียวที่อยู่ในบ้านสายหลักเลยก็ว่าได้ เมื่อมาอยู่ที่นี่ได้เพียง 3 เดือน ก็มีเรื่องราวแปลก ๆ เกิดขึ้น นั่นคือมีฆาตรกรต่อเนื่องเกิดขึ้นเพราะมีคนพบศพหญิงสาวในหมู่บ้านข้างเคียงติดต่อกันถึง 3 ศพ และลักษณะการฆ่าก็เป็นเหมือนกัน เจ้าหน้าที่จึงสรุปได้ว่าฆาตรกรคือคนเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไร ก็ไม่สามารถสืบหาฆาตรกรได้ ถังลู่เหมยอยากรู้อยากเห็น จึงแอบออกมาจากบ้านเพื่อไปดู แต่ในขณะที่กำลังผ่านแม่น้ำในหมู่บ้าน ก็มีคนมากลั่นแกล้ง จนเธอตกลงไปในน้ำ หยางตงที่กำลังจะกลับมาทำงานที่คอมมูนต่อมาพบเข้า จึงลงไปช่วยแต่ขณะนั้นก็มีชาวบ้านที่กำลังจะไปดูสถานที่เกิดเหตุมาพบเข้า ทำให้หยางตงถูกบีบให้รับผิดชอบถังลู่เหมย โดยคนที่บีบคือย่าถังนั่นเองที่อยากจะผลักภาระอย่างลู่เหมยไปให้หยางตง และก็อยากจะได้หลานเขยที่แข็งแรงมาช่วยงานด้วย หยางตงไม่มีทางเลือก จึงต้องแต่งงานกับถังลู่เหมย ซึ่งเธอเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเหมือนกัน!! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร มาเอาใจช่วยถังลู่เหมยกันนะคะ
บทที่ 1 หว่านอันถิง
บทที่ 1 หว่านอันถิง
หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในตึกขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ในขณะที่กำลังเปิดประตูเพื่อเข้ามาในร้านกาแฟ ก็รู้สึกได้ถึงลมหอบใหญ่ที่พัดผ่านร่างไป เธอหันมองรอบกายและรู้สึกประหลาดใจที่จู่ ๆ ก็รู้สึกคล้ายกับว่ามีลมพัดเข้ามาทั้งที่ตอนนี้เธออยู่ในตัวอาคารที่ล้อมรอบไปด้วยกระจกหนา แต่ก็ไม่คิดอะไรเพราะมีเสียงทักทายเสียขึ้นมาเสียก่อน
“คุณอันถิง สวัสดีค่ะ วันนี้รับอะไรดีคะ”
พนักงานสาวประจำร้านเอ่ยทักทายขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสดใส ในขณะที่กำลังปั๊มฟองนมอย่างขะมักเขม้น
ตำรวจสาวยิ้มหวาน ก่อนจะเงยหน้ามองเมนูและสั่งอเมริกาโน่เหมือนทุกวัน แต่วันนี้แปลกหน่อยก็ตรงที่เธอสั่งแบบใส่น้ำเชื่อม ทั้งที่ปกติแล้วเธอมักจะชื่นชอบรสขมของกาแฟมากกว่า
“วันนี้ฉันขอเป็นอเมริกาโน่เหมือนเดิมนะ แต่ขอเพิ่มเป็นน้ำเชื่อมหนึ่งปั๊ม”
“รับทราบค่ะ” พนักงานสาวตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอนั้นจะรับเงินและยื่นใบเสร็จให้กับตำรวจสาว “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะนำไปเสิร์ฟให้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หว่านอันถิงพูดจบก็เดินไปนั่งที่โต๊ะริมกระจกก่อนที่เธอนั้นจะเงยหน้ามองโทรทัศน์ที่กำลังเสนอข่าวเกี่ยวกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งถูกตำรวจกวาดล้าง เนื่องจากได้รับเบาะแสจากชาวบ้านใกล้เคียงว่า กลุ่มพี่เลี้ยงได้ใช้เด็กกำพร้าบังหน้าเพื่อเปิดรับเงินบริจาคจากคนที่ใจบุญ แต่ลับหลังกลับลงมือทำร้ายเด็กเหล่านั้นและปล่อยให้หิวโซ มีเด็กหลายคนร่างกายซูบผอมและบางคนถึงกับล้มป่วย ทั้งยังถูกซ่อนไว้ในห้องใต้ดินอับชื้น
