บทที่ 4
บทที่ 4 เด็กสาวทะลุมิติ
ขณะที่หลิวฟางเฟยยังเอามือกุมขมับ นั่งตระหนกกับความคิดไร้สาระว่าจะหายาคุมฉุกเฉินจากไหน แม่เฒ่าหลิวก็เปิดประตูเข้ามาในเรือนพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ
“ฟื้นแล้วหรือ รู้หรือไม่ว่าหากบิดาของเจ้ารู้ว่าเจ้าคิดหนี… จะมีผลอย่างไร”
หญิงสาวกลอกตาแรง ๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงท่าทางไร้เรี่ยวแรง
ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาหลิวฟางเฟยเจอมาทุกรูปแบบแล้ว ทั้งถูกโบย ถูกสั่งให้นั่งลงบนเบาะรองที่เต็มไปด้วยหนามแหลมเพื่อสำนึกถึงบรรพบุรุษสกุลหลิว
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ… ตอนนี้หมดแรงจะสู้แล้ว”
แม่เฒ่าหลิวยกมุมปากยิ้มเย็น “เจ้าคือบุตรสาวสกุลหลิว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ต่อไปอย่าได้คิดหนีอีก อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
หลิวฟางเฟยหันหน้ากลับมา เอ่ยเสียงอิดโรย
“แม่เฒ่าหลิว ข้าไม่อยากไปจริง ๆ นะ ด้วยความสามารถอ่อนด้อยของข้า จะไปเอาอะไรจากเขาได้ยังไงเล่า”
“เพราะเช่นนี้อย่างไรเล่า เจ้าถึงต้องฝึกวางยาให้เชี่ยวชาญ ต้องหาคัมภีร์สวรรค์ให้ได้ หากมีคัมภีร์วิเศษนั่นในมือ ส่งมอบให้บิดาของเจ้า ไม่นานต้องจัดการตงฟางเซียวเซียนได้แน่นอน”
หลิวฟางเฟยฟังเรื่องนี้จนเบื่อแล้ว เธอกลอกตาไปมาท่าทางเลื่อนลอยเอ่ยถามน้ำเสียงสิ้นหวัง “แล้วท่านจับข้ากลับมาได้ยังไง”
แม่เฒ่าหลิวหัวเราะหยันเบา ๆ “หึ… โอสถย้ายร่างนั้น ข้าเป็นคนทำเอง ย่อมทิ้งร่องรอยเอาไว้ หากมีแมวคิดจะขโมยของ… ก็มิพ้นเงื้อมมือข้า ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปไหนข้าก็ตามเจ้าพบ”
หลิวฟางเฟยได้แต่ด่าตัวเอง
เธอมันโง่ จริง ๆ มิน่าล่ะ แม่เฒ่าหลิวคนนี้ไม่ล็อกกลอนประตู ทำให้เธอเข้าไปขโมยของได้อย่างง่ายดาย
หลิวฟางเฟยถอนหายใจยาว เอ่ยถามเรื่องที่อยากรู้
“แม่เฒ่าหลิวตอนที่ท่านเจอข้า ท่านเห็นคนอื่นอยู่กับข้าหรือไม่”
แม่เฒ่าหลิวส่ายหน้า
“เจ้านอนหมดสติอยู่ตรงนั้น ถูกเวทสะกดให้นอนหลับ… นอกจากเจ้าแล้ว ข้าไม่พบผู้ใดอีก”
“แม่เฒ่าหลิว ข้าถามอีกเรื่อง ในป่านั่นท่านว่าจะมีต้นไม้พิษที่ทำให้ผู้ชายผู้หญิงเกิดความต้องการเอ่อ...ร่วมหลับนอนกันหรือไม่”
“ไม่มีสิ่งที่เจ้าว่าอย่างแน่นอน”
“ท่านแน่ใจหรือ”
แม่เฒ่าหลิวมองหลิวฟางเฟยถามคาดคั้น
“เจ้าถามทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่าได้คิดปิดบัง”
หลิวฟางเฟยตาโต หากว่าเธอไม่บริสุทธิ์แล้ว นั่นก็แปลว่าเธอต้องไม่ผ่านการคัดเลือกเป็นนางในฮาเร็มอย่างแน่นอน หลิวฟางเฟยจึงเล่าให้แม่เฒ่าหลิวฟังด้วยสีหน้าตื่นเต้น ว่าเธอเจออะไรมาบ้าง
แม่เฒ่าหลิวกลับมีสีหน้าราบเรียบเอ่ยว่า
“เจ้าคงถูกมนต์ปีศาจของปีศาจราคะเข้า”
หลิวฟางเฟยอ้าปากค้าง ท่าทางของแม่เฒ่าหลิวไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
“ตอนที่ข้าเจอเจ้า ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงเสื้อคลุมบุรุษผืนหนึ่งคลุมร่าง เจ้าหลับไม่ได้สติ และร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอย ข้าก็รู้แล้ว ว่าเจ้าต้องเจอมารราคะเข้าแล้ว เห็นหรือไม่การหนีไม่ใช่ความคิดที่ดี”
หลิวฟางเฟยสงสัย
“มารราคะนี่หล่อขนาดนี้เหรอ ในเมื่อหล่อเหลารูปงามดุจเทพบนสวรรค์ขนาดนี้ก็ต้องมีผู้หญิงชอบมากมาย ทำไมต้องใช้เวทย์มนต์ด้วย”
“เพราะคนผู้นั้นใช้อาคมกับเจ้า เจ้าจึงได้มองว่าเขารูปงามอย่างไรเล่า เนื้อแท้ของเขาอาจจะเป็นปีศาจหมูพุงพลุ้ย หัวโล้น ผู้หนึ่ง”
หลิวฟางเฟยขนลุกชันดวงตาเบิกกว้าง ตกใจจนเหงื่อซึม
“ท่านว่า ปีศาจราคะตัวจริงอาจจะเป็นหมูเหรอ”
แม่เฒ่าหลิวร้ายกาจมาก จ้องมองเธอแล้วเอ่ยคำเชือดเฉือน
“มีความเป็นไปได้สูง พวกปีศาจส่วนใหญ่ ก็เป็นเช่นนั้นอัปลักษณ์น่ารังเกียจ”
ม่ายยยย!!! ฝันหวานของฉัน ดับสลายไปแล้ว!!!
