บทที่ 4 หยุดเอ่ยวาจาเลอะเลือน
บทที่ 4 หยุดเอ่ยวาจาเลอะเลือน
เมิ่งซูเหยาเดินตรงไปที่ตำหนักตนเองตามความทรงจำที่มีทว่าเมื่อนางเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึกว่าด้านหลังมีเสียงฝีเท้าของคนเดินตามมาอย่างรวดเร็ว นางกำลังจะหันกลับไปดูก็ต้องตกใจเมื่อจู่ ๆ ผู้ที่เดินตามหลังจับข้อมือของนางเอาไว้แถมยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้างแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่มีต่อนางราวกับว่ามิใช่ชินอ๋องที่เคยเย็นชามิสนใจนางเหมือนที่ผ่านมา
“เจ้ากลับมาแล้วหรือร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้างปลอดภัยดีหรือไม่แล้วเสี่ยวเออร์กับจิ้นเอ๋อเล่าอยู่ที่ใด” เมิ่งซูเหยาสะบัดข้อมือออกจากข้อมือหนาที่จับนางเอาไว้แน่น เอ่ยตอบเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาดทั้งสีหน้าเข้มขรึมจริงจังของนางทำให้เขาถึงกับสะท้านในใจ
“ท่านเคยสนใจไยดีหม่อมฉันกับลูกด้วยหรือเพคะ หรือเกรงกลัวว่าหม่อมฉันจะกลับมาเป็นหอกแทงใจขวางหูขวางตาทางรักของท่านกับพระชายารอง เจอท่านก็ดีเช่นกันหม่อมฉันมีเรื่องจะหารือกับท่านมากมายตามหม่อมฉันมาที่ตำหนักของมู่หลันเพียงชั่วครู่ ขอเวลาท่านไม่นานมากนักไม่ถึงหนึ่งเค่อหรอกเพคะ ช่วยเจียดเวลาของท่านให้หม่อมฉันเพียงเท่านี้คงมิทำให้ท่านแทบขาดใจหรอกใช่หรือไม่เพคะ” นางเอ่ยเสียงกระด้างดูคล้ายอดทนมานานแล้วจนอึดอัดคับใจเป็นอันมากยิ่งให้เขาใจของเขาเย็นยะเยือกไม่เหมือนที่ผ่านมา เสมือนลางบอกว่าครานี้นางมุ่งมั่นจริงจังเหลือเกิน
“ได้สิเจ้ามีเรื่องหารือกับข้าทำไมข้าจะให้เวลาเจ้ามิได้”
พูดจบจางอี้ซือเดินนำเมิ่งซูเหยาไปที่ตำหนักของนางโดยมิได้สนใจว่ายามนี้มีสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่อีกด้าน
"พระชายารองเพคะเหตุใดท่านไม่ตามท่านชินอ๋องไปล่ะเพคะ"
"ไม่ ... อย่างไรข้าก็ไม่กลัวและเชื่อว่าท่านพี่ไม่มีทางเชื่อนางหรอก ตอนนี้ข้าจะกลับตำหนักข้ามีเรื่องให้เจ้าทำ" หานเฟยเยี่ยเดินสะบัดกลับตำหนักของตนด้วยใจที่ร้อนรุ่ม นางต้องรายงานเรื่องนี้ให้ท่านพ่อได้ทราบเรื่องพร้อมหารือจัดการกำจัดเมิ่งซูเหยาให้หายจากโลกนี้ให้ได้
ตำหนักมู่หลัน
ภายในตำหนักที่เงียบสงบเหมยหลงสาวใช้ข้างกายเมิ่งซูเหยาตั้งแต่เป็นคุณหนูตระกูลเมิ่งจนตอนนี้นางได้เป็นพระชายา เดินไปมาทั่วตำหนักอย่างกระวนกระวายนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่นายหญิงของตนไม่กลับมาที่จวน ครั้นนางจะขอตามไปปรนนิบัติพระชายากลับให้อยู่ที่ตำหนัก
"พระชายาของข้ายามนี้ท่านอยู่ที่ใดเพคะ ข้าเป็นห่วงเหลือเกินคงมิได้เกิดอะไรขึ้นระหว่างทางกลับเหมือนที่ข้ากังวลหรอกนะเพคะ" นางกุมมือเดินไปมาจู่ ๆ นางได้ยินเสียงฝีเท้าอีกทั้งยังได้ยินเสียงสาวที่ดังเจี๊ยวจ๊าวด้านนอกนางรีบเดินออกมาดูหน้าตำหนักทันที
"พระชายาท่านไปอยู่ที่ไหนมาเพคะ หม่อมฉันเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้วคุณหนูกับคุณชายเล่าเพคะ"เมิ่งซูเหยาเห็นสาวใช้เดินมาหาใบหน้าแตกตื่นด้วยความยินดีปรีดาที่เห็นนายหญิงกลับจวน เมิ่งซูเหยาจึงตอบนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็น
