บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

ในที่สุดก็ถึงกำหนดการเข้าตำหนักชิงเย่ากง แม่เฒ่าหลิวก็พาเธอขี่กระบี่ จนผมปลิวหน้าแห้งเพราะถูกลมตีหน้ามาตลอดทาง แม้ว่าจะใช้ผ้าผืนใหญ่ปิดบังจนมิดไอเย็นก็ลอยเข้ามาปะทะหน้าอยู่ดี

และเรื่องที่เลยร้ายที่สุดก็คือ หลิวฟางเฟยกลัวความสูง!

หลังจากลงจากกระบี่ ขาของหลิวฟางเฟยก็ยืนไม่ไหว จนต้องนั่งลงบนพื้นเพราะหมดแรง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงจนดูไม่ได้ แม่เฒ่าหลิวส่ายหน้าคล้ายระอาใจ

“ไยจึงได้มีสภาพเช่นนี้”

หลิวฟางเฟยหน้าซีดเซียว ชาติก่อนแม้แต่นั่งเครื่องบินเธอยังรู้สึกกลัว เมื่อกี้อยู่บนกระบี่อันเล็กนิดเดียว ด้านล่างคือที่โล่งกว้างหากตกลงไปก็คงมีแต่คอหักตายร่างกายแหลกเหลว ท้องไส้เธอจึงปั่นป่วนเหงื่อเย็นไหลโทรมกาย ทั้งยังรู้สึกวิงเวียน

ที่ไม่เป็นลมไป เพราะว่ากลัวตัวเองจะตกลงมา หลิวฟางเฟยจึงได้ยืนตัวแข็งหลับตามาตลอดทาง

แม่เฒ่าหลิว ยัดยาคลายจิตใส่ปากของหลิวฟางเฟยเอ่ยเสียงเบา

“ถึงแม้เจ้าจะงดงามเพียงใด แต่หากให้ตี้จวินเห็นหรือผู้อาวุโสตำหนักชิงเย่ากงเห็นเจ้าสภาพนี้ คงได้ถูกขับไล่กลับตำหนักสกุลหลิวเป็นแน่ เอ๊า ดื่มนี่ด้วย”

กระบอกไม้ไผ่ถูกส่งมาจ่อปาก หลิวฟางเฟยจึงดื่มอึก ๆ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

น้ำวิเศษของแม่เฒ่าหลิวไม่เลวเลย สรรพคุณเหมือนยาคลายเครียดในยุคปัจจุบัน หลังจากดื่มไปครู่หนึ่ง หลิวฟางเฟยก็รู้สึกดีขึ้น

แม่เฒ่าหลิวโบกมือตรงหน้าเบา ๆ ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของหลิวฟางเฟยก็กลับมาเรียบร้อย ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยสีสันอย่างพอดี

หลิวฟางเฟยยกมือขึ้นจับผมของตัวเอง เวลานี้ผมที่ตกระใบหน้าของถูกเกล้าขึ้นสูงอย่างเรียบร้อย ยังมีปิ่นประดับงดงามและเสื้อผ้ายังถูกเปลี่ยนให้เป็นชุดใหม่สีขาว เนื้อผ้าไหมบางเบาราวกับไม่ได้สวมถึงจะดูเรียบง่ายแต่ก็ทำให้หลิวฟางเฟยดูสูงศักดิ์มีสง่าราศรีขึ้นมาไม่น้อย

“เช่นนี้ก็เรียบร้อยแล้ว”

หลิวฟางเฟยค้นกระจกจากถุงเฉียนคุนมาส่อง ให้ตายเถอะ ถึงแม้ว่าตัวเธอจะเป็นตัวจริงหน้าตายังเป็นคนเดิมแต่กลับสวยขึ้นผิดหูผิดตา ลักษณะเหมือนเธอผ่านแอพบิวตี้เอไอตกแต่งภาพมาให้สวยขึ้นอีกพันเปอร์เซ็นต์

