บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 หนาวเหน็บ

บทที่ 1 หนาวเหน็บ

สายลมพัดปะทะร่างเล็กนอนไร้สติอยู่บนแผ่นหิมะที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ข้างกายของนางมีสตรีตัวเล็กและยังมีเด็กชายเขย่ากายของนางปากพร่ำเรียกให้นางฟื้นขึ้นมาเพื่อหลบความหนาวเหน็บนี้

“ทะ..ท่านแม่ ท่านแม่ฟื้นได้แล้วข้าหนาว ข้ากลัวเหลือเกิน” เด็กชายเอ่ยออกมาพร้อมสะอึกสะอื้นน้ำเสียงสั่นเครือ สตรีที่โตกว่าดึงกายของเด็กชายมากอดแน่น ยามนี้นางมิอาจจะแสดงความหวาดกลัวให้เด็กชายเห็นได้เลย

“จิ้นเอ๋อเจ้าไม่ต้องกลัว ยังมีข้าอยู่ตรงนี้ข้าจะปกป้องเจ้าเองอีกไม่นานท่านแม่ต้องฟื้นเจ้าหยุดร้องไห้เถอะ”

“ขอรับท่านพี่” เด็กชายเชื่อฟังพี่สาวใช้มือเช็ดหยาดน้ำตาอย่างช้า ๆ

ฟิ้ว ฟิ้ว …สายลมโหมกระหน่ำมาระรอกใหญ่ร่างบางที่นอนไร้สติจู่ ๆ ลืมเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาอย่างช้า ๆ ความหนาวเหน็บกระทบกายจนหนาวถึงกระดูกแถมยังมีเสียงร่ำไห้ของเด็กอยู่ใกล้ ๆ ทำให้นางลืมตาขึ้นมาด้วยความสงสัย และเมื่อลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจส่งเสียงร้องออกมาสุดเสียง

“กรี้ดที่นี่ที่ไหน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเด็ก ๆ เราโดนจับตัวมาใช่มั้ย” เด็กทั้งสองเห็นมารดาฟื้นขึ้นมารีบกระโจนเข้าหาด้วยความดีใจ

“ท่านแม่ท่านฟื้นแล้ว ข้าดีใจที่สุดเลย”

“ท่านแม่ข้าคิดว่าท่านจะทิ้งข้ากับจิ้นเอ๋อเสียแล้ว อึก ๆ ฮื้อ ฮื้อ” เด็กหญิงไม่อาจจะปิดกลั้นความหวาดกลัวเอาไว้โผล่กอดท่านแม่อย่างโล่งใจ สตรีที่ถูกกอดถึงกับตกใจที่ถูกจู่โจมแต่ทว่าก็มิได้ผลักเด็กทั้งสองออกจากกาย นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นเศษรถม้าสภาพพังไม่มีชิ้นดี รอยแผลพกช้ำตามร่างกายของเด็ก ๆ ยิ่งทำให้นางเกิดความสับสน

‘ทำไมที่นี่เหมือนไม่ใช่ยุคที่ฉันอยู่เลยล่ะ อีกอย่างตอนนี้หน้าร้อนนี่น่า แล้วที่นี่ทำไมถึงมีหิมะตกแบบนี้ ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นของใช้เสื้อผ้ารวมถึงการพูดไม่เหมือนยุคปัจจุบัน อย่าบอกนะว่าตอนนี้ฉันทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณ’ นางคิดในใจอย่างไม่น่าเชื่อจู่ ๆ ความทรงจำของเจ้าของร่างได้แทรกเข้ามาให้นางได้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรือไม่ว่าจะเป็นอดีตมากมายของเจ้าของร่างนี้ให้นางได้รู้หมดทุกสิ่งอย่าง

เจ้าของร่างเป็นสตรีรูปงามไร้ที่ติแถมยังเป็นบุตรสาวเพียงผู้เดียวของท่านใต้เท้าสกุลเมิ่งนามว่า เมิ่งซูเหยา นางได้รับพระราชทานให้แต่งงานกับชินอ๋องนามว่า จางอี้ซือ แต่ทว่าเขามิได้รักและไยดีนางแม้แต่น้อย แรกแต่งนางเข้าจวนทำราวกับนางเป็นพระชายาเพียงตำแหน่ง ทว่าคืนหนึ่งหลังเขากลับมาจากวังหลวงดื่มด่ำสุราจึงเข้าห้องนอนของนาง ให้กำเนิดบุตรสาวคนแรกนามว่า เสี่ยวเออร์ เขามิได้รู้สึกผิดเพราะอย่างไรนางก็เป็นพระชายาของตน อยู่กันมาจนเสี่ยวเออร์ได้สองหนาว เขาทำให้นางกำเนิดบุตรชายอีกหนึ่งคนนามว่า จิ้นเอ๋อ วันเวลาผ่านมาสองปีหลังจากที่นางให้กำเนิดบุตรทั้งสองจางอี้ซือกลับพาสตรีที่ยังดูเด็กและงดงามราวดอกไม้แรกแย้มเข้ามาในจวน ตอนนั้นทุกอย่างในจวนเริ่มเปลี่ยนไปและมาถึงเหตุการณ์ที่นางและบุตรทั้งสองพบเจอกันยามนี้

ลี่หลินสาวออฟฟิศมุ่งมั่นในการทำงานไม่ลางานสักวันจนร่างกายเจ็บป่วยแต่เธอยังดึงดันไปทำงานเพราะความยากจนที่เคยผ่านมา ทำให้เธอมีกินมีใช้เพราะความขยันแต่แล้วโชคร้ายก็เกิดกับเธอเมื่อเธอไปทำงานวันนี้ใครจะรู้ว่าจะเป็นวันสุดท้ายเพราะเธอไข้สูงชักจนหมดสติเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้ลี่หลินรู้ทุกอย่างแล้วว่าตัวเองทะลุมิติมาอยู่ในร่างขื่นขมของสตรีนามว่าเมิ่งซูเหยา ในเมื่อมีโอกาสที่มีชีวิตอยู่อีกครั้งเธอจะทำให้ดีที่สุดการพูดลักษณะท่าทางพวกนี้ไม่ยากนักที่เธอจะค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย เธอใช้มือโอบกอดเด็กทั้งสองปลอบประโลมให้เด็ก ๆ เลิกหวาดกลัว

“อย่าร้องเลยข้าจะทิ้งพวกเจ้าทั้งสองไปได้อย่างไร เรารีบลุกออกจากที่นี่ก่อนที่หิมะจะตกแรงกว่าเดิมกันเถอะ” และเหมือนเด็กทั้งสองจะไม่สงสัยเคลือบแคลงรีบลุกขึ้นตามที่มารดาบอก ตอนนี้ลี่หลินเจ็บระบมไปทั้งร่างกายแต่ก็ต้องรีบลุกพาเด็กน้อยทั้งสองไปหาที่หลบหนาวเสียก่อน นางจ้องมองไปรอบ ๆ ไม่แทบจะเห็นหนทางข้างหน้าเลยแม้แต่น้อยเพราะหิมะตกขาวโพลนไปหมด

“ค่อย ๆ เดินตามข้ามาแล้วกัน” ลี่หลินบอกแก่เด็กทั้งสองพาก้าวเดินอย่างเชื่องช้า เสมือนความโชคร้ายยังมีความโชคดีหลงเหลืออยู่เดินมาได้สักพักนางเหลียวไปเห็นเรือนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหิมะเห็นควันไฟออกจากเรือนที่นั่นคงมีผู้คนอยู่ที่นั้นเป็นแน่

“เด็ก ๆ อดทนต่อความหนาวอีกสักประเดี๋ยวข้าเห็นเรือนอยู่ด้านหน้าเราจะเข้าไปขอหลบความหนาวกัน”

“จริงหรือขอรับท่านแม่ ขอดีใจมาก ๆ เลย” เด็กชายจมูกแดงก่ำร่างกายสั่นเทาด้วยความหนาวคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้าเมื่อได้ยินว่ามีที่หลบหนาว ทั้งสามย่างเท้าอย่างเร่งรีบไปที่เรือนหลังเล็ก

ก๊อก ๆ ลี่หลินเคาะประตูเพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่นานนักประตูได้เปิดออกหญิงชราท่าทางใจดีมีเมตตาจ้องมองมายังนางพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ? ดูจากการแต่งตัวคงมิใช่ชาวบ้านแถวนี้สินะ”

“ท่านผู้เฒ่าข้ามิใช่คนแถวนี้เจ้าค่ะ ข้ากำลังเดินทางกลับเรือนทว่าระหว่างทางเกิดเรื่องทำให้รถม้าของข้าพังไม่เหลือชิ้นดี ข้าจะขอที่หลบหนาวให้ข้ากับลูกของข้าสักคืนได้หรือไม่เจ้าคะ ข้ามิใช่คนร้ายหรือมีเจตนาไม่ดีท่านผู้เฒ่าโปรดเมตตาเราสามแม่ลูกด้วยเถิด” ราวกับว่าร่างกายความรู้สึกของลี่หลินกับเมิ่งซูเหยาประสานกันคำพูดกิริยาท่าทางคลายสตรีสูงส่งโดยมิต้องแสดงหรือต้องหัด หญิงชรายิ้มกว้างเปิดประตูให้ทั้งสามเข้ามาด้านใน

“เข้ามาเถิดข้ามิใช่คนไร้ใจเมตตา พวกเจ้าทั้งสามคงหนาวมากสินะเข้ามานั่งใกล้กองไฟก่อนเถิดข้าจะหาผ้านวมมาให้ห่มกายและจะหาซุปร้อน ๆ ให้กิน”

“ข้าขอบคุณท่านผู้เฒ่ามากเจ้าค่ะ บุญุคุณครั้งนี้ข้าจะไม่ลืม” ลี่หลินจับมือเด็ก ๆ เข้ามาในเรือนเดินตามผู้เฒ่าไปที่กองไฟ ความอบอุ่นภายในบ้านรวมทั้งการต้อนรับของหญิงชราทำให้เด็ก ๆ เริ่มอบอุ่นกันขึ้นบ้าง

“ท่านแม่เราจะกลับจวนกันอย่างไรหรือเจ้าคะ รถม้าก็ไม่มีแถมสารถีก็หายตัวไป” เสี่ยวเออร์ที่ยื่นมืออังไฟเพื่อบรรเทาความหนาวเอ่ยถามมารดาด้วยความอยากรู้ ลี่หลินจ้องมองเด็กหญิงที่มีอายุเจ็ดหนาวพลางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“เจ้าไม่ต้องห่วงอย่างไรข้าจะต้องกลับไปที่จวนให้ได้ ตอนนี้เจ้าทำให้ร่างกายอบอุ่นก่อนเถอะนะ” ลี่หลินพูดพร้อมลูบหัวของเด็กทั้งสองด้วยความรักแม้จะไม่เข้าใจตัวเองทว่าร่างกายและความรู้สึกข้างในผูกพันกับเด็กทั้งสองนี่นัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel