เฉินโม่หรานเปลี่ยนไป 1
เฉินโม่หรานเปลี่ยนไป
ปัง ๆ ๆ เสียงทุบประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คนที่อยู่ด้านในได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินมาเปิดประตู
‘ทะลุมิติมาวันแรก เจองานหนักเสียแล้ว แต่ถ้าทำตัวหงอคงถูกใช้งานและถูกรังแกไม่จบไม่สิ้นแน่’
“มีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ” หญิงสาวถามออกมา พร้อมกับกวาดสายตามองคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง “นี่ขนกันมาหมดเลยหรือ”
“กล้าดีอย่างไรถึงได้ตวาดใส่ป้าสะใภ้ของหล่อน” ย่าเฉินยืนเท้าสะเอวแล้วถามเสียงดัง
“แล้วยังไงคะ ทำไมย่าไม่ถามป้าสะใภ้ล่ะว่าเคาะเรียกหรือทุบประตูเรียก”
“ก็หล่อนไม่ยอมลุกมาทำงาน หุงหาอาหารนี่ ฉันเลยต้องทุบประตู” ฟางอี้เหนียงโต้เถียงกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
“ทุกคนลืมไปหรือเปล่าว่า เมื่อวานฉันโดนย่าตีอย่างไร้เหตุผล ทำให้ฉันเกือบตาย เอ๊ะ! หรือว่าฉันตายไปแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ ฉันเจ็บหนักขนาดนั้นทำไมคนบ้านใหญ่ไม่คิดสงสารกันบ้าง งานบ้านก็ไม่หนักหนาอะไร ทำไมป้าสะใภ้กับพี่เม่ยเม่ยไม่ทำเองล่ะ” เฉินโม่หรานกอดอกแล้วยืนพิงประตู
“หล่อนเจ็บหนักที่ไหน คนเจ็บหนักจะมายืนเถียงแบบนี้ได้อย่างไรกัน ไม่รู้ล่ะ ฉันเป็นย่า ใหญ่สุดในบ้านนี้ ฉันสั่งให้หล่อนไปทำอาหารและทำงานบ้าน แล้วนี่เจ้ารองกับเมียของมันไปไหน”
ย่าเฉินถือว่าตนนั้นใหญ่สุดในบ้าน จะพูดจาหรือว่าสั่งงานให้ใครทำ คนนั้นย่อมต้องทำตาม ไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธ
“พ่อกับแม่รวมถึงพี่ใหญ่ขึ้นเขาไปหาสมุนไพรมาต้มให้ฉันกิน เพราะบ้านรองของเราไม่มีเงินซื้อยาอย่างไรละคะ ย่าเองไม่ใช่หรือที่ไม่ให้เงิน อีกอย่างไม่ว่าบ้านรองหามาได้เท่าไรก็ต้องส่งให้บ้านใหญ่ทั้งหมด แม้แต่ไข่ไก่สักฟองยังยากที่จะได้กิน”
หญิงสาวพูดออกมาตามที่มีในความทรงจำ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมบ้านใหญ่ไม่ให้บ้านรองแยกบ้าน ทั้งที่จงเกลียดจงชังขนาดนั้น
“แม่ ผมว่าที่อี้เหนียงบอกน่าจะจริง โม่หรานอาจจะถูก
ผีเข้า ดูท่าทางของเธอสิ เปลี่ยนไปราวกับคนละคน”
เฉินควนกระซิบข้างหูของแม่ตัวเอง ใจนั้นเชื่อเกินแปดส่วนไปแล้วว่าหลานสาวโดนผีเข้า
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายบอก ย่าเฉินรีบพยักหน้ารับเพราะเธอก็เชื่อเหมือนกันว่าหลานสาวเป็นอย่างที่ทุกคนในบ้านใหญ่พูด
ส่วนเฉินโม่หรานยังคงยืนมองคนจากบ้านใหญ่ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา อีกทั้งเธอยังมองดูท่าทีของคนจากบ้านใหญ่ด้วยว่าต่อจากนี้จะไปยังทิศทางไหน แต่ที่แน่ ๆ ทุกคนคิดไปในทิศทางเดียวกันว่าเธอนั้นโดนผีเข้า
แม้ว่าจะคิดไปทิศทางเดียวกันกับลูกชายและลูกสะใภ้
แต่เรื่องทำงานนางไม่ยอมให้หลานสาวอยู่เฉยแน่ จึงได้พูดออกมาอีกครั้งอย่างไม่พอใจ
“ไม่ว่าอย่างไรเช้านี้บ้านรองต้องทำงานเหมือนเดิม
เสร็จจากงานบ้านแล้วก็ไปทำงานในทุ่ง เข้าใจไหม”
“ไม่เข้าใจค่ะ ป้าสะใภ้ใหญ่กับพี่สาวเม่ยเม่ยก็ว่าง ไม่เห็นจะทำอะไรเลย วัน ๆ เอาแต่เดินไปมา ไม่ก็ไปนั่งจับกลุ่มกับชาวบ้านนินทาคนอื่น”
คนที่ถูกพูดถึงตอนนี้ได้แต่ถลึงตาใส่ ก่อนจะสวนกลับอย่างไม่ยินยอมเหมือนกัน “ฉันเป็นป้าสะใภ้หล่อน ฉันเองก็ต้องดูแลบ้านและคบค้าสมาคมกับเพื่อนบ้านบ้างสิ หรือหล่อนจะไม่ให้ฉันคบหากับใครเลย”
“เอ้า แล้วใครบอกว่าไม่ใช่คะ ป้าคือสะใภ้ใหญ่ของบ้านเฉิน ควรจะเป็นตัวอย่างให้แกลูกหลานและคนบ้านรองสิ แล้วแบบนี้ต่อไปจะเป็นคนดูแลบ้านใหญ่ต่อจากย่าได้ยังไง ในเมื่อป้าสะใภ้ไม่ทำอะไรสักอย่าง”
เฉินโม่หรานยังไม่คิดที่จะหยุด เรื่องปะทะฝีปากเธอไม่แพ้ใครอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องพวกนี้เธอไม่มีทางยอมเหมือนร่างเดิมหรอกนะ แล้วที่สำคัญจะต้องหาเรื่องแยกบ้านและตัดขาดปลิงดูดเลือดพวกนี้ให้ได้
ในขณะที่ทั้งหมดกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น คนบ้านรองก็กลับมาถึงพอดี และเมื่อเห็นว่าคนบ้านใหญ่มายืนอยู่หน้าห้องจึงได้ถามอย่างสงสัย
“แม่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนถึงมากันที่นี่”
“ก็ลูกสาวแกน่ะสิเจ้ารอง วันนี้เกิดบ้าอะไรไม่รู้ งานไม่ทำ
ทีหนึ่งแล้ว ยังมายืนด่าฉันกับพี่สะใภ้ของแกไม่หยุด ฉันคิดว่า
ลูกสาวแกน่าจะโดนผีเข้า เช้านี้ถึงได้ไม่เหมือนเดิม”