หลิวฟางเฟยยกมือจับใบหน้าของตัวเอง ที่งดงามล้ำเลิศจนเธอรู้สึกว่าหากว่าต้องเข้าประกวด มงอาจจะลงที่เธอก็เป็นได้

แม่เฒ่าหลิวนี่ น่าจะเปลี่ยนอาชีพ เป็นพี่เลี้ยงนางงามน่าจะรุ่ง

แต่ผู้เข้าประกวดนางงามเช่นเธอ เมื่อคิดถึงว่าตัวเองกำลังจะเข้าสู่ตำหนักมารของตี้จวินสติฟั่นเฟือนก็พลันรู้สึกห่อเหี่ยว

ตำแหน่งนี้ไม่เอาแล้วได้หรือไม่

“ไยจึงได้มีท่าทางไม่สง่างามเช่นนี้”

“ข้ากลัวนี่ จะให้ข้ายิ้มได้ยังไงล่ะ”

แม่เฒ่าหลิวมีสีหน้าเหมือนแม่เลี้ยงใจร้ายในซีรีส์ มองหลิวฟางเฟยอย่างรังเกียจ

“สตรีในที่นี่เจ้าดูทุกคนล้วนอยากเข้าตำหนักชิงเย่ากงอย่างกระตือรือร้น มีผู้ใดขี้ขลาดเหมือนเจ้าบ้าง คิดเอาเองก็แล้วกันว่าอยากตายตอนนี้หรือหาทางรอดให้ตัวเองกับมารดาของเจ้า”

เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นจะไปสนใจอะไรกับชีวิตแม่ที่เธอไม่เคยเห็นหน้าคนนั้น

ตั้งแต่มาอยู่ในโลกนี้ หลิวฟางเฟยก็อยู่บนหุบเขาโอสถแล้ว ไม่เคยได้พบหน้าแม่ในนาม ที่อยู่ในตำหนักเซียนสกุลหลิวอันห่างจากหุบเขาโอสถไปร้อยลี้สักหน

แม่คนนั้นมีเพียงส่งจดหมายมาหาเธอ ในตอนที่เธอจะออกจากหุบเขาโอสถครั้งหนึ่ง ในจดหมายให้หลิวฟางเฟยตั้งมั่นในหน้าที่และต้องทำให้สำเร็จ

แต่หากถูกจับได้ ก็จงฆ่าตัวตายอย่าซัดทอดสกุลหลิวเด็ดขาด พูดง่าย ๆ ก็คือให้ลูกสาวสละชีวิตไปคนเดียวอย่าลากคนอื่นเข้าไปยุ่ง

โอ๊ย คนสกุลหลิวช่างร้ายกาจ เห็นหลิวฟางเฟยเป็นหมากในกระดานตัวหนึ่งเท่านั้น สุนัขมันยังรักลูก แม่คนนี้เพื่อตัวเองก็ไม่สนใจชีวิตเด็กสาวที่ตัวเองคลอดออกมาจริง ๆ

หลิวฟางเฟยเอ๋ย หลิวฟางเฟย ช่างมีชีวิตที่น่าสงสารจริง ๆ แต่จะโทษใครได้ล่ะ ตอนเธอสร้างตัวละครเธอก็สร้างแบบส่ง ๆ ใครจะไปคิดถึงความรักความผูกพันในเกมกันล่ะ

หลิวฟางเฟยฟังแม่เฒ่าหลิวข่มขู่อย่างปลงตก จากนั้นก็หันไปมองรอบ ๆ ลานกว้างหน้าตำหนักชิงเย่ากง

ตำหนักชิงเย่ากงเป็นตำหนักสูงใหญ่ตั้งตระหง่านเหนือผืนป่าหมอกโลหิต งดงามประหนึ่งถูกสลักขึ้นจากฟากฟ้าและกาลเวลา กำแพงหินสีฟ้าอมเขียวแวววาวราวหยก สลักอักขระเร้นลับที่ส่องแสงสีครามประกายเงิน

ยามต้องกับหมอกขาวรอบกายดูราวกับหมู่ดาวนับพันรายล้อม ทุกก้าวที่เธอเดินเข้าใกล้ ล้วนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากพลังปราณที่ถาโถมเข้ามา

