บทที่ 3 หลินเพ่ยหลัน
บทที่ 3 หลินเพ่ยหลัน
“พี่คะ อย่าหลับนะคะ รถพยาบาลกำลังจะมาแล้ว”
เธอพูดพร้อมกับก้มลงใกล้มากขึ้น และเอื้อมไปแตะมือของนลินที่เย็นเฉียบ พยายามส่งความอบอุ่นให้ผู้หญิงที่กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต
“พี่คะ ขอบคุณที่ช่วยหนูไว้ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ” เสียงของเด็กหญิงสะอื้นไห้และเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด นลินพยายามที่จะหันไปมองหน้าเด็กหญิง ทว่าร่างกายกลับขยับไม่ได้ เธออยากจะคลี่ยิ้มออกมา แต่เพราะความเจ็บปวดทำให้ไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งจะกะพริบตาเสียด้วยซ้ำ
หญิงสาวนอนจมกองเลือด เลือดสีแดงสดไหลซึมออกจากบาดแผลบนร่างกายของเธอ รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ทรมานเหมือนกับร่างกายถูกแยกเป็นส่วน ๆ หัวใจของเธอเต้นช้าลงทุกขณะ แต่ในใจเธอยังคงสงบและเต็มไปด้วยความสุข ที่สามารถช่วยเด็กหญิงคนนั้นไว้ได้
‘อย่างน้อยเด็กคนนั้นก็ปลอดภัย วันหยุดสุดสัปดาห์นี่เธอก็จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ของเธอตามที่ได้นัดไว้’ นลินคิดในใจ
ความคิดนี้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น แม้ว่าเลือดจะยังคงไหลออกมาและความเจ็บปวดจะไม่ทุเลาลง แต่ความอิ่มเอมใจที่ได้ช่วยเหลือคนนั้นมีอยู่เต็มความรู้สึกนลินไม่นึกเสียดายเลยสักนิดที่ได้ช่วยให้เด็กหญิงรอดพ้นจากความตาย
เวลานี้หญิงสาวนอนจมกองเลือด ความเจ็บปวดเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย นี่จึงทำให้เธอแทบจะขยับตัวไม่ได้ ความคิดต่าง ๆ วิ่งผ่านเข้ามาในหัว นลินคิดถึงความฝันและความหวังที่เคยมี คิดถึงครอบครัวที่เธอต้องจาก คิดถึงพ่อแม่ที่เริ่มแก่เฒ่า คิดถึงน้อง ๆ ที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นที่กำลังเล่าเรียนเพื่อหาอนาคตให้ตนเอง
‘ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าชีวิตของตัวเองจะสั้นขนาดนี้ บ้าจริง อุตส่าห์ทำงานอย่างหนัก เก็บเงินไว้ตั้งมากมาย ตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปเปิดร้านเล็ก ๆ สักร้านแท้ ๆ แต่ทุกอย่างกลับต้องพังทลายลงเสียนี่’ เธอคิดในใจอย่างเศร้าสร้อย เพราะไม่มีอีกแล้วความฝันที่วาดไว้
‘แต่ก็ช่างมันเถอะ ก่อนตายอย่างน้อย ๆ ก็ได้ช่วยชีวิตคนเอาไว้คนหนึ่ง มีความดีติดตัว ตอนที่ลงไปยังปรโลกจะได้ยืดอกบอกกับท่านพญายมไปว่าฉันตายเพราะได้ช่วยคนมา บางทีเกิดมาชาติหน้า ชีวิตก็คงไม่ลำบากขนาดนี้’ เมื่อคิดอย่างนั้นเธอรับรู้ถึงความสงบที่เริ่มเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวด
ขณะที่ความคิดเหล่านี้ลอยอยู่ในหัว เสียงของผู้คนรอบข้างยังคงดังอยู่ไม่ขาดสาย มีทั้งคนที่พยายามช่วยเหลือ และพยายามพูดปลอบใจเธอให้ทำใจดี ๆ ไว้ ความหวังเล็ก ๆ ที่อาจจะมีชีวิตรอดก็ยังคงอยู่ แม้จะรู้ว่ามันเป็นแค่ความหวังที่เลือนรางก็ตาม
