เขาคือพรานป่าคนนั้น 2
ทันทีที่สัญญาณพักเที่ยงดังขึ้น ชาวบ้านต่างก็รีบเอาเครื่องมือมาเก็บและหาที่นั่งเพื่อพักก่อนจะกินอาหาร บางคนที่ครอบครัวฐานะยากจนก็จะไม่กินมื้อเที่ยง แต่จะพักเอาแรงเพื่อทำงานช่วงบ่ายต่อไป
เมื่อได้ยินสัญญาณ เฉินโม่หรานรีบเดินมาดักรอพ่อแม่และพี่ชายของเธอทันที
“พี่ใหญ่ พ่อ แม่ ทางนี้” หญิงสาวโบกมือเรียกทั้งสามคน
“อ้าวหรานหราน นั่นหายดีแล้วเหรอถึงได้มาที่นี่น่ะ” พี่ชายอย่างเฉินหลงเปียวถามขึ้นมา คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย
“หายดีแล้วพี่ใหญ่ พี่ไม่ต้องห่วงไปหรอก ที่ฉันมาเพราะมีเรื่องจะบอก พี่กับพ่อและแม่ตามฉันมาก่อนเถอะ เรื่องนี้ไม่สามารถแพร่งพรายให้คนอื่นรู้ได้” เธอทำท่าทางมีลับลมคมในเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้ทั้งสามคนถามอะไรมากกว่านี้
เฉินคังสบตากับภรรยาก่อนจะพยักหน้าให้ พอเฉินโม่หรานเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินนำหน้าทุกคนเพื่อพาไปยังที่ซ่อนอาหารไว้
ทั้งหมดเดินขึ้นเขามาไม่นานหญิงสาวก็พามาถึงสถานที่
ที่เธอซ่อนทุกอย่างไว้
“เอาล่ะถึงแล้ว พี่ใหญ่ช่วยฉันก่อไฟหน่อยสิ เราจะได้กินมื้อเที่ยงด้วยกัน”
“เดี๋ยวก่อนหรานหราน น้องให้พี่ก่อไฟทำไม ในเมื่อที่นี่มีแต่ต้นไม้” คนเป็นพี่ชายถามกลับด้วยความสงสัย พร้อมกับกวาดสายตามองรอบ ๆ เพื่อหาดูว่าน้องสาวจะย่างอะไร
“เอาน่าพี่ใหญ่ ทำตามที่ฉันบอกเถอะ” พูดจบเธอก็เดินมาที่กองใบไม้ ก่อนจะเอาของที่ซ่อนไว้ออกมาซึ่งนั่นมีทั้งไก่และปลา
“นั่นลูกเอามาจากไหน” กุ้ยเจินแปลกใจเพราะไม่คิดว่า
ลูกสาวจะหาอาหารพวกนี้มาเอง แต่ก็ไม่คิดว่าลูกจะไปลักขโมยใครมา เนื่องจากเฉินโม่หรานไม่เคยมีนิสัยแบบนั้น
“เดี๋ยวฉันจะบอกตอนที่พวกเรานั่งกินมื้อเที่ยงกันนะคะแม่” เธอเลือกที่จะให้ทุกคนจัดการอาหารตรงหน้าก่อน ส่วนเรื่องความลับเรื่องมิติค่อยเล่าตอนกินอาหารก็ได้
“ตกลง”
จากนั้นสี่คนพ่อแม่ลูกต่างก็ช่วยกันก่อไฟเพื่อย่างไก่และปลา ในขณะที่กำลังรอให้อาหารสุก เฉินโม่หรานจึงตัดสินใจบอกเรื่องมิติกับทั้งสามคน
“หากฉันบอกเรื่องนี้ ทุกคนสัญญาได้ไหมว่าจะเก็บไว้เป็นความลับ รู้กันแค่เราสี่คนเท่านั้น” หญิงสาวต้องการคำมั่นสัญญาอีกครั้ง
“พ่อรับปาก”
“แม่ก็รับปาก”
“พี่ก็ด้วย”
ทั้งสามคนรับปากอย่างแข็งขันแม้จะไม่รู้ว่าเรื่องที่
เฉินโม่หรานจะบอกนั้นคือเรื่องอะไร
“ตอนที่ฉันถูกย่าทุบตีจนสลบไป ฉันได้พบกับท่านตาคนหนึ่ง แล้วท่านตาคนนั้นให้ของบางอย่างแก่ฉันมา”
หญิงสาวเริ่มเปิดปากเล่าเรื่องราวที่เธอปรุงแต่งมันขึ้นมา แต่ก็ถูกพี่ชายขัดขึ้นเสียก่อน
“ท่านตาคนนั้นทำให้บาดแผลตามร่างกายของน้องหายไปใช่ไหม แล้วยังทำให้น้องแข็งแรงอย่างที่เห็น”
“อาเปียว อย่าเพิ่งขัดพ่อกำลังฟังน้องเล่าอยู่” คนเป็นพ่อส่งเสียงดุออกมาเพราะเขากำลังตั้งใจฟังเรื่องที่ลูกสาวกำลังเล่าให้ฟัง
“ครับพ่อ” ชายหนุ่มส่งเสียงอ่อน แล้วตั้งใจฟังต่อ
“ใช่อย่างที่พี่ใหญ่บอก แต่เพราะท่านตาคนนั้นอาจจะสงสารที่พวกเราทุกคนอดอยาก เงินก็ไม่มีเก็บเลยให้ของวิเศษบางอย่างฉันมา ทุกคนตั้งใจดูนะคะ”
จากนั้นหญิงสาวจึงแบมือแล้วเรียกผลไม้ออกมา นี่จึงทำให้ทุกคนตกใจจนตาค้าง ก่อนที่คนเป็นพ่อรีบพูดอย่างลนลาน
“ลูกอย่าไปทำให้ใครเห็นนะ เดี๋ยวคนจะคิดว่าลูกของพ่อเป็นปีศาจ”
“นั่นสิ แล้วเรื่องนี้ไม่ควรให้ใครรู้” คนเป็นแม่รีบบอกมาเหมือนกัน “ยิ่งบ้านใหญ่ยิ่งไม่ควรรู้”
“อย่างนั้นพวกเราควรจะหาเรื่องรีบแยกบ้านนะพ่อ ไม่อย่างนั้นแล้วหากมีใครรู้ความลับพวกนี้ หรานหรานจะต้องเกิดอันตราย น้องอาจจะไม่ปลอดภัยอีกแล้ว”
สามคนพ่อแม่ลูกนั่งพูดกันอย่างร้อนรน เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเฉินโม่หรานเมื่อมีคนรู้เรื่องนี้
เฉินโม่หรานมองภาพตรงหน้าอย่างพอใจ เพราะทั้งสามคนไม่มีใครแสดงความละโมบออกมา มีแต่จะห่วงเธอเสียมากว่า
“ทุกคนไม่กลัวฉันเหรอ ที่ฉันไม่เหมือนคนอื่นอีกแล้ว”