หมอกหนาวเย็นปกคลุมทั่วลานกว้างหน้าโถงใหญ่ กลิ่นชื้นเย็นเจือโลหะบางเบาลอยเข้าปะทะปลายจมูก หลิวฟางเฟยสูดหายใจพลันรู้สึกขนลุกซู่ เส้นสันหลังราวกับถูกน้ำแข็งบางแผ่นไล้ผ่าน

แม่เฒ่าหลิวมาส่งหญิงสาวจนถึงหน้าประตูทางเข้าแล้วเอ่ยว่า

“ข้าจะมาพบเจ้าทุกเดือนในวันเยี่ยมญาติสองชั่วยาม ทำอย่างไรก็ได้ให้ผ่านเข้าไปเป็นตัวเลือกในการคัดเลือกเป็นฮูหยิน หาไม่แล้วข้าจะ...”

“จะฆ่าข้า...ข้ารู้น่า...ถ้ากลัวว่าข้าจะทำพลาด ท่านก็ไปคัดเลือกเองสิ มีวิชาสมุนไพรวิเศษในมือ ทำไมไม่ผลิตยาความงามให้ตัวเองกินล่ะ จะได้เข้าไปแทนข้าทำเรื่องนี้ด้วยตัวท่านเอง”

แม่เฒ่าหลิวหยิกเข้าที่เนื้อของหลิวฟางเฟยอีกครั้ง หญิงสาวสะดุ้งโหยงร้องโอยออกมา

“โอ๊ย! ท่านหยิกข้าอีกแล้วนะ!”

“ยังไม่หยุดพูดไร้สาระอีก ตำหนักแห่งนี้ใช่ว่าจะปลอมแปลงกายเข้าไปโดยง่าย ช่างเถิด ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว เจ้าเดินตามสตรีเหล่านี้ไป จากนั้นก็มอบป้ายคำสั่งนี้ให้คนเฝ้าประตู” พูดจบก็ส่งป้ายบอกฐานะให้เธอ

“มอบให้แล้วยังไงต่อ”

“ข้าเองก็ไม่รู้กฎเกณฑ์ของตำหนักชิงเย่ากง ตำหนักมารแห่งนี้นอกจากคนในแล้ว คนนอกไม่เคยได้เข้า ส่วนคนที่เคยอยู่และถูกส่งออกมาล้วนถูกลบความทรงจำ ดังนั้นภายในตำหนักจึงลึกลับนัก อย่าลืมว่าในตอนที่ข้ามาพบเจ้าอีกครั้ง เจ้าต้องรุกเข้าไปใกล้ตัวของตี้จวินผู้นั้น อยู่ข้างกายเขาให้ได้”

“ข้ารู้แล้วน่า ท่านพูดทุกวันจนขี้หูข้าจะระเบิดอยู่แล้ว ยังไงก็มาถึงแล้วท่านวางใจเถิด...”

ข้าไม่ทำแน่นอนและจะหาทางหนีให้ได้

คำมั่นของนางทำให้แม่เฒ่าหลิวพอใจ จากนั้นจึงปล่อยให้นางเข้าร่วมกลุ่มสาวงามเดินตรงไปที่หน้าประตู

หญิงสาวเดินไปต่อท้ายแถวรอจนกระทั่งถึงคิวของเธอ หลิวฟางเฟยก็ส่งป้ายฐานะให้คนเฝ้าประตูตรวจสอบ

คนเฝ้าประตูใช้ไม้ส่องแสงอะไรบางอย่างแสกน เหมือนการแสกนบัตรผ่านในโลกปัจจุบัน จากนั้นก็จ้องหน้าเธอแล้วตวัดของวิเศษเบา ๆ

“หลิวฟางเฟย อยู่ในขั้นรวบรวมปราณแรกเริ่ม” จากนั้นก็สีหน้าสงสัย ว่าสตรีที่อยู่ในขั้นบำเพ็ญแรกเริ่มผ่านเข้ามาได้อย่างไร ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าที่เย้ายวนงดงามและดวงตากระจ่างใสแล้วก็พลันเข้าใจ

