บทที่ 5 แผนการขั้นแรก
บทที่ 5
แผนการขั้นแรก
เช้าวันต่อมา...
เหวินหยวนได้มาที่บ้านจ้าว ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมรอยยิ้ม ท่าทีของเขาดูอบอุ่นและอ่อนโยน ทว่าดวงตากลับไม่ได้มองจ้าวซีซีแม้แต่น้อย เพราะสายตาของเขาแอบเหลือบไปทางที่จ้าวมู่อิงยืนอยู่ด้านหลังพี่สาวอย่างแนบเนียน
จ้าวซีซีรับรู้ถึงทุกการกระทำของเขา เธอหัวเราะเยาะในใจอย่างเย็นชา แต่ยังคงรักษาท่าทีอ่อนแอเช่นเคย พลางพูดคุยกับ
เหวินหยวนด้วยน้ำเสียงเรียบร้อยไม่ผิดไปจากเดิม
ไม่นานนักจ้าวหมิงหมิงก็เดินเข้ามา ซึ่งมาในจังหวะ
ที่เหมาะสม จ้าวหมิงหมิงมาพร้อมกับท่าทีแข็งกร้าว เธอไม่ปิดบังความไม่พอใจที่มีต่อจ้าวซีซีเลยแม้แต่น้อย
และนี่ก็เป็นโอกาสที่จ้าวซีซีรออยู่!
“เสี่ยวหมิง วันนี้พี่เหวินหยวนมาเยี่ยมพี่ แต่ดูเหมือนเขาจะสนใจเสี่ยวอิงมากกว่านะ” หญิงสาวกระซิบข้างหูของจ้าวหมิงหมิงเพื่อให้ได้ยินกันสองคน ซึ่งคำพูดนั้นแฝงไปด้วยความตั้งใจ เพราะเธอคิดแผนบางอย่างได้
จ้าวหมิงหมิงชะงักเล็กน้อย พร้อมกับหรี่ตาลงอย่างระแวง ราวกับกลัวว่าญาติผู้พี่คนนี้จะมีแผนการชั่วอะไรอีก
“อะไรของเธอ”
จ้าวซีซีรีบส่ายหน้า แล้วแสร้งทำเป็นหวาดกลัว
“ก็แค่พูดไปตามที่เห็น ไม่เชื่อลองสังเกตดูสิ”
แม้ตอนแรกจ้าวหมิงหมิงจะไม่เชื่อ แต่เพราะความขี้อิจฉาเลยทำให้ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ จึงแอบเฝ้าสังเกตเหวินหยวนกับจ้าวมู่อิง และไม่นานนักก็พบความจริงที่ทำให้เลือดขึ้นหน้า เพราะทั้งสองลอบส่งสายตาให้กันจริง ๆ
เมื่อเห็นกับตาตัวเองแล้วว่า เหวินหยวนที่เธอหมายปอง
มาตลอด กลับมีสายตาอ่อนโยนให้กับจ้าวมู่อิงญาติของตัวเอง
จ้าวหมิงหมิงจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธแค้น
‘ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ นังเสี่ยวอิง’
เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวหมิงหมิง จ้าวซีซีจึงยิ้มเยาะในใจ เพราะแผนการที่วางไว้ประสบผลสำเร็จบางส่วนแล้ว เหลือเพียง
ก็แต่ให้ทั้งสองตีกันเอง
และนับแต่นั้นมาจ้าวหมิงหมิงจึงเปลี่ยนเป้าหมายของความเกลียดชังจากจ้าวซีซีไปที่จ้าวมู่อิงแทน
เธอเริ่มจับผิดจ้าวมู่อิงทุกอย่าง ไม่ว่าจ้าวมู่อิงจะทำอะไรก็จะถูกจ้าวหมิงหมิงหาเรื่องเล่นงานเสมอ ทั้งพูดแดกดัน ทั้งกลั่นแกล้ง ทั้งเสียดสีอย่างไม่เกรงใจ
ปกติแล้วเมื่อใดก็ตามที่จ้าวมู่อิงถูกกลั่นแกล้ง และพี่สาวอย่างจ้าวซีซีในอดีตยืนอยู่ตรงนั้นก็มักจะต้องรับเคราะห์แทนเสมอ
ทว่าในครั้งนี้กลับเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อจ้าวซีซีเลือกที่จะ
เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ เธอแกล้งทำเป็นไม่รับรู้และหาทางหลบเลี่ยงจากสถานการณ์ตรงหน้าได้ตลอด
เมื่อไม่มีพี่สาวคอยช่วยเหลือ จ้าวมู่อิงก็ต้องรับเคราะห์ไป
เต็ม ๆ แต่เพราะยังต้องรักษาภาพลักษณ์อ่อนหวานและแสนดีต่อหน้าผู้อื่น จ้างมู่อิงจึงไม่สามารถตอบโต้จ้าวหมิงหมิงได้ตรง ๆ
