ตอนที่8 เก็บมันฝรั่ง
ในช่วงแรกเฟิงอวี้คิดว่าหลังจากเก็บเห็ดพิษพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว เขาคงจะเดินเข้าป่าลึกอีกสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่าการเข้าป่าครั้งนี้ เห็ดพิษเหล่านั้นอาจเป็นเพียงจุดมุ่งหมายเดียวของเขา
"ข้าจะออกจากป่าแล้ว และคิดว่าเจ้าเองก็ต้องออกไปเช่นกัน"
"แต่ข้าอยากเดินหาสมุนไพร อีกสักหน่อยเจ้าค่ะ"
"ไม่ใช่ว่าสมุนไพรที่เจ้าได้มาก่อนหน้านี้ก็ทำเงินให้เจ้าพอสมควรแล้วไม่ใช่หรือยังไง"
เขามองสมุนไพรที่นางถืออยู่ในมืออย่างกดดัน ผู้ใดจะยินยอมให้สตรีเดินเหินในป่าลึกเยี่ยงนี้เพียงผู้เดียวกัน
"แต่ว่า"
เฟิงอวี้กำลังจะเอ่ยค้าน ทว่าเขากลับเอ่ยสวนขึ้นมาก่อน
"กลับเถิด วันพรุ่งข้าจะพาเจ้าเข้าป่ามาอีกครั้ง"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟิงอวี้ก็ไม่คิดที่จะดื้อดึงอีกต่อไป อย่างไรแล้ว นางก็มิได้เร่งรีบที่จะหาเงินมากขนาดนั้น เช่นไรแล้ววันนี้ก็ไม่ได้เข้าป่ามาโดยเสียเปล่า
"เห็ดพิษสรรพคุณเช่นนั้น ท่านเก็บไปเพื่ออะไรหรือเจ้าคะ"
ไป๋เฟยหลงไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะรู้ว่าสรรพคุณของเห็นที่เขาเก็บไปก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเขามิได้เสื่อมสมรรถภาพ แต่ทว่าก็เกรงว่านางที่เป็นภรรยาจะคิดไปในทิศทางเยี่ยงนั้น
"ข้าก็แค่ชอบสะสมพิษ เจ้าเองก็ดูเหมือนจะมีความรู้ด้านสมุนไพรดีเหมือนกันนี่"
"คงมิสู้เจ้าแห่งหุบเขาพิษเยี่ยงท่านได้หรอกเจ้าค่ะ"
นางก็เอ่ยไปแบบนั้นแหละ แค่มิถูกเขาฆ่าตายไปตั้งแต่วันแรกที่แต่งเข้ามา นั่นก็เป็นบุญหัวของนางมากถึงขนาดไหนแล้ว ระหว่างทางเดินกลับบ้านท้ายหมู่บ้าน สายตาของเฟิงอวี้เหลือบไปเห็น ต้นมันฝรั่งอีกแล้ว จากที่ระบบคำนวณ ใต้พื้นดินนั่น หัวของมันฝรั่งอยู่เต็มไปหมด
"เอ่อสามี ท่านโปรดหยุดเดินก่อน"
ดวงตาข้างหนึ่งเหลือบมองภรรยาที่เอ่ยเรียกให้เขาหยุดเดินอย่างมึนงง อย่างแล้วก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ตรงนี้มีเพียงมันชนิดหนึ่ง ที่ค่อนข้างเป็นพิษต่อร่างกาย มิใช่ว่านางคิดจะถอนมันเหล่านี้ไปทำอาหารหรอกหนา เขาก็คิดถี่ถ้วนดีแล้ว ว่ามิได้เลี้ยงดูนางได้อย่างอดอยาก เหตุไฉนถึงจะต้องการกินพืชที่มีพิษอยู่อย่างนี้
"เจ้าอย่าบอกนะ ว่าจะถอนมันพวกนั้นไป เจ้ามิรู้หรือว่ามิมีผู้ใดกินกัน หรือว่าข้าเลี้ยงดูภรรยาอย่างเจ้ามิดีพอ"
"สามีโปรดใจเย็น มันเหล่านี้มีพิษก็จริง หากแต่มันมีส่วนที่กินได้ แน่นอนว่าส่วนหัวมันที่ไม่มีสีเขียว เอาเป็นว่ามื้อเย็นวันนี้ข้าจะลองทำอาหารจากมันเหล่านี้ให้ท่านชิม หากท่านไว้วางใจข้า"
แววตาที่จ้องมองเขาอย่างกดดันเยี่ยงนั้นคืออันใดกัน นางกำลังขู่เข็ญให้รับชะตากรรมการทดลองพิษของนางแต่โดยดีใช่หรือไม่นะ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถึงกล้าที่จะพยักหน้าตอบรับไป
จากที่ตอนแรกห้ามนางนักหนา ในตอนนี้เป็นเขาที่ต้องเป็นแรงงานหลักในการขุดมันพวกนั้นขึ้นมา กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ภรรยาสั่งห้าม เพราะว่าตอนนี้น่าจะได้หัวมันจนเพียงพอแล้ว
ถึงแม้ว่ามันพวกนี้จะมีพิษจริงๆ แต่ร่างกายของเขาที่ผ่านการทดลองพิษมามากมาย มันไม่เป็นปัญหาเลย แต่สำหรับนางนี่สิ แต่เอาเถอะถึงตอนนั้นจริงๆ เขาคงมีวิธีที่จะแก้ไขเอง
"ไปกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปทำอาหารให้ท่านกินเอง"
แม้จะอยากเอ่ยห้าม แต่ไม่รู้ทำไมไป๋เฟยหลงถึงพยักหน้าเบาๆ และเดินตามร่างแน่งน้อยไปเสียอย่างนั้น ระหว่างทางที่ออกจากป่า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญเกินไปหรือเปล่า หากแต่ตอนนี้คนที่เดินสวนทางคือบิดาของภรรยา
ใบหน้าที่ไม่ได้ดูมีความสุขสักเท่าไหร่ เหลือบมองมาที่เขาแวบหนึ่ง ก่อนที่จะมองไปที่เฟิงอวี้ผู้เป็นบุตรสาว สาวน้อยทักทายบิดาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินต่อไป
ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างบิดาและบุตรสาวคู่นี้จะห่างเหินกันอย่างน่าประหลาดใจยิ่ง แต่เอาเถอะ อย่างไร นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาใส่ใจเท่าไหร่นัก หากแต่ชีวิตที่เขาต้องการนั่นคือความเรียบง่ายนี่ต่างหาก ไม่มีอะไรดีเท่าความเงียบสงบเยี่ยงนี้อีกแล้ว แม้ว่าจะมีอีกคนที่เขามาทำให้ชีวิตที่เรียบง่ายอย่างที่เป็นอยู่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่เห็นว่าเป็นแบบนี้แล้วก็ไม่ได้มีอะไรที่เสียหาย
ทันทีที่ไปถึงบ้านนางรีบเอามันฝรั่งที่ต้องการทำเป็นมันฝรั่งผัดใส่เนื้อหมูไปล้างให้สะอาด ในส่วนที่ต้องการที่จะเก็บเอาไว้ก็เอาไปเททิ้งเอาไว้ที่มุมหนึ่งของห้องเก็บเสบียง
"มีอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่"
"ไม่หรอกเจ้าค่ะ ท่านเองไปพักผ่อนดีกว่า เอาไว้ข้าจัดการทางนี้เรียบร้อยแล้วจะเอ่ยเรียกท่าน"
เนื้อที่หมักเอาไว้เตรียมตากแห้ง น่าจะตากแห้งได้ในวันพรุ่งนี้ ถึงตอนนั้นเครื่องเทศและเกลือน่าจะเข้าเนื้อโดยทั่วกันเรียบร้อยแล้ว
ที่จริงเฟิงอวี้ล้างไส้หมูและเอาไปแขวนเอาไว้ในถังน้ำ เพื่อที่จะจัดการทำการยัดเนื้อที่หมักใส่พริกป่นลงไปในไส้ เพื่อทำการย่างเพื่อที่จะเก็บเอาไว้กินต่อได้ เนื้อหมูป่ามากเกินไปที่จะกินในคราวเดียวได้หมด แม้เนื้อมันจะเหนียวมากกว่าหมูที่นิยมนำมากินในโลกที่นางจากมา แต่ก็พอที่จะทดแทนกันได้ อย่างไรการกินเนื้อหมูยังดีกว่าการที่ต้องทนกินเนื้องู หรือว่าเนื้อสุนัข
ในโลกที่จากมาก็นิยมกินสุนัขกัน แต่ไม่ใช่คนที่รักสัตว์อย่างเช่นนาง สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขมีทั้งความน่ารักและความซื่อสัตย์มากขนาดนั้น คนที่ฆ่ามันและกินลงไป ต้องเป็นคนที่ใจร้ายและใจแข็งได้ขนาดไหนกัน
นางคิดในขณะที่ปอกเปลือกมันฝรั่งออก เตรียมที่จะหั่นเป็นเส้นฝอย เพื่อที่จะนำไปผัดกับเนื้อหมูป่า โชคดีที่สามีเป็นคนที่ใช้เครื่องเทศทำอาหารอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วในพื้นที่ห้องครัวของเขาย่อมมีสิ่งของที่นางต้องการที่จะใช้อยู่อย่างครบครัน
อย่างเช่นกระเทียมที่ใช้ในการผัดร่วมกับผักพวกนี้ เฟิงอวี้ออกไปถอนต้นหอมในสวนขึ้นมาหนึ่งต้น ก่อนที่จะเอาไปล้างคราบดินออก และเอามาสับเป็นท่อนเท่าๆ กัน เพื่อที่จะใส่เป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อที่จะเพิ่มกลิ่นให้น่าพอใจ
ขั้นตอนแรกตั้งกระทะให้ร้อน ตักน้ำมันพืชใส่ลงไป ใส่กระเทียมที่สับละเอียดลงไป ใส่เนื้อผัดกับนำมันและกระเทียมให้สุกพอดี และใส่มันฝรั่งที่ผ่านการหั่นเส้นและล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และซอสถั่วเหลือง ที่เฟิงอวี้ไม่อยากจะคิดว่าเขาจะกินซอสถั่วเหลืองแบบนี้ด้วย ที่จริงคนในยุคนี้ก็เริ่มนิยมกินซอสจากถั่วเหลืองแล้ว แต่การนิยมอย่างนี้ ไม่ใช่สำหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านเชิงเขาเยี่ยงนี้เป็นอันขาด
"นายท่านตอนนี้ร่างกายของท่านฟื้นฟูขึ้นมาอีกสองเปอร์เซ็นต์"
ระหว่างที่ปรุงอาหารอย่างมีความสุข จู่ๆ ระบบนักปราชญ์ที่เงียบไปนานพอสมควรก็เอ่ยขึ้นมา เพื่อที่จะรายงานแก่นางว่าร่างกายของนางฟื้นฟูขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี
น่ายินดีที่นางตัดสินใจแต่งกับสามีคนนี้ อย่างน้อยในการเลี้ยงดูในมื้อแรกก็เป็นเนื้อหมูอย่างดี มิใช่ว่าความครัวไหนก็จะมีทักษะในการล่าเนื้อเก่งขนาดนี้กันนี่ แม้แต่บ้านเฟิงที่เป็นครอบครัวนายพรานก็ใช่ว่าจะได้กินเนื้อหมูป่าแบบนี้บ่อยสักเท่าไหร่ หากได้หมูป่ามาจริงๆ ส่วนใหญ่บิดาของนางเลือกที่จะนำไปขายที่เหลาอาหารในเมืองมากกว่า อย่างไรนั่นก็ไม่ได้คิดว่าเป็นการตัดสินใจที่เลวร้าย ไม่ใช่ว่าในครอบครัวต้องการเพียงแค่เนื้อเท่านั้น อย่าลืมว่าธัญพืชบดหยาบก็ต้องใช้เงินซื้อมาไม่ต่างกัน
การขายสิ่งที่มีไป เพื่อใช้เงินซื้อในสิ่งที่ไม่มีนั่นนับว่าเป็นสิ่งที่บิดาของร่างเดิมตัดสินใจทำถูกต้อง หากแต่สิ่งที่นางจะติติงบิดาสักหน่อยก็คงจะเป็นเรื่องที่เมินเฉยต่อบุตรสาวคนโตไปเสียสักหน่อย ไม่สิถึงขั้นเมินเฉยจนกระทั่งบุตรของตนตายไปแบบไม่รู้ตัวคงไม่เรียกว่านิดหน่อยหรือ