ผู้อาวุโสต้องการผู้สืบทอดที่หน้าตางดงาม จึงต้องคัดคนงามเข้าร่วม เผื่อว่าตี้จวินจะเห็นความงามนี้ และยอมยกให้นางเป็นหนึ่งในฮูหยินกระมัง

พวกคนแก่แน่นอนว่าชอบความครึกครื้น มีสาวงามมากมายเดินไปเดินมาก็ทำให้ตำหนังชิงเย่ากงครึกครื้นขึ้นมาและมีสีสัน

หลิวฟางเฟยเองก็กำลังมองพี่ทหารคนนี้อย่างสำรวจ เขาเป็นคนฝ่ายมาร รูปร่างผอมสูงคอยาวเหมือนยีราฟ เพราะเขาตัวสูงมากทำให้เธอต้องชะเง้อคอ

และแล้วพี่ยีราฟก็พยักหน้า

“ผ่านได้”

หลิวฟางเฟยนึกว่าจะเรียบร้อย เธอเก็บป้ายพนักงาน เอ๊ย ป้ายแสดงตัวมาห้อยไว้ที่เอว พอมาถึงด่านที่สองก็ถูกแสกนร่างกายอีก

ด่านนี้ยังไม่ทันได้มองอะไร เธอก็รู้สึกว่าตัวเองตัวเบาหวิว แป๊บเดียวก็มายืนอยู่ที่จุดหนึ่งซึ่งรายล้อมด้วยผู้หญิงมากมาย

“นี่ฉันว๊าปมาเหรอเนี่ย โอ้ แน่เลย ว๊าปจริง ๆ ด้วย อยู่คนละที่กับเมื่อกี้เลย สุดยอด”

ในขณะที่กำลังตื่นเต้น เธอก็เดินชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างผอมบาง แต่งกายด้วยชุดสีเขียว หน้าตาน่ารักไม่น้อย

“ขอโทษ ข้าชนเจ้าแล้ว ทำเจ้าเจ็บหรือเปล่า”

คนที่ชนคือเธอ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับกล่าวคำขอโทษ หลิวฟางเฟยจึงพูดว่า

“ข้าสิต้องขอโทษเจ้า เจ้าเจ็บหรือเปล่า”

“ข้าไม่เป็นไร”

หลิวฟางเฟยเห็นว่าสตรีนั้นท่าทางสุภาพเหมือนคุณหนูผู้อ่อนแอ จึงตัดสินใจผูกมิตร

“ไฮ... ข้ามาจากสำนักเซียนสกุลหลิว” น้ำเสียงสดใสผิดกับบรรยากาศอึมครึมรอบกาย “เห็นเจ้ามายืนคนเดียว ข้าเองก็ไม่มีเพื่อน ไหน ๆ ต้องมาอยู่ที่นี่แล้ว เราเป็นเพื่อนกันดีหรือเปล่า”

สตรีนางนั้นชะงักไปเล็กน้อย ดวงตากลมโตมองหลิวฟางเฟยตาปริบ ๆ สีหน้าฉายชัดถึงความสงสัยต่อท่าทางและถ้อยคำประหลาดของหลิวฟางเฟย

“เจ้าคือ…”

“อ้อ ข้าลืมมารยาทไปเสียแล้ว” จากนั้นจึงยื่นมือออกไปในท่าที่ไม่เคยมีใครเห็นในแผ่นดินนี้มาก่อน จับมือของหญิงสาวคนนั้นเอาไว้แล้วเขย่าเช็กแฮนด์เบา ๆ

“สวัสดีข้าชื่อหลิวฟางเฟย แล้วเจ้าล่ะ”

หญิงสาวตรงหน้าเลิกคิ้วด้วยความงุนงง เมื่อหลิวฟางเฟยยื่นมือออกมาจับมือของนางแล้วเขย่าเบา ๆ ก่อนจะดึงออก

จู่ ๆ มาจับมือข้าทำไม?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel