บทที่ 5 แม่สามีเกลีดชัง
บทที่ 5 แม่สามีเกลีดชัง
ชายทั้งสองหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นมีคนเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นพยายามจะผลักซ่งเฟยหลงออกไปให้พ้นทาง “ไม่ใช่เรื่องของแก อย่าเข้ามายุ่ง”
แต่ทว่าซ่งเฟยหลงไม่ฟัง เขาพยายามดึงหลินเพ่ยหลันออกจากมือของชายคนนั้น “พวกนายกำลังทำอะไรกับเธอ เวลานี้เธอไม่ได้สติหรือว่าพวกแกทั้งสองคิดจะลักพาตัวผู้หญิงไปอย่างนั้นเหรอ”
ชายหนุ่มพยายามช่วยหลินเพ่ยหลันออกมา ในขณะที่ชายทั้งสองตั้งหน้าตั้งตาจะสู้กับเขาเช่นกัน ต่อให้จะเป็นสองต่อหนึ่งซ่งเฟยหลงก็ไม่คิดกลัว การกระทำของเขาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและไม่ยอมแพ้แม้จะต้องเจ็บตัวก็ตาม ถึงยังไงเขาก็ต้องช่วยเธอให้ได้
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด สองคนนั้นเป็นแค่ลูกน้องปลายแถวของพวกอันธพาลไม่ได้มีฝีมือในการต่อสู้เลย เมื่อต้องต่อสู้กับซ่งเฟยหลงที่ร่างกายกำยำแข็งแรงและมีฝีมือที่ดีกว่า จึงพ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ ก่อนจะรีบหนีเพราะกลัวว่าจะมีคนมาเจอมากกว่านี้
แต่เรื่องราวกลับไม่ได้จบเพียงแค่นั้นเมื่อนางหลิวอี้เห็นว่าแผนการไม่สำเร็จและกลัวว่าสามีจะจับได้ว่าเธอคิดจะขายลูกเลี้ยงจึงคิดแผนใหม่เพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งออกมาหน้าถนนในหมู่บ้านแล้วป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้เรื่องนี้
“ทุกคนฟังฉันนะ ซ่งเฟยหลงลูกชายบ้านซ่งลักลอบเข้ามาในบ้านของฉัน เพื่อพาหลินเพ่ยหลันหนีไป” นางหลิวอี้ตะโกนด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธพร้อมกับทำท่าหวาดกลัวเล็กน้อย
“พวกเขาทำผิดประเพณีอย่างร้ายแรง ชายหญิงสองคนนี้ทำผิดศีลธรรม” นางยังคงตะโกนไม่หยุด
ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงของแม่เลี้ยงต่างพากันมามุงดู พวกเขาซุบซิบกันด้วยความตกใจและสงสัย “เกิดอะไรขึ้น ทำไมซ่งเฟยหลงถึงมาที่นี่”
“พวกเขาสองคนมีอะไรกันหรือเปล่า”
ชาวบ้านต่างเริ่มส่งเสียงดัง บางคนเชื่อและบางคนก็ไม่เชื่อเนื่องจากรู้จักซ่งเฟยหลงดีว่าไม่ใช่คนแบบนั้น
นางหลิวอี้ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนของชาวบ้านด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเสแสร้ง “ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของบ้านหลินเด็ดขาด ซ่งเฟยหลงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ!!”
ซ่งเฟยหลงที่ช่วยหลินเพ่ยหลันเอาไว้ และอุ้มเธอลงมาจากเกวียนกลับต้องเผชิญหน้ากับชาวบ้านที่พากันมาล้อมรอบด้วยความสงสัย ทั้งเชื่อและไม่เชื่อในสิ่งที่นางหลิวอี้กล่าวหา
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมแค่ช่วยเธอจากการถูกลักพาตัว” ชายหนุ่มพยายามอธิบาย แต่ดูเหมือนว่าชาวบ้านส่วนมากจะไม่มีใครฟังเขาเลย
“ช่วยอะไร ลักพาตัวอะไร ไม่มีการลักพาตัวอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น พวกเราก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าซ่งเฟยหลงกำลังจะพาตัวหลินเพ่ยหลันไป หากจะบอกว่าใครลักพาตัวเธอ ก็คงเป็นเขานั่นแหละ” นางหลิวอี้ยังคงพูดจาใส่ร้ายไม่หยุด
“น่าจะจริงอย่างที่ว่านะ ไม่เห็นจะมีใครมาลักพาตัวสักหน่อย” ชาวบ้านเริ่มเชื่อในสิ่งที่นางหลิวอี้พูด เพราะไม่เห็นคนอื่นเลยแม้แต่คนเดียว
เรื่องราววุ่นวายนี้ทำให้ชื่อเสียงของซ่งเฟยหลงและหลินเพ่ยหลันถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งสองต้องเผชิญกับความยากลำบากและความอัปยศที่ถูกโยนใส่โดยไม่มีเหตุผล
เดิมที ซ่งเฟยหลงก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดคุยอยู่แล้ว เขามักเก็บตัวเงียบและทำงานหนักเพื่อครอบครัว แต่เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นกับหลินเพ่ยหลัน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขาและครอบครัว เขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอเพื่อรักษาชื่อเสียง แม้ไม่ได้มีความรักต่อเธอและถูกต่อต้านอย่างหนักจากแม่ของตนเอง แต่เขาคิดว่าหญิงสาวตาบอดคนนี้น่าสงสารมาก ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานและการถูกกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยงจึงอยากจะช่วยเธอไว้
เมื่อทั้งสองได้ใช้ชีวิตร่วมกันซ่งเฟยหลง ก็ตั้งใจที่จะดูแลหลินเพ่ยหลันอย่างดีที่สุด เขาปฏิบัติต่อเธออย่างให้เกียรติ ไม่เคยใช้คำพูดหรือการกระทำที่ทำให้เธอรู้สึกต่ำต้อยเลยแม้คำเดียว เขาเข้าใจว่าหญิงสาวต้องผ่านความยากลำบากมาไม่น้อย เลยเห็นใจในชะตากรรมของเธอ
เขาพยายามทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยในบ้านซ่ง แม้จะไม่ได้มีความรักต่อกันในแบบสามีภรรยา แต่ซ่งเฟยหลงก็ทำทุกอย่างด้วยความเมตตาและความห่วงใย
หลินเพ่ยหลันรู้สึกถึงความอ่อนโยนและการดูแลที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน ทำให้ค่อย ๆ ปรับตัวและเริ่มมีความหวังในการใช้ชีวิตใหม่
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในครอบครัวซ่ง เธอก็ไม่ได้คิดจะเป็นภาระให้ใคร หญิงสาวพยายามทำงานบ้านทุกอย่างที่ทำได้ เพราะถึงอย่างไรตอนอยู่ที่บ้านสกุลหลิน หน้าที่ต่าง ๆ ในบ้านล้วนเป็นเธอที่ทำเองทั้งหมด ทำให้คุ้นเคยกับการทำงานหนักและไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อย
แต่ไม่ว่าจะพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์มากแค่ไหน แต่ก็ยังไม่เป็นที่พึงพอใจของแม่สามี นางหยางเจี่ยไม่ชอบลูกสะใภ้ที่เป็นคนพิการ ทั้งยังรู้สึกว่าหลินเพ่ยหลันไม่สามารถเกื้อหนุนสามีได้เลย หนำซ้ำพวกชาวบ้านยังนินทาเรื่องนี้ไม่หยุด
พวกเขามองว่าซ่งเฟยหลงเป็นหนุ่มรูปหล่อและขยันทำงาน ทั้งที่มีหญิงสาวทั่วหมู่บ้านมาชอบ อย่างไรลูกชายของเธอก็ควรจะได้ภรรยาที่เหมาะสมมากกว่านี้ ไม่ใช่เป็นเพียงหญิงตาบอดไร้ค่าคนหนึ่ง!!
วันหนึ่งขณะที่หลินเพ่ยหลันกำลังทำความสะอาดห้องครัว นางหยางเจี่ยก็เข้ามาในห้องครัวพร้อมกับเสียงถอนหายใจหนัก ๆ มองดูลูกสะใภ้คนนี้ด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“คนตาบอดอย่างเธอทำอะไรเป็นบ้างเนี่ย ทำงานบ้านก็ชักช้า ช่วยเหลือสามีก็ไม่ได้ เห็นแล้วก็เหนื่อยใจจริง ๆ” นางหยางเจี่ยพูดพร้อมกับส่ายหน้า
หลินเพ่ยหลันได้ยินคำพูดนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดแต่เธอไม่พูดอะไร ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปเงียบ ๆ
“เธอรู้ไหมว่าหลายคนในหมู่บ้านเขาพูดถึงเรายังไง” นางหยางเจี่ยเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ก็พูดต่อ “ถ้าไม่รู้ฉันจะบอกหล่อนเอง พวกเขาบอกว่าเฟยหลงไปเอาคนพิการอย่างเธอมาเป็นภรรยาทำไม ทั้งที่มีหญิงสาวสวย ๆ มากมายมาชื่นชมเขาแท้ ๆ น่าเสียดายแทนเขาจริง ๆ”
หลินเพ่ยหลันกลั้นน้ำตาเอาไว้ หญิงสาวรู้ดีว่านางหยางเจี่ย ไม่ชอบตนเองแต่คำพูดที่เจ็บปวดเหล่านี้ ทำให้เธอรู้สึกเสียใจมากขึ้น
“เฟยหลงเองก็ไม่ได้รักเธอหรอก เขาแต่งงานกับเธอเพราะความรับผิดชอบเท่านั้น อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอมีค่าอะไรสำหรับเขา” นางหยางเจี่ยยังคงกล่าววาจาทำร้ายจิตใจลูกสะใภ้ต่อไปไม่หยุด หวังว่าสักวันทั้งสองจะหย่ากัน แล้วเธอจะได้หาสะใภ้ที่ต้องการมาแต่งกับลูกชาย
หลินเพ่ยหลันยังคงได้แต่เงียบ เธอรู้ว่าแม่สามีพูดถูกในบางส่วน แต่ก็พยายามที่จะไม่ให้คำพูดเหล่านั้นทำลายจิตใจตนเอง หญิงสาวพยายามเข้มแข็ง อย่างน้อยก็จำเป็นต้องอดทนและอยู่ในบ้านซ่งต่อไปให้ได้ ก็ใครให้เธอเป็นหญิงตาบอดที่ไม่มีทางเลือกล่ะ!
หลังจากนางหยางเจี่ย ออกไปจากห้อง หลินเพ่ยหลันก็ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เธอพยายามรวบรวมกำลังใจและพลังใจเพื่อที่จะทำงานต่อไป และรู้ดีว่าชีวิตต่อจากนี้ไม่ง่ายเลย แต่เธอก็จะไม่ยอมแพ้เป็นอันขาด ตราบใดที่สามียังไม่เป็นคนเอ่ยปาก เธอก็จะไม่สนใจคำพูดของใคร
