บทที่ 2 กลับจวน
บทที่ 2 กลับจวน
หญิงชราเดินมาที่กองไฟพร้อมผ้านวมสองผืนพอจะได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่จึงเอ่ยออกมาพร้อมยื่นผ้านวมให้ลี่หลิน
“ท่านเอาผ้านวมให้แก่บุตรของท่านเถอะ หากข้าเดาไม่ผิดได้ยินที่ท่านพูดเมื่อครู่ ท่านคงเป็นสตรีสูงศักดิ์บุตรสาวสกุลใหญ่โตสินะ สามีของข้าจะนำพืชผักที่เก็บเอาไว้ขายในฤดูหนาวเข้าเมืองเมื่อหิมะเบาลง ท่านก็จงพาบุตรของท่านเดินทางพร้อมสามีของข้าเสียสิ”
“ท่านผู้เฒ่าช่างมีเมตตานัก ข้าขอบน้ำใจท่านอีกครั้งนะเจ้าคะหากเป็นเช่นนั้นข้าจะไม่ขอให้ท่านทั้งสองช่วยเหลือโดยไม่ได้ตอบแทน นี่คือสิ่งที่ข้าขอมอบให้ท่านเพื่อเป็นการแทนคุณเจ้าค่ะ” ลี่หลินดึงปิ่นปักผมที่อยู่บนศีรษะยื่นมอบให้แก่หญิงชรา นางรู้ดีของพวกนี้มีราคามากกว่าผักที่จะนำไปส่งด้วยซ้ำหากนำไปขายคงได้ราคาดี
“ท่านเก็บไว้เถิดข้าช่วยเหลือเพราะสงสัยเด็ก ๆ ทั้งสอง”
“รับไว้เถอะนะเจ้าคะ ขอพวกนี้ไร้ค่ายิ่งนักหากไม่ได้ท่านผู้เฒ่าทั้งสองช่วยชีวิตข้ากับลูก” ลี่หลินยื่นปิ่นใส่มือเหี่ยวหยาบกระด้างพร้อมใช้มืออีกข้างประกบลงให้นางรับปิ่นจากมือของนาง
“เช่นนั้นข้าจะขอเก็บเอาไว้ เด็ก ๆ คงหิวมากสินะข้าจะไปเตรียมซุปให้ท่านสามแม่ลูกพากันพักอยู่ที่นี่จนกว่าหิมะจะเบาลงเถิดอย่าได้เกรงใจ มีห้องนอนที่ไม่ได้ใช้อยู่ห้องหนึ่งหลังจากที่ข้านำซุปมาให้จะไปเตรียมห้องนอนให้ก็แล้วกันนี่ก็ยามเซิน (16.00) แล้วแถมดวงอาทิตย์มิอาจจะโผล่พ้นพายุหิมะได้คงจะมืดเร็ว ข้าต้องเร่งมือหน่อยแล้ว” หญิงชราหยิบปิ่นปักผมเก็บเข้าเสื้อพลางเดินเข้าไปที่ห้องครัวทำซุปให้เด็ก ๆ รวมทั้งลี่หลินด้วย
“ท่านแม่ขอรับ ข้าคิดถึงเตียงนอนข้าคิดถึงแม่นม” เด็กชายเริ่มร้องไห้โยเยลี่หลินไม่รู้จะทำอย่างไรดึงตัวของเขามาโอบกอดแนบแน่นใช้มือลูบหลังเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา
“จิ้นเอ๋อเด็กดีเจ้าอย่าร้องเลย แม่อยู่ตรงนี้แล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม่จะพาเจ้าทั้งสองกลับจวนอย่างปลอดภัย เรื่องที่เกิดขึ้นข้าจะทำให้คนที่ทำกับเราชดใช้ให้หมด” เด็กชายพยักหน้าสวมกอดมารดาแน่นความอบอุ่นของนางทำให้เด็กชายหยุดร้องไห้ ลี่หลินเห็นความทรงจำทั้งหมดของเมิ่งซูเหยาและคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่นางกำลังจะกลับจวนเกิดอุบัติเหตุต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังคอยบงการเป็นแน่ เพราะไม่ว่าจะเป็นสารถีที่หายตัวไปอีกทั้งรถม้าที่ตอนนั่งมาเรือนสกุลเมิ่งยังไม่มีท่าทีจะพังแต่ขากลับดันเกิดพังได้ เรื่องนี้ต้องมีผู้บงการและมีสองคนที่นางสงสัยคือชินอ๋องสามีของนางที่ไม่เคยรักนางเลยมีเพียงความเย็นชา