ถึงฉันจะร้ายแต่ก็ไม่โง่ 1.2
ทางด้านหลินซินเยว่
หลังจากทำอาหารเสร็จแล้ว หลินซินเยว่ก็นั่งรอให้ข้าวสุก เพราะหุงข้าวแบบนี้ต้องคอยดูไม่ให้น้ำแห้ง เพราะไม่อย่างนั้นแล้วก้นหม้อจะไหม้ได้
ขณะที่กำลังยกหม้อข้าวลงจากเตา ก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูรั้ว ใจนั้นคิดว่าสามีกลับมาแล้ว เลยรีบวางหม้อข้าวที่กำลังร้อนระอุลง แล้วรีบเดินมาหน้าบ้าน แต่พอมาถึงกลับพบหญิงสาวคนหนึ่งที่มองมาที่เธอด้วยสายตาไม่พอใจ
‘คนนี้ใครกัน ทำไมมองเหมือนจะฆ่ากันขนาดนั้น หรือว่าเป็นโจทก์เก่าของร่างนี้’ หญิงสาวยืนขมวดคิ้วคิดอยู่ในใจ โดยยังไม่พูดอะไรออกไป
“หล่อนนี่ตายยากตายเย็นเสียจริงนะ สลบไปแบบนั้นฉันคิดว่าไม่น่ารอด แต่หล่อนก็รอดกลับมาจนได้” ตู้หลินเซียนพูดจบก็แบะปากเล็กน้อย มือทั้งสองข้างกอดอกพร้อมกับมองหลินซินเยว่อย่างไม่ชอบใจ
หลินซินเยว่ก็พยายามทบทวนความทรงจำว่าหญิงสาวตรงหน้านี้คือใครและไม่นานเธอก็จำได้ทันที
‘ อ๋อ..เธอคือไม้เบื่อไม้เมาของร่างนี้นั่นเอง เจอกันทีไรถ้า
ไม่ด่ากัน ก็หาเรื่องตบตีกันตลอด ซึ่งสาเหตุก็คือทั้งสองชอบ
โม่กวนหยางเหมือนกัน แล้วหญิงคนนี้ก็ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างนี้ล้มหัวฟาดฟื้นจนตาย เลยทำให้ฉันต้องเข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน’
“มองอะไร ฉันถามว่าทำไมไม่ตายสักที ถามแค่นี้ถึงกับยืนอึ้งเลยเหรอ” ตู้หลินเซียนที่ถูกมองหน้าก็ถามขึ้นอีกครั้ง
‘เอาสิ ร้ายมาร้ายกลับไม่โกงค่ะ’ หญิงสาวคิดในใจพร้อมกับกอดอกแล้วมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะลอยหน้าลอยตาตอบกลับไป
“เพราะฉันเป็นคนสวยและเป็นคนดีไงล่ะ สวรรค์เลยอยากให้ฉันอยู่โลกมนุษย์ เพื่อครองรักกับพี่กวนหยางไปจนแก่เฒ่า
แล้วปล่อยให้ใครบางคนที่แอบรักสามีชาวบ้านอิจฉาจนอกแตกตายไปเลย”
‘นี่ไม่ได้กวนนะ แต่ในเมื่อมาแช่งฉันให้ตาย ทำไมต้องมานั่งไว้หน้ากันด้วยล่ะ’ หลินซินเยว่แสยะยิ้มพร้อมกับคิดในใจ หญิงสาวมองว่าการที่เธอสวนกลับแบบนี้ไม่ผิด เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
“นี่หล่อนกำลังด่าฉันเหรอ” ตู้หลินเซียนได้ยินก็ตวาดกลับอย่างไม่พอใจทันที
“ฉันกำลังชมเธออยู่มั้ง ถามไม่คิดอีกแล้วนะ” หลินซินเยว่เองก็สวนกลับอย่างไว ก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญกลับไปซะเถอะ ฉันมีงานให้ต้องทำอีกเยอะแยะ ไม่มีเวลามาพูดไร้สาระกับเธอหรอกนะ เดี๋ยวสามีสุดที่รักหาปลามาได้ ฉันจะต้องทำอาหารให้เขากินอีก”
พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
เมื่อทำอะไรไม่ได้ ตู้หลินเซียนได้แต่กำมือแน่นด้วยแค้นใจ ก่อนจะเดินออกมาจากบ้านของโม่กวนหยางไปอย่างหงุดหงิด
ที่ไม่สามารถเล่นงานหลินซินเยว่ได้เหมือนก่อนหน้านี้
กลับมาทางด้านบ้านใหญ่โม่
เรื่องที่ลูกสะใภ้สามอย่างหลินซินเยว่ล้มหัวฟาดฟื้นจนสลบไป ตอนนี้บ้านโม่ต่างก็รู้เรื่องกันแล้ว จึงพากันไม่สบายใจและมีความเป็นห่วงไม่น้อย แม้ว่าลูกชายคนที่สามและสะใภ้สามจะแยกบ้านออกไปแล้วก็ตาม แต่ความเป็นพ่อแม่ก็ตัดความห่วงใยไม่ได้
“ฉันได้ข่าวว่าซินเยว่กลับมาอยู่บ้านแล้วนะแม่ ยังไงเดี๋ยวฉันลองไปที่บ้านน้องสาม ดูเผื่อว่าช่วยงานอะไรในบ้านได้บ้าง”
สะใภ้ใหญ่อย่างเฉินชุงอิ๋งเอ่ยขึ้นมากับแม่สามี เธอคิดว่าการที่จะไปบ้านน้องชายของสามี ก็น่าจะช่วยงานอะไรได้บ้าง อย่างน้อยก็ทุ่นแรงน้องชายที่ต้องดูแลภรรยาที่ป่วยและยังต้องทำงานบ้านเอง
“นั่นสิแม่ ฉันจะไปกับพี่สะใภ้ใหญ่ด้วย อย่างน้อยช่วย ๆ กันงานบ้านจะได้เสร็จเร็วขึ้น อีกอย่างจะได้เอาผ้าที่ต้องซักมาด้วยเลย พรุ่งนี้ฉันจะได้ซักพร้อมของบ้านเรา”
สะใภ้รองอย่างห่ายเยี่ยนที่นั่งอยู่ด้วยก็พูดสนับสนุนพี่สะใภ้ใหญ่อีกคน เธออาสาที่จะไปด้วยเพราะอย่างน้อยจะได้ไปช่วยอีกแรง อย่างมากก็แค่มีปากเสียงกับสะใภ้สามอย่างที่ผ่านมาก็เท่านั้นเอง
“อืม พวกเธอไปกันเถอะ ฉันเองก็ว่าจะไปดูสะใภ้สาม
สักหน่อย อย่างน้อยเธอก็เป็นลูกสะใภ้ของฉันคนหนึ่ง”
ฟางเหนียงพยักหน้ารับรู้แล้วตอบกลับไป แม้ว่าเธอ
จะระอากับพฤติกรรมของลูกสะใภ้คนที่สามอย่างมาก และต่อให้จะแยกบ้านกันแล้ว แต่เธอก็ยังถือว่าทั้งสองเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะไม่ได้ตัดขาดกับลูกชายเสียหน่อย
“ว่าแต่ทำไมสะใภ้สามถึงได้โชคร้ายอย่างนี้นะ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะหัวฟาดพื้นจนสลบไปก็ตาม” สะใภ้ใหญ่เอ่ยขึ้นมาอย่างกังวลใจ แม้ว่าน้องสะใภ้สามนั้นจะทำตัวร้ายกาจและชอบทะเลาะกับคนอื่นมากแค่ไหน
แต่ที่ผ่านมาไม่เคยพลาดท่าจนตัวเองต้องล้มเจ็บแบบนี้
“ฉันได้ยินเขาพูดกันว่าสะใภ้สามทะเลาะกันกับลูกสาวบ้านตู้น่ะพี่สะใภ้ แล้วซินเยว่ลื่นล้มจนหัวฟาดพื้น แต่ฝ่ายลูกสาวบ้านตู้ไม่เป็นอะไรเลย พี่ว่าเรื่องนี้มันแปลกไหมคะ”
สะใภ้รองยังมีข้อกังขาจึงถามออกไปอย่างนั้น เพราะทุกครั้งที่มีเรื่องมีราวกัน หลินซินเยว่ไม่เคยพลาดท่าจนบาดเจ็บหนักแบบนี้
“เอาเถอะ จะอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้พวกเธอเตรียมตัวไปบ้านเจ้าสามเถอะ ฉันจะไปดูในครัวสักหน่อยว่า มีอะไรทำอาหารไปให้เจ้าสามได้บ้าง”
ฟางเหนียงพูดพร้อมกับโบกมือไล่ลูกสะใภ้ทั้งสองคนให้ไปเตรียมตัว ส่วนตัวเองก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าครัว เพื่อดูว่าพอจะมีอาหารอะไรที่จะทำไปให้ลูกชายคนที่สามกินได้บ้าง
“วันนี้ทำข้าวต้มและกับข้าวสักสองอย่างดีกว่า คนป่วยกินอาหารอ่อน ๆ ดีที่สุด”
นางพูดออกมาเมื่อเห็นว่าในครัวมีอะไรบ้าง คิดว่าอย่างน้อยวันนี้บ้านของโม่กวนหยาง น่าจะมีข้าวต้มกับเครื่องเคียงกินสักหน่อย