นลินหันสายตามองเด็กคนนั้นอีกครั้ง มองเห็นเธอกำลังยืนร้องไห้และพยายามจับมือเธออย่างให้กำลังใจและขอบคุณ เธอรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยก็ได้ทำสิ่งดี ๆ ก่อนจากโลกนี้ไป
แต่แล้วจู่ ๆ ผีเสื้อตัวนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันบินผ่านหน้าของเธอไป นลินอยากเหลือบสายตาไปมองมัน แต่ก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว ดวงตาของเธอเริ่มพร่ามัวไร้จุดโฟกัส ทุกอย่างค่อย ๆ มืดดับลง และรู้สึกเหมือนกำลังจมลงสู่ห้วงลึกของความเงียบสงบ ไม่มีความเจ็บปวดอีกต่อไป มีเพียงความเย็นสบายที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
ไม่นานรถพยาบาลมาก็ถึง จึงรีบพาเธอไปโรงพยาบาลทันที
เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วทั้งหมอและพยาบาลต่างก็วุ่นวายกับการประคองอาการของหญิงสาว พยาบาลคนหนึ่งรีบเตรียมเครื่องช่วยหายใจ และสอดท่อช่วยหายใจเข้าไปในปากของนลิน ขณะที่หมออีกคนพยายามตรวจวัดชีพจรและความดันโลหิต หมอคอยสั่งการและตรวจสอบสัญญาณชีพต่าง ๆ อย่างเร่งรีบ
“แรงดันโลหิตต่ำมาก” หมอพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เตรียมอุปกรณ์ทำ CPR ด่วน”
พยาบาลอีกคนรีบนำเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าออกมา เตรียมพร้อมที่จะใช้งาน เธอพยายามหาตำแหน่งที่ถูกต้องและวางแผ่นกระตุ้นบนหน้าอกของนลิน ขณะที่หมอเริ่มทำ CPR เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
“ยังไม่มีสัญญาณตอบสนอง” หมอพูดด้วยความกังวล
พยาบาลคนหนึ่งรีบฉีดยาบางอย่างเข้าที่เส้นเลือดของนลิน ขณะที่พยาบาลอีกคนคอยตรวจสอบเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานได้ถูกต้อง การทำงานร่วมกันอย่างเป็นทีมของพวกเขาเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความตั้งใจอย่างสุดกำลัง
“เตรียมตัวกระตุ้นอีกครั้ง” หมอสั่งการอีกครั้ง
เมื่อเสียงสัญญาณเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าดังขึ้น หมอและพยาบาลต่างก็รอดูผล หวังว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นคืนชีพของนลิน แต่ทว่าเสียงของเครื่องมือยังคงแสดงผลเหมือนเดิม ไม่มีการตอบสนองจากร่างของนลินเลยแม้แต่น้อย
“เราเสียเธอไปแล้ว” หมอพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้า ผสมความเสียใจที่ไม่อาจช่วยผู้ป่วยคนนี้ได้
แม้จะพยายามเต็มที่แล้ว แต่ความพยายามทั้งหมดนั้นก็ไม่สามารถช่วยชีวิตนลินได้ หญิงสาวได้เดินทางไปสู่โลกที่เงียบสงบและไม่มีความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว พยาบาลต่างหยุดการทำงาน และเริ่มเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยความเศร้าใจ
หมอมองไปที่ร่างของนลิน และพูดเบา ๆ กับเธอว่า
“คุณทำดีที่สุดแล้ว หลับให้สบายนะ”
หมู่บ้านไผ่หลิว เมืองหย่งคัง
เสียงหอบเหนื่อยของใครบางคนดังอยู่ข้างหูในใจของนลินคิดว่าถ้าเธอยังไม่ตาย แล้วก็อาจจะมีหวังที่จะมีชีวิตรอด อย่างไรสวรรค์ก็คงไม่ได้ใจร้ายกับเธอมากขนาดนั้น
ระหว่างที่สติเริ่มเลือนรางกลับสัมผัสได้คล้ายว่าร่างของเธอกำลังถูกใครบางคนอุ้มเอาไว้
เสียงหอบหายใจของใครบางคนเสียงดังเหมือนกับว่ากำลังพยายามพาเธอไปยังที่ที่ปลอดภัย นลินรับรู้ได้ถึงแรงกดดันและความตั้งใจของเขาที่จะช่วยชีวิตเธอ แม้จะรู้สึกว่านี่มันไม่ถูกต้อง เนื่องจากเธอถูกรถชนก็ควรจะอยู่บนรถพยาบาลสิ ไม่ใช่มีความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนที่เหมือนกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งแบบนี้
คิดได้ดังนั้นจึงพยายามฝืนลืมตาขึ้นมามองว่าใครกันแน่ที่กำลังอุ้มเธอไว้ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไร เบื้องหน้าของเธอก็ยังคงเป็นความมืดมิด นี่จึงทำให้หญิงสาวรู้สึกมึนงงและสับสนมาก ทั้งที่สัมผัสได้ว่าตนเองลืมตาอยู่ แต่ทำไมถึงมองไม่เห็นอะไรเลย หรือว่านี่อาจจะเพราะอุบัติเหตุนั้นทำให้เธอตาบอดนะ ถ้าอย่างนั้นที่บอกว่าเป็นความเมตตาของสวรรค์ก็ไม่น่าจะพูดได้เต็มปาก
‘เกิดอะไรขึ้นกับฉัน หรือว่าดวงตามืดบอดเพราะอุบัติเหตุกันนะ’
แต่แล้วก็ได้ยินคล้ายเสียงปีกของผีเสื้อกระพืออีกครั้งข้างหูของเธอ ทำให้นลินขมวดคิ้ว และอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมวันนี้ถึงได้มีผีเสื้อตัวนี้มาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ กับเธอทั้งวัน
‘ทำไมผีเสื้อวนเวียนอยู่กับฉันกันนะ ตอนอยู่บนรถไฟฟ้าก็เห็น ตอนถูกรถชนแล้วนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นก็เห็น แล้วตอนนี้ยังได้ยินเสียงของมันอีก’ เธอได้แต่คิดในใจอย่างสงสัย
ส่วนทางด้านของชายหนุ่มที่กำลังอุ้มร่างของหญิงสาว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัวแล้วจึงเอ่ยเรียกคนในอ้อมอกด้วยความร้อนใจ
“เพ่ยหลัน...หลินเพ่ยหลัน”
เขาเรียกชื่อเธอซ้ำ ๆ หลายครั้ง แต่กลับทำให้นลินไม่เข้าใจว่าชายคนนี้กำลังเรียกใครอยู่กันแน่ หญิงสาวรู้สึกสับสนเหลือเกิน แม้ว่าเสียงเรียกนั้นดังชัดเจนอยู่ข้างหู แต่ทว่าเสียงเรียกนั้นกลับไม่ใช่ชื่อของเธอ!!
แต่ไม่ว่าชายคนนี้จะเรียกชื่อของใครก็ตาม นลินพยายามที่จะตอบกลับเพื่อจะถามเรื่องราว แต่ก่อนที่เธอจะส่งเสียงออกมา ภาพความทรงจำบางอย่างก็ฉายเข้ามาในหัวของเธอไม่ต่างจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
เวลานี้นลินไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมภาพเรื่องราวของเธอถึงเข้ามาในหัวของตนเองได้
จากนั้นอาการปวดหัวก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุดนลินก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำให้ชายหนุ่มที่อุ้มเธออยู่ถึงกับหยุดเดิน เขามองเธอด้วยความตกใจและเต็มไปด้วยความห่วงใย
“เพ่ยหลัน เธอเป็นอะไร” ชายคนนั้นถามขึ้นมาอย่างร้อนรน
แต่ทว่านลินไม่สามารถรับรู้ได้อีกต่อไปแล้ว เวลานี้ร่างกายของเธออ่อนแรงลงแล้วก็สลบไปอีกครั้ง