ทันทีที่เห็นข่าวแล้วก็อดนึกถึงชีวิตของตัวเองไม่ได้ เธอก็เกิดและเติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเช่นกัน ก่อนหน้านี้แม่ของเธอก็เป็นพี่เลี้ยงอยู่ที่นั่น แต่หลังจากคลอดเธอได้ไม่นาน แม่ของเธอก็หนีหายไป จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้เหตุผลว่า ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้ตัดสินใจทอดทิ้งเธอไป
หลังจากที่เรียนจบชั้นประถม เธอก็ตัดสินใจสมัครสอบชิงทุนทั้งของรัฐบาลและเอกชน ซึ่งก็ไม่ทำให้ตัวเองผิดหวัง เธอได้รับทุนการศึกษาจากหลายทาง ทำให้ตัดสินใจออกจากบ้านเด็กกำพร้าและมาเช่าหอพักอยู่เพียงลำพัง นอกเหนือจากเงินทุนที่ได้รับจากผู้ใหญ่ใจดี เธอก็ยังขวนขวายหางานพิเศษทำ ยอมแม้กระทั่งทำการบ้านให้เพื่อน ๆ เพื่อแลกเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ
ทั้งที่หว่านอันถิงเป็นตำรวจ แต่โดยปกติแล้วหญิงสาวก็ไม่ค่อยได้เข้าสำนักงานบ่อยนัก เนื่องจากเธอเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวนที่ถูกบีบคั้นจากเพื่อนร่วมงาน ให้ออกไปหาหลักฐานข้างนอก ในสังคมที่ผู้คนต่างเห็นแก่ตัว แม้เธอจะเป็นผู้หญิงแต่คนเหล่านั้นก็ไม่เคยปรานี รู้ทั้งรู้ว่าการออกไปสืบข่าวจะต้องพบเจออันตรายมากแค่ไหน แต่พวกเขาที่เป็นผู้ชายก็ไม่ยินดีที่จะเสียสละตัวเอง กลับให้ผู้หญิงอย่างเธอออกหน้าแทน
หลังจากดื่มกาแฟเสร็จแล้ว หญิงสาวก็ขึ้นมาด้านบนเพื่อพบกับหัวหน้างาน ความจริงแล้วเวลานี้เธอมีภารกิจที่ยังคงทำค้างเอาไว้ แต่จู่ ๆ หัวหน้าก็เรียกให้มาหาอย่างกะทันหัน หว่านอันถิงไม่มีทางเลือกจึงต้องทำตามคำสั่ง โชคดีที่เธอนั้นมีผู้ช่วยหนึ่งคน ทำให้งานยังคงดำเนินต่อไปได้โดยไม่หยุดชะงัก
“มาก็ดีแล้ว ฉันมีงานสำคัญจะให้เธอทำ”
ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ก่อนที่เขาจะโยนกระดาษปึกใหญ่มาตรงหน้าหญิงสาวอย่างไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไง
หว่านอันถิงที่ชินแล้วกับพฤติกรรมแบบนี้ของเขาจึงไม่ได้ถือสาอะไร มือก็เอื้อมมาหยิบกระดาษปึกนั้นขึ้นมาคลี่ดูทีละแผ่น ก่อนที่เธอจะไหวไหล่และเอ่ยถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ฉันไม่ได้อยากรู้ประวัติของคนพวกนี้ เข้าเรื่องเลยดีกว่าว่าจะให้ฉันทำอะไร”
เดิมทีหญิงสาวไม่ค่อยสนใจไยดีใครอยู่แล้วถ้าไม่เกี่ยวกับงาน ประวัติละเอียดที่อีกฝ่ายส่งให้อ่าน เธอเองก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะไล่สายตาดู เพราะคิดว่ามันไม่ได้เป็นประโยชน์ขนาดนั้น มีใครบ้างที่ไม่รู้จักชายหนุ่มในรูป เพียงแต่คนทั่วไปและตำรวจนั้น รู้จักประวัติของเขาในรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน
“เธอไม่ควรประมาท เขาไม่ใช่คนที่เธอจะล้วงคอได้ง่าย ๆ” หัวหน้างานพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
หญิงสาวถอนหายใจ ไม่ว่าเธอจะพยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานมากแค่ไหน หัวหน้าก็ไม่เคยเชื่อมือเธอสักครั้ง หว่านอันถิงกระแทกตัวนั่งลงที่เก้าอี้ ตอนที่เธอนั้นจะหรี่ตามองโปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายให้เห็นถึงประวัติของมาเฟียหนุ่ม
