บท
ตั้งค่า

เริ่มวางแผนจัดการอนาคต 1

เริ่มวางแผนจัดการอนาคต

ทันทีที่ได้ยินเฉินโม่หรานถามแบบนั้น ทั้งสามคนรีบ

ส่ายหน้าพร้อมกัน

“พ่อจะกลัวลูกสาวของตัวเองทำไม ตอนนี้พ่อคิดว่าต้องหาทางแยกบ้านให้ได้ เกิดวันใดที่บ้านใหญ่รู้ลูกจะไม่ปลอดภัย” เฉินคังพูดออกมาอย่างไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไร นั่นเพราะยังหาเหตุผลที่จะแยกบ้านไม่ได้

“พี่เองก็ไม่กลัวน้องหรอก เราเป็นพี่น้องกันจะกลัวทำไม

พี่กังวลเรื่องเดียว คือเราจะหาวิธีไหนที่จะแยกบ้าน ดูแล้วย่าคงไม่ยอมง่าย ๆ”

“นั่นสิ แม่เห็นด้วยกับพ่อและพี่ชายของลูก เรื่องหวาดกลัวเพราะลูกมีของวิเศษ พวกเราไม่กลัวกรอก แต่พวกเรากังวลเรื่องเดียวเท่านั้น” กุ้ยเจินที่นิ่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง

ตอนนี้ความกังวลของทั้งสามคนไปในมทิศทางเดียวกันคือ ทำอย่างไรถึงจะแยกบ้านได้

พอเฉินโม่หรานได้ยินอย่างนั้นก็ไม่พูดอะไร ทำเพียงยิ้มให้ แล้วพูดขึ้นมาว่า “เรื่องแยกบ้านเชื่อฉันเถอะว่าเราต้องทำได้

แต่ก่อนอื่นเราต้องหาทุนสำรองของบ้านกันก่อน เพราะถ้าหากแยกบ้านแล้วอย่างน้อยก็ต้องมีเงินก่อสร้างบ้าน ฉันอยากจะซื้อบ้าน

ในเมืองให้ทุกคนอยู่ด้วยกัน แต่ก็รู้ดีว่ามันยากเกินความสามารถของพวกเรา”

เรื่องซื้อบ้านเท่าที่รู้จากความทรงจำของร่างนี้ ยุคนี้ซื้อบ้านยากมาก และการย้ายเข้าเมืองยากไม่ต่างกันเพราะทะเบียนบ้านของทุกคนอยู่ในหมู่บ้าน แม้ว่าจะย้ายภายในอำเภอก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าไม่มีเส้นสาย

ดังนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดคือการหาเงินอย่างไรล่ะ

เมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดของเธอ ทุกคนจึงคิดตาม นั่นคือต้องหาเงินเข้าบ้านให้มากที่สุด ถ้าหากไม่มีเงินสำรองแล้วจะแยกบ้านอย่างไร

“ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่เย็นนี้พี่จะหาของป่าให้มากขึ้น จะได้เอาไปขายที่ตลาดมืด” เฉินหลงเปียวพูดคนแรก เขาต้องหาของป่าให้ได้มากกว่าเดิม บ้านรองของเขาจะได้มีเงินเก็บ

“ที่ลูกพูดมามันถูกต้องและเราควรทำอย่างนั้น แต่จะเดินอ้อมหมู่บ้านไปตลาดมืดเหรอ พ่อว่ามันจะลำบากไหม และหมู่บ้านนั้นมีคนรู้จักของลุงใหญ่ เกิดพวกเขาไปบอกบ้านใหญ่เราจะลำบากมากกว่าเดิมนะ” เฉินคังกลัวว่าหากมีคนพบเห็นจะเกิดเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าเดิม และหากเป็นอย่างนั้นบ้านใหญ่คงไม่ยอม ไม่แน่ว่าจะหาเรื่องบ้านรองอีกน่ะสิ

“พ่อกับพี่ใหญ่กังวลเรื่องอะไร อย่าลืมสิว่าฉันมีของวิเศษอยู่ที่ตัว และในนั้นมีข้าวของมากมายที่เรากินไม่หมด เราสามารถเอาออกมาขายได้ พี่ใหญ่กับพ่อไม่ต้องทำงานหนักกว่าเดิมหรอก แต่ทำตัวเป็นปกติก็พอ ตอนนี้พวกเราควรจะกินอาหารให้อิ่ม”

เฉินโม่หรานนั่งฟังพ่อกับพี่ใหญ่พูดก็อดที่จะพูดสวนกลับมาไม่ได้

เรื่องหาของป่าเธอเข้าใจ แต่ทั้งสองคนลืมไปหรือเปล่าว่าเธอมีมิติ และเธอสามารถหาเงินเข้าบ้านได้จำนวนมากหากเอาของไปขาย

“จริงสิ แต่มันไม่เป็นอันตรายกับลูกใช่ไหม หากเอาของวิเศษพวกนั้นไปขาย” คนเป็นพ่อถามย้ำอีกครั้ง แววตายังคงมีความกังวลเพราะกลัวว่าของพวกนั้นต้องแลกกับอายุขัยของเธอ

“ไม่เป็นอันตรายค่ะ ถ้าอย่างนั้นบ่ายนี้พี่ใหญ่ไม่ต้องทำงานได้ไหม เข้าเมืองกับฉันเราจะไปขายของกัน แล้วพี่จะรู้ว่าต่อจากนี้เราสองพี่น้องจะมีเงินเก็บมากขนาดไหน ส่วนพ่อกับแม่หากใครถามก็บอกว่าพี่ใหญ่พาฉันไปหาหมอ ดีไหมคะ” เธอยื่นข้อเสนอเพราะหากอธิบายคงไม่ดีเท่าทำให้เห็น

เมื่อได้ยินอย่างนั้นทั้งสามคนจึงพยักหน้าตกลง

“ถ้าอย่างนั้นเรามากินอาหารมื้อนี้กันก่อน ส่วนมื้อเย็นพ่อกับแม่ก็แสร้งกินไปหรือบอกว่าอิ่มแล้ว เดี๋ยวเราสองคนกลับมาจะเอาของอร่อยมาให้กิน”

สิ้นเสียงของเฉินโม่หราน ทั้งสามคนไม่รีรออีกเพราะเห็นว่าอาหารสุกแล้วจึงกินด้วยความอร่อย นี่จึงทำให้หญิงสาวยิ้มขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นคนในครอบครัวได้กินของอร่อยแบบนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel