บทที่หนึ่ง สตรีพรหมจรรย์
หนึ่งเดือนผ่านไป
ซุนเพ่ยเหวิน หรือนามใหม่คือลี่อินใช้ชีวิตอยู่ในหอนางโลมสุ่ยเซียนฮวา ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซีสูพื้นที่แถบเหนือสุดของแคว้นเซี่ย
หอนางโลมแห่งนี้เป็นสถานที่รื่นเริงขึ้นชื่อของดินแดนแถบเหนือ นับวันกิจการยิ่งเติบโตก้าวหน้าจนเป็นหนึ่งในสามหอนางโลมชั้นนำที่บุรุษทั้งในเมืองและต่างเมืองเดินทางมาท่องเที่ยวยามราตรีที่นี่จำนวนมากไม่ขาดสาย
สาเหตุที่หอนางโลมแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้อย่างโจ่งแจ้งถ้าบอกว่าเป็นเพราะตั้งอยู่ที่เมืองซีสูก็คงไม่ผิด เพราะเมืองนี้นับวันยิ่งอ่อนกำลัง เจ้าหน้าที่ทางการไร้ความสามารถมิอาจควบคุมยับยั้งการเติบโตของธุรกิจผิดกฎหมายได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทางการรวมถึงบรรดานายอำเภอ เจ้าเมืองปกครองที่นี่นั้นมีอำนาจเท่าหยิบมือเมื่อเทียบกับอำนาจของสำนักฉวนเจิน มหาอำนาจที่แท้จริงแห่งเมืองซีสู
ตั้งแต่สำนักฉวนเจินเปลี่ยนผันประมุขมาเป็นคนปัจจุบันตั้งแต่เมื่อสามสิบปีก่อน อำนาจของสำนักแห่งนี้ก็เพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้เหล่าทางการเมืองซีสูต้องเกรงใจ แน่นอนว่านายหญิงเจ้าของหอนางโลมสุ่ยเซียนฮวานั้นก็หันมาจ่ายส่วยพึ่งใบบุญสำนักฉวนเจินแห่งนี้เพื่อขยายกิจการมาช้านาน
ลี่อิน สตรีวัยสิบหกปีผู้มักมีเนื้อตัวมอมแมม ร่างกายอ่อนแอ สองวันดีสี่วันไข้ขึ้นตัวร้อนฉ่าจึงทำให้หญิงสาวที่แม้หน้าตาสะสวยเกินคณิกาคนใดทว่ากลับไม่ถูกมามาเรียกตัวไปทำงานสักที
ตลอดหนึ่งเดือนนี้ลี่อินจึงมีหน้าที่หลักคือทำความสะอาดห้องพักของเหล่าคณิกาดาวเด่นเพียงเท่านั้น
“ลี่อิน เจ้าทำความสะอาดได้ดีจริง ๆ ข้าให้เจ้าหนึ่งอีแปะเป็นรางวัล เอาไว้ไปซื้อขนมกิน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่อ้ายเย่ว”
รอยยิ้มน่าเกลียดจากความจงใจของซุนเพ่ยเหวินในร่างลี่อินยิ้มให้คณิกาผู้งดงามเบื้องหน้าหลังจากทำความสะอาดห้องของอีกฝ่ายเสร็จเตรียมออกจากห้องอย่างเช่นทุกที
นางอยู่รอดไม่ต้องขายเรือนร่างเป็นเพราะท่าทางอ่อนแอ ไร้พิษสงเช่นนี้แหละ ดีที่มีความทรงจำวิชาแพทย์จากชาติที่แล้วติดตัวมาด้วยดังนั้นนางจึงหาวิธีทางเพื่อนำเงินไปซื้อสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทำให้คนที่กินเข้าไปร่างกายร้อนผ่าว เหงื่อออกเหมือนคนเป็นไข้หนักใช้หนทางนี้เอาตัวรอดจากสายตาของมามาร่วมหนึ่งเดือนแล้ว
