บทที่ 7 คาบข่าวไปบอก
บทที่ 7 คาบข่าวไปบอก
ส่วนทางด้านว่านถิงที่รู้ว่าเถียงเฉินซูเม่ยไม่มีทางชนะแน่ จึงได้หมุนตัวออกจากร้านมาอย่างไม่ยินยอม ภายในใจนั้นโกรธแค้นเป็นฟืนเป็นไฟ และคิดหาทางเอาคืนอีกฝ่ายให้ได้ เธอตั้งใจว่าจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับเพื่อนสนิทตนเองอย่างเฉินเมิ่งหราน แต่ทว่าสายตากลับเห็นเข้ากับหานเฟิงหลง จึงหยุดชะงักเท้าลง
เมื่อหยุดมองดูก็เห็นว่าชายหนุ่มนั้นมองเข้าไปในร้านเสริมสวยที่เธอเดินออกมา ‘ถ้าหากเดาไม่ผิดก็คงจะเฝ้ารอเฉินซูเม่ยแน่เลย เรื่องที่เจอนังซูเม่ยกับคุณชายหานที่นี่ ฉันจะต้องรีบไปบอกเมิงหราน คราวนี้สนุกแน่ ๆ’ เธอแสยะยิ้มและคิดในใจ
ว่านถิงเลยตั้งใจจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องเพื่อนสนิท ทำให้หล่อนติดตามดูอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา
“เจ้านายครับ คุณหนูว่านเธอไม่ได้ไปไหน แต่กำลังจับตามองเจ้านายอยู่ ให้ผมไปจัดการไหมครับ”
หวงตงหมิงเห็นว่านถิงอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไรและยังมองมาที่เจ้านายตลอด ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายน่าจะจับตามองเจ้านายตนเองอยู่ จึงได้รายงานเรื่องนี้ออกมา
“ไม่ต้องหรอก ปล่อยไปเถอะ” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ได้สนใจอะไรมากมาย สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าก็คือหญิงคนรักนั่นเอง
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนูเฉิน” หลันเอ๋อร์หลังจากเซตผมเสร็จให้ลูกค้าเสร็จแล้ว ก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ทำผมนั้น ทั้งสองได้พูดคุยกันจนรู้สึกสนิทสนมขึ้นมา ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายมาจากตระกูลเฉิน แม้ว่าลูกค้ารายนี้จะเป็นเพียงบุตรบุญธรรม แต่เธอก็ยังเรียกอย่างให้เกียรติและไม่ได้สนใจอะไรมากมาย คนเราคบกันไม่ใช่คบกันที่ฐานะสักหน่อย
“ขอบใจมากนะหลันเอ๋อร์ นี่เงินค่าจ้างกับเงินพิเศษของเธอ” หลินซูเม่ยขอบคุณอีกฝ่ายอย่างให้เกียรติเช่นกัน จากนั้นก็ส่งเงินค่าทำผมให้พร้อมกับเงินพิเศษเพิ่มอีกสองหยวน
“มันเยอะไปแล้วค่ะคุณหนูเฉิน” หลันเอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างเกรงใจ เธอไม่กล้ารับเงินพิเศษนี้เพราะมันมากเกินไป ที่เคยได้รับมามากสุดก็แค่ห้าเหมาเท่านั้น แต่นี่ตั้งสองหยวนเชียวนะ
“เอาไปเถอะ เธอทำผมดีมาก แต่ถ้ายังยืนยันไม่รับไว้ ต่อไปฉันจะไม่มาอีกแล้วนะ” เธอพูดอย่างหยอกเย้าพร้อมกับส่งยิ้มไปให้
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณที่มาใช้บริการร้านเรานะคะ” หลันเอ๋อร์ได้ยินอย่างนั้นก็รีบรับเงินมาพร้อมกับขอบคุณอย่างนอบน้อม
“ดีค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ” เฉินซูเม่ยพูดอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เดินออกมาจากร้านเสริมสวยทันที
หลังจากออกมานอกร้านเสริมสวยแล้ว ในใจของหญิงสาวนั้นคิดว่าจะเดินดูร้านในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้สักหน่อย แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกรักของตระกูลเฉิน แต่เฉินซูเม่ยคนเก่าก็ไม่ใช่คนที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยอะไร เธอชอบเก็บหอมรอมริบตั้งแต่เด็ก ทำให้มีเงินเก็บอยู่มากพอสมควร เฉินซูเม่ยคนนี้จึงตั้งใจจะมาเดินซื้อของสักหน่อย อย่างน้อยก็เพื่อความสุขในชีวิต
แต่ใครจะคิดกันเล่าว่า เมื่อเดินออกมานอกร้านได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็พบกับพระเอกของเรื่องเสียแล้ว
‘เฮ้อ…ไม่คิดว่าจะพบกับพระเอกของเรื่องเร็วอย่างนี้ เรื่องยุ่งยากกำลังเริ่มขึ้นแล้วสินะ น่าเบื่อจริง ๆ’
หญิงสาวคิดในใจแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็ไม่คิดจะเดินตรงไปหาอีกฝ่ายเหมือนเจ้าของร่างเดิมเคยทำ เธอพยายามเดินเรื่องไปอีกทาง แต่กลายเป็นว่าหานเฟิงหลงกลับเดินเข้ามาหาเธอแทน
“เม่ยเอ๋อร์กำลังจะไปไหนครับ เดี๋ยวผมพาคุณไปเอง” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างยินดี และอาสาที่จะพาเธอเดินไปซื้อของทั่วห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
“อย่าดีกว่าค่ะ คุณก็รู้ว่าคุณแม่ของคุณไม่ชอบฉัน และฉันยังได้ข่าวว่าคนที่จะหมั้นหมายกับคุณก็ไม่ใช่ฉันอีกด้วย ฉันคิดว่าเราควรอยู่ห่าง ๆ กันไว้นะคะ ฉันไม่อยากมีปัญหากับใคร” หญิงสาวพูดปฏิเสธออกมาอย่างไร้เยื่อใย แต่เธอก็รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจเล็กน้อยอย่างไม่รู้สาเหตุ
‘ที่เรารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ นั่นคงเป็นเพราะว่าความรู้สึกของคนเดิมยังอยู่ เพราะเฉินซูเม่ยคนเก่านั้นรักผู้ชายตรงหน้ามากแค่ไหน’ เธอบอกกับตัวเองในใจพร้อมกับมองเขาอย่างพิจารณา
‘แต่แล้วอย่างไร ความรู้สึกนั้นก็ไม่ใช่ของฉันอยู่ดี เพราะสำหรับเฉินซูเม่ยคนนี้ ต่อให้ผู้ชายจะหน้าตาดีราวกับฟ้าประทานและร่ำรวยเงินทองแค่ไหน แต่การที่เขาไม่สู้เพื่อคนรัก ยอมทำตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ ฉันก็ไม่คิดที่จะสนใจเหมือนกัน’ หญิงสาวคิดในใจด้วยความไม่ชอบผู้ชายตรงหน้า
“หล่อให้ตายก็ไม่สน ไม่แคร์ค่ะ”' หญิงสาวเผลอพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับเบะปากเล็กน้อย
“เม่ยเอ๋อร์ว่าอะไรนะครับ” ชายหนุ่มได้ยินไม่ชัดจึงถามขึ้นมา
“ฉันบอกว่าคุณไม่ต้องมาสนใจหรือแคร์ฉันหรอกค่ะ เพราะมันไม่มีประโยชน์ อย่างไรคุณก็ต้องหมั้นหมายกับคนอื่นตามที่แม่คุณต้องการอยู่แล้ว ขอตัวนะคะ” หญิงสาวเชิดหน้าพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เม่ยเอ๋อร์อย่าพูดอย่างนั้นสิ คุณรอผมสักหน่อยได้ไหม ผมจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาดเอง ขอร้องล่ะ” ชายหนุ่มรีบเดินไปขวางหน้าไว้พร้อมกับพูดขอร้องเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อน
นี่คือครั้งแรกที่เขาขอร้องใครสักคน โดยปกติแล้วนิสัยของหานเฟิงหลงแทบจะไม่เคยก้มหัวให้ใครมาก่อน
“รอแล้วได้อะไรคะ ในเมื่อคุณเองยังไม่หนักแน่นพอ เราควรอยู่ห่าง ๆ กันไว้อย่างที่ฉันพูดน่ะดีแล้วค่ะ ลาก่อนนะคะคุณชายหาน” เฉินซูเม่ยพูดทุกอย่างออกไปตามตรง พูดจบก็รีบเดินหนีทันที เธอไม่ต้องการเสวนาแม้แต่คำเดียวกับผู้ชายคนนี้ นั่นก็เพราะเขาทำให้ความรู้สึกของร่างนี้หวั่นไหวไม่น้อย แต่ก็อย่างที่บอก ต่อให้ร่างนี้จะเป็นอย่างไร นั่นมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกของเธอ!!
เมื่อเห็นว่าหญิงคนรักกำลังจะเดินหนี หานเฟิงหลงจึงคว้าข้อมือของเธอไว้ทันที ทำให้เหล่าลูกค้าที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าต่างมองมาด้วยความสนใจ
“เดี๋ยวก่อนสิเม่ยเอ๋อร์ คุณกำลังจะบอกให้เราสองคนเลิกกันใช่ไหม” ชายหนุ่มถามออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด เพราะไม่คิดว่าหญิงคนรักจะกล้าปฏิเสธและตัดขาดกับตนเองอย่างนี้
“ก็ตามนั้นค่ะ ฉันคิดว่าฉันพูดชัดเจนพอแล้วนะ คุณควรไปทำหน้าที่ลูกที่ดี แล้วอย่ามาพบฉันอีกเลยนะคะ ขอตัว” พูดจบเธอก็สะบัดแขนออกจากมือชายหนุ่ม แล้วรีบเดินหนีด้วยความไม่พอใจ เธอรีบเดินเข้าห้องน้ำที่มีอยู่ในห้างสรรพสินค้าทันที
“จะร้องทำไม น้ำตาไหลทำไม นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกของแกนะซูเม่ย”
หญิงสาวบอกกับตัวเองอย่างขัดใจ พร้อมกับทุบอกตนเองด้วยความแค้นใจไปด้วย รู้ทั้งรู้ว่านี่ไม่ใช่ความรู้สึกของตนเองแต่เป็นของร่างเดิม แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อได้พูดตัดขาดกับเขา
ส่วนหานเฟิงหลงก็ไม่ต่างกัน ชายหนุ่มได้แต่มองตามหญิงคนรักไปพร้อมกับครุ่นคิดในใจว่า ‘ผมทำผิดอะไร ทำไมผมถึงถูกคุณบอกเลิกแบบนี้ แล้วอย่าคิดว่าผมจะเลิกกับคุณนะเม่ยเอ๋อร์ ไม่มีทางเสียหรอก’
เหตุการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของว่านถิง หญิงสาวเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้า เพื่อไปยังจุดมุ่งหมายที่ต้องการทันที ซึ่งนั่นก็คือคฤหาสน์ของตระกูลเฉินนั่นเอง
คฤหาสน์ตระกูลเฉิน
“เธอมีอะไรหรือเปล่าเสี่ยวถิง ถึงมาหาฉันเวลานี้” เฉินเมิ่งหรานถามเพื่อนสนิท เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมาหาเธอในเวลานี้
“ฉันมีเรื่องจะมาบอกเธอน่ะสิ นี่พี่สาวเธอไม่อยู่ใช่ไหม” ก่อนจะเล่าเรื่อง ว่านถิงก็แสร้งทำทีถามถึงเฉินซูเม่ยเสียก่อน
“ไม่อยู่หรอก เห็นออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว ว่าแต่เธอถามถึงพี่สาวฉันทำไม” เฉินเมิ่งหรานบอกออกไปตามจริงจากนั้นก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย ‘ปกติแล้วว่านถิงไม่ชอบเฉินซูเม่ยนี่นา แล้วทำไมวันนี้ถึงถามถึงเธอได้ล่ะ’ เธอคิดในใจใบหน้าของหญิงสาวจึงฉายแววสงสัยอย่างเห็นไม่ชัด
“ที่ฉันถามแบบนั้น เพราะจะได้แน่ใจว่าคนที่ฉันมาเจอเป็นพี่สาวของเธอจริง ๆ น่ะสิ” ว่านถิงตอบกลับไป โดยพยายามดึงเรื่องไว้ให้อีกฝ่ายสนใจเรื่องนี้มากขึ้น
“เธอหมายความว่าอย่างไร เธอไปเจอพี่สาวฉันที่ไหนกัน” เฉินเมิ่งหรานได้ยินเรื่องอย่างนั้นก็รีบถามออกไปทันที
“ฉันเจอพี่สาวของเธอที่ห้างสรรพสินค้าของตระกูลหานน่ะสิ แล้วรู้ไหมว่าฉันเจอใครอยู่กับพี่สาวของเธอด้วย...” ว่านถิงเมื่อเห็นเพื่อนสนิทอยากรู้มาก เธอก็พูดเป็นปริศนาออกไปอีก
“ใคร” หญิงสาวถามกลับไปทันที ในใจนั้นก็ขอให้ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ‘คงไม่ใช่คุณชายหานหรอกนะ มันต้องไม่ใช่เขาสิ’