"เกิดเรื่องนิดหน่อยเอาไว้ข้าจะบอกเจ้าภายหลัง ระหว่างนี้ข้ามีเรื่องจะหารือกับท่านอ๋องในตำหนักเจ้ารออยู่ด้านนอกจนกว่าข้าจะเรียกหา ส่วนเสี่ยวเออร์กับจิ้นเอ๋อยามนี้คงอยู่ที่ตำหนัก "
"เพคะพระชายาเช่นนั้นหม่อมฉันจะไปหาคุณชายและคุณหนูก่อนนะเพคะ" เหมยหลงก้มโค้งลงก่อนที่สายตาจะมองไปยังชินอ๋องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นานเท่าไหร่แล้วที่นางไม่เคยเห็นชินอ๋องมาที่ตำหนักนี้ หากจำได้ครั้งล่าสุดน่าจะเป็นตอนที่พระชายาให้กำเนิดคุณชายน้อยจิ้นเอ๋อ
ตอนนี้ภายในห้องโถงตำหนักมู่หลันจึงมีเพียงจางอี้ซือกับเมิ่งซูเหยา นางไม่ได้ให้เวลาผ่านพ้นไปอย่างไร้ประโยนช์ทันทีที่ประตูบานใหญ่ปิดลงนางเอ่ยปากในเรื่องที่นางต้องการทันที
“หม่อมฉันรู้ว่าที่ผ่านมาท่านมิเคยสนใจหรือรักหม่อมฉันเลย แต่ทว่ากับบุตรของท่าน ท่านทำลงได้อย่างไรกันช่างเป็นบุรุษที่ไร้ใจไร้ความเมตตาเสียจริง อยากอยู่กับพระชายารองจนต้องหาแผนการทำให้หม่อมฉันกับลูกต้องพบเจอเรื่องอันตรายระหว่างทาง เฮอะ! ที่เมื่อครู่ท่านรีบเดินเข้ามาเอ่ยถามหาเสี่ยวเออร์กับจิ้นเอ๋อเพราะเป็นกังวลว่าหม่อมฉันกับเด็กทั้งสองจะกลับมาขัดขวางความสุขท่านหรืออย่างไรกัน คงผิดหวังสินะเพคะที่หม่อมฉันพาบุตรทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องที่อยากจะพูดกับท่านมีเพียงเรื่องเดียว หย่าให้หม่อมฉันเถอะหม่อมฉันไม่อยากจะให้ลูกต้องมาพบเจอเรื่องอันตรายเช่นนี้อีก”
“ไม่!!! อย่างไรข้าก็ไม่มีทางจะหย่ากับเจ้า อย่าเอ่ยวาจาไร้สาระเช่นนี้อีก การที่เจ้ากับลูก ๆ อยู่ที่นี่ต่างหากคือหนทางที่จะไม่ให้เจ้าได้พบเจอเรื่องอันตราย” น้ำเสียงเข้มขรึมแฝงการยืนกรานห้ามโต้แย้งใด ๆ ใบหน้าของเขาเดาอารมณ์ไม่ออกเลยสักนิด
“หม่อมฉันไม่เข้าใจสักนิด ในเมื่อการที่มีหม่อมฉัรอยู่ที่นี่ก็เปรียบไม่มีท่านจะรั้งไว้เพื่อการใดกัน”
“พระชายาเจ้าจะไปรู้อันใด ตั้งแต่เจ้าแต่งเข้าจวนข้าไม่เคยอันใดกับเจ้าสักอย่างแต่เรื่องนี้ขอเถอะเชื่อข้าและอยู่อย่างเงียบ ๆ จะเป็นการดีต่อเจ้า ในเมื่อเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยจงพักผ่อนเถอะเรื่องความปลอดภัยข้าจะให้ทหารมาเฝ้าหน้าตำหนักเจ้าให้แน่นหนากว่าเดิม” สีหน้าของเขานิ่งสงบเก็บงำความคิดภายในใจก่อนจะเดินออกจากตำหนักโดยไม่สนคำพูดของเมิ่งซูเหยาที่เอ่ยมาเมื่อครู่เลย
‘แม้จะรู้ว่าเย็นชาแต่ไม่คิดเลยว่าจะเย็นชาถึงเพียงนี้ ในเมื่อไม่ยอมหย่าได้ไม่หย่าก็ได้แต่จะให้อยู่อย่างเงียบ ๆ เฉกเช่นอย่างเคยข้าคงมิอาจจะทำได้ศัตรูอยู่รอบกาย หากนิ่งเฉยเหมือนที่ผ่านมาคนที่ทำร้ายข้าคงได้ใจ ต่อจากนี้ข้าจะร้ายให้ดู’ เมิ่งซูเหยาครุ่นคิดในใจพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินสำรวจห้องของตนเองไม่นานนางกำนัลได้เข้ามาเตรียมน้ำให้นางได้แช่เพื่อล้างตัว เหมยหลงยามนี้ก็กลับมาแล้วรีบเข้ามาหาพระชายาด้วยความเป็นห่วง