หรือจะเป็นอีกคนคือชายารองหานเฟยเยี่ยที่ต้องการกำจัดเมิ่งซูเหยากับบุตรของนางให้หายจากโลกใบนี้ ตอนนี้เมิ่งซูเหยามิใช่เมิ่งซูเหยาคนเก่าที่เป็นสตรีอ่อนแอยอมอยู่กับความเจ็บปวดที่สามีมอบให้อีกต่อไป แต่จะเป็นลี่หลินผู้ที่ทะลุมิติจากยุคปันจุบันมาอยู่ในร่างของเมิ่งซูเหยาพระชายาเอก ต่อจากนี้นางจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายบุตรและนางได้อีก นางจะขอใช้อำนาจของพระชายาเอกของชินอ๋องเพื่อปกป้องเด็ก ๆ ทั้งสอง หากชินอ๋องจางอี้ซือมิได้รักนางกลับไปครั้งนี้จะขอหย่าทันที
ไม่นานหลังจากนั้นหญิงชราได้เดินกลับมาพร้อมซุปหม้อเล็กในมือยังมีชามสามใบมาด้วย ลี่หลินเห็นอย่างนั้นรีบลุกขึ้นไปช่วยนางถือมาที่โต๊ะตัวเก่าที่ตั้งอยู่ตรงกลางเรือน
“ให้ข้าช่วยนะเจ้าคะ” หญิงชราพยักหน้ายื่นชามให้นางทันที
“ท่านพาบุตรของท่านกินให้อิ่มเถอะนะ ข้าจะไปจัดเตรียมที่นอนมาให้ เรือนของข้ามิได้มีของดี ๆ มากนักจะมีเพียงแค่ข้าวปั้นหมั่นโถวแข็ง ๆ ใช้กินกับซุปเพื่อประทังชีวิตไปก่อน”
“แม้มีเพียงเท่านี้ก็เปรียบเป็นอาหารมื้อที่ดีของข้ากับบุตรแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าขอบคุณท่านยายนะเจ้าคะ” เสี่ยวเออร์ก้มโค้งขอบคุณอย่างทราบซึ้งน้ำใจ
“ข้าด้วย ข้าขอบคุณท่านยายเช่นกันขอรับ หากกลับจวนข้าจะให้บ่าวรับใช้ส่งของกินที่ดีที่สุดมาให้นะขอรับ” จิ้นเอ๋อรีบก้มโค้งตามท่านพี่และบอกจะส่งอาหารในจวนของท่านพ่อมามอบให้แก่หญิงชรา นางมิได้เอ่ยอันใดยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินออกไปเตรียมที่นอนให้ทั้งสาม
ยามโหย่ว (18.00)
แสงสว่างด้านนอกเริ่มมืดสลัวลงในเรือนเริ่มจุดเทียนท่านตาสามีของหญิงชรากลับเข้ามาจากด้านนอกหลังจากที่เขาออกไปหาฟืนและอาหารมาไว้ให้ม้าได้ยินเรื่องของสามแม่ลูกก็สงสารทั้งสามแถมยังต้อนรับเป็นอย่างดีไม่ต่างจากท่านยายแม้แต่น้อย ค่ำคืนที่หนาวเหน็บได้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีลี่หลินจ้องมองเด็กทั้งสองหลังจากที่เด็กทั้งสองนอนหลับไปแล้วแต่ทว่านางกลับนอนไม่หลับ
“แม้ฉันไม่รู้ว่าการเป็นแม่ต้องการยังไง แต่เมื่อสวรรค์บันดานให้ฉันมาอยู่ในร่างนี้ต่อจากนี้ฉันจะเป็นแม่ให้พวกเธอเองและจะเป็นเมิ่งซูเหยาที่ไม่ยอมคนอีกต่อไป ความปลอดภัยของทั้งสองต้องมาเป็นที่หนึ่งในเมื่อมีอำนาจในมือฉันจะทำเพื่อปกป้องทั้งสองเอง” ลี่หลินพูดพึมพำปฏิญาณตนต่อจากนี้นางคือเมิ่งซูเหยามารดาของเด็กทั้งสอง
สองวันต่อมา
หลังจากที่ลี่หลินทะลุมิติมาอยู่ในยุคจีนโบราณนางเริ่มคุ้นชินไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือแม้แต่กิริยาที่เหมือนเมิ่งซูเหยาคนเดียวกันไร้ที่ติ
“เดินทางกันเถอะ กว่าจะถึงเมืองหลวงคงใช้เวลาอีกนานโชคดีจริง ๆ ที่ฟ้าเปิดให้แสงแดดออกมาทำให้หิมะละลายไปบ้าง” ชายชราพูดขึ้นหลังจากที่จัดเตรียมของขึ้นรถม้าของตนเสร็จสิ้น
“ท่านผู้เฒ่าข้าต้องขอขอบคุณท่านทั้งสองอีกครั้งที่ช่วยเหลือข้ากับบุตร หากไม่มีท่านป่านนี้ข้ากับเด็ก ๆ คงนอนหนาวตายไปแล้วบุญคุณครั้งนี้ข้ามิขอลืมเจ้าค่ะ เสี่ยวเออร์ จิ้นเอ๋อกล่าวลาท่านยายเถิดเราจะได้ออกเดินทาง”
“ท่านยายท่านดูแลตนเองด้วยนะขอรับ ข้าสัญญาหากกลับไปถึงที่จวนข้าจะส่งของกินมากมายมาให้ท่านยายกับท่านตาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือแม้แต่ขนม”
“เจ้านี่นะ ช่างเป็นเด็กช่างพูดช่างจาข้าขอเพียงเจ้ากลับถึงจวนอย่างปลอดภัยข้าก็พึงพอใจแล้ว”
“ท่านยายดูแลสุขภาพด้วยนะเจ้าคะ” เสี่ยวเออร์ก้มโค้งลงอย่างขอบคุณ หญิงชราโบกมือลาเด็กทั้งสองจ้องมองดูรถม้าเคลื่อนตัวออกจากเรือนจนลับสายตา
ยามนี้เมิ่งซูเหยากำลังมุ่งหน้าไปที่จวนชินอ๋องนัยน์ตาดำขลับจ้องมองไปเบื้องหน้าไร้ความกลัว นางจะต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ใดที่ประสงค์ร้ายหวังเอาชีวิตนางกับบุตรเช่นนี้
การเดินทางแม้จะใช้เวลาเนินนานก็สามารถมาถึงเมืองหลวง เมิ่งซูเหยานำกำไรหยกที่สวมใส่ยื่นให้ท่านตาและบอกให้ไปส่งนางที่จวนชินอ๋อง นางอยากรู้ยิ่งนักเมื่อไปถึงที่นั่นจะมีผู้ใดแสดงอาการตกใจหรือร้อนใจที่เห็นนางยังมีชีวิตอยู่บ้าง
“ท่านผู้เฒ่าช่วยพาข้ากับบุตรของข้าไปส่งที่จวนชินอ๋องจางอี้ซือที นั่นคือจวนที่ข้าอยู่”
“ได้สิขอรับ เอ้ย..พะย่ะค่ะกระหม่อมคิดว่าท่านเป็นบุตรสาวตระกูลร่ำรวยไม่คิดเลยว่าจะเป็นถึงพระชายาของชินอ๋องจางอี้ซือ” ชายชราพูดจาติด ๆ ขัด ๆ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงพระชายาแม้นางไม่บอกถึงตัวตนแต่เมื่อเห็นสิ่งของที่นางมอบให้ก็พอจะรับรู้
“ท่านมิต้องพูดจากับข้าเหมือนเป็นสตรีสูงส่งหรอกเจ้าค่ะ พูดเช่นเดิมเถิดเพราะท่านกับท่านยายข้าถึงกลับมาที่จวนชินอ๋องอย่างปลอดภัย” เมิ่งซูเหยารีบบอกให้ชายชราพูดตามเดิม ก่อนจะหันไปหาบุตรทั้งสองที่นั่งใจจดใจจ่ออยากกลับถึงจวน
“เสี่ยวเออร์ จิ้นเอ๋อต่อจากนี้เจ้าทั้งสองมิอาจไว้ใจผู้ใดได้ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นบิดาของเจ้า จงฟังคำสอนของแม่เอาไว้ผู้ที่หวังดีต่อเจ้าทั้งสองมีเพียงแม่เท่านั้น” น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แนวแน่ของเมิ่งซูเหยาบอกบุตรทั้งสองด้วยความเป็นห่วงเพราะต่อจากนี้นางไม่รู้เลยว่าการก้าวเข้าจวนชินอ๋องจะเป็นอย่างไรมิอาจจะไว้ใจผู้ใดได้หากยังไม่รู้ว่าผู้ใดคือผู้อยู่เบื้องหลัง เด็กทั้งสองพยักหน้าตอบรับคำพูดของมารดาก่อนจะนั่งเงียบนิ่งจนถึงจวนชินอ๋อง