“หัวหน้ากำลังพูดให้ฉันกลัวอยู่นะ คุณควรจะมีศิลปะในการพูดมากกว่านี้ อย่างน้อยก็ช่วยชื่นชมให้ฉันรู้สึกฮึกเหิมบ้าง หรือไม่ก็ด่าเจ้าหมอนั่นว่ากระจอกให้ฉันฟังก็ยังดี” หญิงสาวพูดขึ้นมาด้วยท่าทางเบื่อหน่าย โดยไม่มีวี่แววของความกลัวอย่างที่เธอบอก
ชายวัยกลางคนส่ายหน้า สาเหตุที่เขานั้นไล่หว่านอันถิงไปให้พ้นจากสำนักงาน ก็เพราะรำคาญที่อีกฝ่ายชอบพูดยอกย้อนและกวนประสาทเขาแบบนี้ยังไงล่ะ แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจท่าทางนั้นเลย เธอกลับใช้นิ้วเขี่ยกระดาษเปิดออกด้วยท่าทางเนิบนาบราวกับคนเกียจคร้าน
“กระตือรือร้นหน่อยได้ไหมอันถิง นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ”
หัวหน้างานของเธอพูดขึ้นอีกครั้ง เขาไม่อยากให้หญิงสาวประมาท เพราะรู้ว่ามาเฟียหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา หากเขาไม่เฉลียวฉลาดมากพอ คงไม่ยืนหยัดอยู่ในวงการสีเทามาได้นานหลายปีขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ตำรวจที่จัดการทำอะไรเขาไม่ได้ แม้แต่ศัตรูของเขาเอง ก็ยังหาช่องว่างเพื่อโจมตีอีกฝ่ายไม่ได้เช่นกัน
“ถึงฉันจะเป็นแบบนี้แต่ฉันก็ไม่เคยทำงานพลาดสักครั้ง หรือไม่จริงล่ะคะ”
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับย้อนถามกลับมา ซึ่งนั่นทำให้อีกฝ่ายถึงกับชะงักเพราะเถียงไม่ออก นั่นก็เพราะว่าหว่านอันถิงเป็นตำรวจที่มีความสามารถ หูตาว่องไว ทั้งทำตัวลื่นไหลและกลมกลืนกับผู้คนได้เป็นอย่างดี เธอจึงมักจะสืบสวนหาหลักฐานและความจริงได้ง่ายกว่าคนอื่น
นี่เป็นเหตุผลที่เขาไว้วางใจให้เธอช่วยทำงานสำคัญให้อยู่บ่อย ๆ
แต่ติดตรงที่หญิงสาวนั้นมักจะล้อเล่นกับทุกเรื่อง ทำให้เขาไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอเท่าไรนัก
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันจะส่งฝ่ายสืบสวนคนใหม่ไปสานต่องานเก่าของเธอเอง ส่วนเธอก็รีบเข้าไปหาหลักฐานที่บริษัทนั้น ฉันเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้แล้ว นี่คือตัวตนของเธอ” หัวหน้าพูดขึ้นมาพร้อมกับส่งเอกสารชุดใหม่ให้หญิงสาว
หว่านอันถิงรับบัตรส่วนตัวที่มีข้อมูลสำคัญที่ระบุตัวตน รวมทั้งบัตรพนักงานบริษัทของตัวเองมา เธอพลิกไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่ชอบใจเท่าไรนัก
“น่าจะปรึกษาฉันก่อนนะ ฉันไม่ชอบรูปนี้เลย มันไม่สวย”
“เลิกไร้สาระสักที ฟังฉันนะ งานนี้มันไม่ง่ายเหมือนงานที่ผ่านมา เธอห้ามประมาทเด็ดขาด เข้าใจไหม” เขาพูดขึ้นมาในเชิงดุเล็กน้อย แม้จะรำคาญอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นก็อดเป็นห่วงลูกน้องสาวไม่ได้ งานนี้มันอันตรายเกินกว่าที่เขานั้นจะเข้าไปเสี่ยงด้วยตัวเอง ตัวเขามีลูกและภรรยารออยู่ที่บ้าน แต่หว่านอันถิงตัวคนเดียวไร้ญาติพี่น้อง ฉะนั้นทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าควรส่งหญิงสาวไป
“ฉันรู้แล้ว หัวหน้าเชื่อมือฉันเถอะ ต่อให้ต้องตายฉันก็จะหาหลักฐานมาให้ได้” หญิงสาวกล่าวก่อนที่เธอนั้นจะเดินออกไป
เขามองตามด้วยความไม่สบายใจและรู้สึกกังวลแปลก ๆ ราวกับว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบหน้าหญิงสาว!!