ความอึดอัดและความคับข้องใจเริ่มสะสมมากขึ้น จนในที่สุดก็ตัดสินใจเล่นบทเหยื่อ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเหวินหยวน
จึงแสร้งทำเป็นน้อยใจ และอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
อย่างเช่นวันนี้ที่กลางลานบ้าน เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงโวยวายของจ้าวหมิงหมิง
“อาอิง เธอไม่รู้หรือว่าฉันกำลังจะใช้กะละมังนั่น”
เสียงนี้ทำให้จ้าวมู่อิงสะดุ้งเฮือก หันไปมองญาติผู้พี่ที่มีสีหน้าถมึงทึง สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“ฉัน… ฉันไม่รู้…” เธอรีบพูดเสียงสั่น พยายามทำเป็นไม่รู้เรื่อง
แต่จ้าวหมิงหมิงไม่คิดจะปล่อยไปง่าย ๆ
เพียะ!
เสียงฝ่ามือฟาดลงบนไหล่ของจ้าวมู่อิงดังขึ้นอย่างแรง ทำให้ร่างของเธอเซถอยไปเล็กน้อย ใบหน้าซีดลงแต่ยังคงฝืนยิ้มอย่างอ่อนหวานออกมา
“พี่หมิงหมิง ฉันขอโทษ…” หญิงสาวแสร้งทำเสียงอ่อนเสียงหวาน และมีท่าทีหวาดกลัว
ทว่าจ้าวหมิงหมิงกลับไม่สนใจ แต่เธอกลับเหยียดยิ้มเดินเข้ามาใกล้จ้าวมู่อิงอย่างคุกคาม แล้วใช้ปลายนิ้วสะกิดที่หน้าผากและผลักหัวของอีกฝ่ายจนถอยหลังไปอีกก้าว
“คิดว่าทำตัวน่าสงสารแล้วฉันจะยกโทษให้หรือไง”
จ้าวมู่อิงกัดริมฝีปากแน่น เธอรู้ว่าถ้ายืนนิ่งหรือว่ายืนอยู่เฉย ๆ จะต้องถูกกลั่นแกล้งหนักกว่านี้แน่ จึงเตรียมจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก่อนที่จะได้ส่งเสียงก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ประตูบ้าน
เหวินหยวนที่เดินเข้ามาพอดี พลางหยุดยืนอยู่ที่ลานบ้าน สายตาของเขามองเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน
นั่นคือจ้าวหมิงหมิงกำลังกดขี่ข่มเหงจ้าวมู่อิงอยู่ จึงได้พูดขึ้นอย่างเย็นชา
“เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเห็นโอกาสตรงหน้า จ้าวมู่อิงก็รีบสะอื้นออกมาทันที
“พี่เหวินหยวน…ฮืออ…พี่หมิงหมิงรังแกฉัน ฉันก็แค่หยิบกะละมังออกมาใช้ ถ้าพี่หมิงหมิงจะใช้ก็แค่บอกฉันดี ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำกันถึงขนาดนี้เลย” เธอทำท่าจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น ท่าทางอ่อนแอไร้ที่พึ่งพา
เหวินหยวนขมวดคิ้วดวงตาของเขาฉายแววลังเล
จ้าวหมิงหมิงเองก็หน้าซีดเมื่อเห็นชายหนุ่ม จึงรีบแก้ตัวทันที
“พี่อย่าไปเชื่อเธอ จ้าวมู่อิงไม่ได้อ่อนแอแบบที่พี่คิดหรอก
ก็แค่เสแสร้งเท่านั้น” แต่ยิ่งพูดมากเท่าไรคนที่ดูแย่ลงกลับเป็นเธอเอง เพราะจ้าวมู่อิงเอาแต่สะอื้นอย่างน่าสงสาร จ้าวหมิงหมิงที่ยืน
ชี้หน้าด่าอีกฝ่ายจึงดูเหมือนตัวร้ายไปโดยปริยาย
ห่างออกไปเล็กน้อย จ้าวซีซียืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดโดยไม่พูดอะไร เธอไม่ได้ช่วยเหลือจ้าวมู่อิงเหมือนเจ้าของร่างเดิม เพียงแค่ยืนดูเงียบ ๆ ดวงตาฉายแววเย็นชาเล็กน้อย
เหวินหยวนทอดสายตามองจ้าวมู่อิงที่ยังร้องสะอื้นด้วยท่าทีอ่อนแอจนน่าเข้าไปโอบอุ้ม ในใจของชายหนุ่มคิดว่าเธอเหมือนดอกบัวขาวบริสุทธิ์ที่ต้องเผชิญกับสายลมพายุ ทั้งน่าสงสารและ
น่าทะนุถนอมยิ่งนัก
ในสายตาของเขาจ้าวมู่อิงเป็นหญิงสาวที่งดงาม และอ่อนโยน เธอมีผิวพรรณขาวนวล มือเรียวเล็กที่ดูราวกับไม่เคยทำงานหนัก ซึ่งต่างจากจ้าวซีซีที่แม้จะมีใบหน้าสวย แต่กลับดู
ซูบผอม ผิวกร้านแดดและหยาบกระด้าง มือสองข้างเต็มไปด้วยรอยด้านจากการทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็มอมแมม ไม่ได้มีความงดงามอ่อนหวานเหมือนกับจ้าวมู่อิง
ถ้าหากต้องเลือก ชายหนุ่มย่อมต้องการจ้าวมู่อิงมากกว่า แต่เขารู้ดีว่า…ตนเองนั้นไม่มีสิทธิ์เลือก
ครอบครัวของเหวินหยวนอาศัยอยู่ในเมือง แม้ภายนอกจะ
ดูดี แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยหนี้สินและปัญหา เงินทองขัดสน
จนแทบไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อข้าวกินให้ครบสามมื้อ
บิดาของเขาถูกปลดเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากทำงานผิดพลาด ทำให้ฐานะของครอบครัวตกต่ำลงเรื่อย ๆ ภาระหนักตกอยู่ที่เหวินหยวน เขาต้องเป็นคนแบกรับทุกอย่าง ทั้งค่าใช้จ่ายของบ้าน รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของปู่และย่าที่ชราภาพ
ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องรับข้อเสนอของตระกูลจ้าว
เนื่องจากคนบ้านนั้นยื่นข้อเสนอว่า หากเขายอมแต่งงานกับจ้าวซีซี ทางบ้านจ้าวจะมอบสินเดิมให้ถึงหนึ่งพันหยวน
เงินหนึ่งพันหยวน เป็นเงินจำนวนที่มากพอจะช่วยให้ครอบครัวรอดพ้นจากความอดอยากไปได้อีกหลายปี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักจ้าวซีซีและยังรังเกียจเธอไม่น้อย
แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เหวินหยวนก็จำต้องทำ!
ถึงแม้ว่าอยากจะได้จ้าวมู่อิงเป็นคู่ครองแทน แต่กลับไม่มีสิทธิ์เลือก และที่สำคัญจ้าวมู่อิงเองก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ครอบครัวของจ้าวเสนอ ชายหนุ่มจะต้องแต่งงานกับจ้าวซีซีเท่านั้น
‘ทำไมถึงไม่ใช่เธอนะจ้าวมู่อิง ทำไมไม่ใช่เธอ!’
เหวินหยวนได้แต่คิดในใจ พร้อมกับมองจ้าวมู่อิงที่ยังสะอื้นอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน
“เสี่ยวอิง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมายื่นให้หญิงสาว
จ้าวมู่อิงเงยหน้ามองชายหนุ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความ
เว้าวอน พร้อมกับรับผ้าเช็ดหน้ามาอย่างลังเล ก่อนจะค่อย ๆ
ซับน้ำตาที่แก้มของตัวเองเบา ๆ
“ขอบคุณพี่เหวินหยวนมากเลยนะคะ”
หญิงสาวพูดเสียงแผ่วเบา มือเล็กยังคงสั่นไหว
“ฉะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่หมิงหมิงโกรธ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ พี่หมิงหมิงถึงไม่ชอบหน้าฉันขึ้นมา แถมช่วงนี้หาเรื่อง
ฉันบ่อยมาก”
เหวินหยวนขมวดคิ้ว มองร่องรอยบนแขนของจ้าวมู่อิง
‘จ้าวหมิงหมิงบีบแขนหรือกระชากตัวแน่ ๆ’