ลี่อินยังไม่ตัดสินใจหนีออกจากที่แห่งนี้เพราะคิดจะเก็บสะสมเงินให้ได้จำนวนหนึ่งก่อนค่อยหนีออกไปใช้ชีวิตข้างนอกที่นางไม่รู้จักเลยสักนิด อย่างน้อยการอยู่ที่นี่นางก็มีงานทำ มีอาหารให้กินประทังชีวิตและมีที่อยู่อาศัยปลอดภัย
เวลานี้หญิงสาวเดินต่อเนื่องไปยังห้องพักห้องถัดไปเพื่อทำงานของตนเองต่อเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
หากแต่วันนี้ไม่เหมือนทุกวันน่ะสิ ลี่อินไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าอีกไม่นานในอนาคตข้างหน้าของตัวเองนั้นจะมีบางสิ่งบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงโดยที่ลี่อินไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
อีกด้านหนึ่งในหอนางโลมสุ่ยเซียนฮวา สตรีเจ้าของใบหน้าขาววอกเพื่อกลบความเหี่ยวย่นตามวัยสังขารของตัวเอง ริมฝีปากสีแดงชาด พวงแก้มและเปลือกตาล้วนแต่งแต้มด้วยสีสันราวกับผีเสื้อตัวเมียเพื่อดึงดูดความสนใจของตัวผู้
เจียวซือมามา หรือนายหญิงผู้ดูแลสูงสุดของหอนางโลมแห่งนี้กำลังนั่งหันหลังให้คนของตัวเอง เบื้องหน้าเป็นคันฉ่องทองเหลืองเอาไว้ส่องดูความงามของตน
“วันนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง ยังป่วยตัวร้อนอีกหรือไม่”
“เมื่อคืนนางตัวร้อนระอุ ทว่าเมื่อเช้าข้าลอบอังบนมือหน้าผากของนางแล้วพบว่าไม่ร้อน คิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่ลี่อินไม่ได้เป็นไข้เจ้าค่ะ”
ที่แท้แล้วสตรีที่กำลังรายงานความเคลื่อนไหวของลี่อิน สตรีที่ถูกเก็บมาเลี้ยงคือสตรีวัยกลางคนหนึ่งในมามาของหอที่เมื่อเช้าเข้าไปปลุกลี่อินให้ตื่นจากจากนิทราทุกเช้านั่นเอง
“ดียิ่ง ข้าคิดเอาไว้แล้วไม่มีผิดว่าสวรรค์จะต้องเข้าข้างข้า และช่วยรักษาร่างกายนางให้หายป่วยทันวันงานยิ่งใหญ่ของหอเรา”
“มามาจะให้เด็กนั่นเป็นสินค้าในการประมูลคืนนี้หรือเจ้าคะ ท่านแน่ใจหรือว่านางจะไม่ล้มคอพับไปเสียก่อนโดนประมูล”
“ข้าคิดไว้ดีแล้ว ข้าช่วยเหลือสตรีใบหน้างดงามผู้นั้นมาเพื่อใช้งาน ในเมื่อนางร่างกายอ่อนแอเช่นนั้นข้าคงไม่สามารถปั้นนางให้เป็นยอดคณิกาได้ ทว่าข้าไม่เคยลงทุนสิ่งใดแล้วไม่หวังกำไร ในเมื่อข้าเสียเงินค่ายารักษานางมาตั้งกี่ตำลึง ขืนปล่อยไว้ก็มีแต่เป็นภาระของข้า...ไม่สู้ข้ารีบขายนางออกให้บุรุษกระเป๋าหนักไม่ดีกว่าหรือ ใบหน้างดงามเช่นนั้นคงจะขายได้หลายตำลึงเชียว”
“จริงด้วย ข้าเห็นด้วยกับมามาเจ้าค่ะ นางไม่ทนมือทนเท้า ไม่แน่ว่าหากเราให้นางฝืนรับแขกอาจได้ตายคาอกของลูกค้าสักคนตั้งแต่คืนแรกเป็นแน่”
“อืม คืนนี้ในงานประมูลใต้ดินข้าจะส่งสตรีพรหมจรรย์ผู้แสนไร้เดียงสาให้ลูกค้าทั้งหลายประมูล ข้าคิดว่าลูกค้าของข้าคงถูกใจไม่น้อยทีเดียว เจ้าไม่ต้องแจ้งเรื่องนี้แก่นาง เพียงให้คนจับนางล้างเนื้อล้างตัวแช่น้ำอาบ และแต่งหน้าแต่งตัวให้นางแล้วบอกว่าคืนนี้ข้ามีงานสุดท้ายมอบหลายให้นางทำเพื่อทดแทนบุญคุณกับข้าก็พอ สตรีที่โง่งมอ่อนแออย่างลี่อินคงคิดตามไม่ทันพวกเจ้าหรอก”
“รับคำสั่งเจ้าค่ะมามา”
เวลาเดินมาถึงต้นยามไฮ่ ค่ำคืนวันนี้ที่ชั้นใต้ดินของหอนางโลมสุ่ยเซียนฮวามีจัดงานประมูลสาวงามประจำปี คนที่รู้ข่าวการจัดงานจะมีแต่ลูกค้าสูงศักดิ์ที่ได้รับเทียบเชิญให้มาร่วมงานเท่านั้น
ลูกค้าสูงศักดิ์ส่วนใหญ่เป็นเหล่าคุณชาย พ่อหม้าย หรือแม้กระทั่งบุรุษที่มีฮูหยินแล้วทว่าสนใจอยากรับอนุภรรยาคนงามไปเพิ่มจากทั้งตระกูลขุนนาง หรือไม่ก็จากตระกูลมากล้นเม็ดเงินร่ำรวยทองของมีค่า ซึ่งงานในค่ำคืนนี้เพิ่มความพิเศษเข้าไปอีกเมื่อมีตัวแทนจากสำนักฉวนเจินผู้ยิ่งใหญ่ตอบรับเข้าร่วมงานด้วย
ดังนั้นในชั้นใต้ดินจึงเต็มไปด้วยลูกค้าที่มีผู้ติดตามอย่างน้อยห้าคนนั่งเรียงรายอยู่บนอัศจรรย์ครึ่งวงกลมล้อมรอบเวทีตรงกลางเบื้องล่าง เนืองแน่นบนม้านั่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้นั่งสบายเนื่องจากเวลานี้ใกล้ถึงเวลาเปิดงานประมูลแล้วนั่นเอง
“วันนี้คนมากันมากกว่าทุกปี เห็นทีหอนางโลมสุ่ยเซียนฮวาคงจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง”
หนึ่งในลูกค้าผู้เข้าร่วมประมูลเอ่ยกับคนรับใช้จากหอนางโลมที่คอยดูแลตนเองด้วยสีหน้าหยิ่งผยองเต็มที่ สายตาถือดีกวาดสายตามองคนรับใช้อย่างดูถูกทว่าคนถูกมองถูกสั่งสอนมาดีจึงไม่แสดงท่าทีไม่พอใจตอบกลับแถมยังยิ้มละไมให้ลูกค้าที่ตนเองดูแล
“รับรองว่าหอนางโลมของเราไม่ทำให้คุณชายผิดหวังขอรับ วันนี้การประมูลของพวกเราไม่เหมือนปีก่อนที่จะนำยอดคณิกามากความสามารถมาให้ทุกท่านแย่งชิงซื้อพวกนางกลับไปเสวยสุข ปีนี้ทวีความพิเศษยิ่งกว่าคือหนึ่งในยอดคณิกาคนงามนั้นเป็นสตรีพรหมจรรย์ขอรับ อายุของนางเพิ่งย่างเข้าวัยสิบหกหนาวเท่านั้น”
“จริงรึ”
“จริงสิขอรับ ข้าน้อยเพิ่งเคยเห็นแม่นางผู้นั้นจากที่ไกล ๆ ใบหน้านางงามล้ำ ผิวกายขาวนวลดุจดอกบัวขาวที่เพิ่งโพล่พ้นผืนน้ำขึ้นมาขอรับ”
“นางต้องเป็นของข้าแน่”
คุณชายที่โดนคนรับใช้ผู้ดูแลกระตุ้นความอยากกระหายในจิตใจ บุรุษคนนั้นถึงกับยิ้มกริ่ม เลียริมฝีปากไม่หยุด ก้นใหญ่นั้นแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้เพราะเฝ้ารอสาวงามพรหมจรรย์ไม่ไหวเสียแล้ว
ข่าวลือเรื่องคืนนี้คณิกาที่ถูกนำมาประมูลคือสตรียังไม่เคยผ่านมือชายใดแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว จากตอนแรกมาร่วมงานด้วยใจที่ตื่นเต้นเพียงเล็กน้อย บางคนเพียงมาร่วมงานเพื่อร่วมสนุกเชยชมสตรีงามในวันนี้เท่านั้นทว่าเวลานี้มีใครบ้างที่ไม่อยากลิ้มลองรสชาติของสตรีบริสุทธิ์อีกทั้งยังงดงามอย่างแน่นอนหากสามารถผ่านมาตราฐานของหอนางโลมแห่งนี้ได้
ใช้เวลาไม่นานเวลาก็เดินทางมาถึงช่วงเวลาสำคัญคือช่วงเวลาแห่งการแสดงสินค้าที่ใช้ประมูลในวันนี้ บนเวทีข้างล่างอัศจรรย์ล้อมเอาไว้นั้นมีสตรีสามคนเดินขึ้นมา
สองคนนั้นเป็นคณิกาสาวงามที่ลูกค้าของหอนางโลมสุ่ยเซียนฮวาล้วนเห็นหน้าค่าตาบ่อยครั้งเพราะพวกนางทำหน้าที่เป็นนางรำคนงามประจำหอ ทว่าวันนี้ดูท่าว่าจะเปลี่ยนหน้าที่ชั่วคราวมาเป็นพี่เลี้ยงของสินค้าในวันนี้จึงเดินพยุงร่างอ้อนแอ้นในชุดสีม่วงปักดิ้นสีเหลืองอร่ามลายนกนางนวลกำลังโบยบินเล่นกับผิวน้ำ
บนศีรษะของสตรีคนสุดท้ายสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้าที่กล่าวขานกันว่างามนักไว้อย่างมิดชิด
“แม่นางผู้นี้นามว่าลี่อิน วัยสิบหกหนาว นายหญิงของหอนางโลมสุ่ยเซียนฮวาเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่นางยังเล็กนับว่านางเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพี่น้องคณิกาของหอเรา เจียวเอ๋อร์จึงอยากขอความกรุณาจากลูกค้าทุกท่านได้โปรดเอ็นดูน้องน้อยของพวกเราด้วยเจ้าค่ะ”
อาเจียวสตรีที่ยืนพยุงสตรีงามภายใต้ผ้าคลุมเอ่ยเสียงดังกังวานกับแขกทุกท่านด้วยท่าทางราวกับกำลังหวงแหนสินค้ามีชีวิตผู้นี้ทว่าความเป็นจริงแล้วเป็นเพียงบทพากษ์โรงงิ้วที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าก็เท่านั้น
“ลี่อินยังเด็กนัก ความไร้เดียงสาของนางอาจทำให้พวกท่านขุ่นเคืองหมองใจทว่าไม้แก่ดัดยาก ไม่อ่อนดัดง่ายหากบุรุษท่านใดได้รับไปดูแลรบกวนฝากนายท่านอบรมสั่งสอนน้องน้อยของพวกเราด้วยนะเจ้าคะ”
คณิกาขวามือกล่าวเสริมพร้อมกับออกแรงแผ่วเบาลูบไหล่มนเปลือยเปล่าด้วยเพราะอาภรณ์ที่สินค้าผู้นี้สวมใส่นั้นทั้งเว้าแหว่งเป็นส่วนใหญ่เพื่อเผยผิวขาวราวกับน้ำนมให้แก่ลูกค้ากระเป๋าหนักทุกท่าน
“ท่านประมุขน้อยสนใจร่วมประมูลตัวนางด้วยหรือไม่ขอรับ”