ตอนนี้แทบจะกราบฟ้าดินแล้วว่า ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย ทิ้งร่างหล่อเหลาของเขาเอาไว้ในฝันของเธอเถอะ ได้โปรด เธอไม่อาจรับความเป็นจริงได้ หากว่าผู้ชายคนนั้นเป็นปีศาจหมูจริง ๆ
“แม่เฒ่าหลิว ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็เถอะ ในเมื่อข้าไม่บริสุทธิ์แล้ว ท่านก็ปล่อยข้าไปเถอะนะ ข้าไปร่วมคัดเลือกพระชายานั่นอย่างไรก็ไม่ผ่านแน่นอน”
แม่เฒ่าหลิวหัวเราะเย็น
“เรื่องนี้มิใช่ปัญหา เจ้าเพียงแช่น้ำสมุนไพรทิพย์ของข้า ไม่นานร่างกายนี้ก็จะกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจ้าเคยผ่านสิ่งใดมาก่อน”
หลิวฟางเฟยหมดแรง กลอกตามองเพดานท่าทางเลื่อนลอย
“นี่คิดจะจับฉันใส่ตะกร้าล้างน้ำหลอกลวงคนอื่นจริง ๆ สินะ ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมกัน โอ๊ย จะบ้าตายอยู่แล้ว”
“เป็นความรับผิดชอบของเจ้าที่ต้องกำจัดมารฟื้นฟูแดนเซียนที่ตกเป็นทาสแดนมารมานานหลายร้อยปี เจ้าต้องหาคัมภีร์สวรรค์ให้เจอเพื่อกำจัดตงฟางเซียวเซียน”
หลิวฟางเฟยเบื่อที่จะฟังคำพวกนี้แล้ว ได้แต่ถอนหายใจแล้วคิดในใจ
ตี้จวินโรคจิตนั่น ฆ่าคนเป็นผักปลา แม่เฒ่าสติเพี้ยนนี่ เป็นท่านย่าของหลิวฟางเฟยแท้ ๆ แต่กลับจะให้หลานสาวไปหาตำราบ้าบออะไร นั่นมันส่งคนไปตายชัด ๆ
แม่เฒ่าหลิวหรี่ตามองสตรีที่ดูหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง ความจริงนางมิได้รักใคร่หลิวฟางเฟยเลยแม้แต่น้อย เพราะดูแคลนที่มารดาของหลิวฟางเฟยเป็นเพียงเซียนฐานะต่ำผู้หนึ่ง
ทว่าเพราะใบหน้าที่แสนจะงดงามเย้ายวนของหลิวฟางเฟย ที่ได้ผ่านการคัดเลือกจากตำหนักชิงเย่ากง จึงจำเป็นต้องส่งนางไปทำหน้าที่สำคัญนี้
แม่เฒ่าหลิวส่งเสียงเย็นชาแฝงแรงกดดัน
“นับแต่นี้ไป อย่าได้คิดทำเรื่องเปลืองแรงอีก ข้าได้ฝังของบางอย่างเอาไว้ในร่างเจ้าแล้ว ของสิ่งนั้น… หากเจ้าคิดทรยศหรือคิดหนีไปอีก มันจะกัดกินเลือดเนื้อของเจ้าให้ทรมานเจียนตาย”
หลิวฟางเฟยตื่นตระหนก ยัยแก่นี่ทำอะไรกันแน่
“แม่เฒ่าหลิว ท่านฝังอะไรไว้ในตัวข้ากันแน่ ที่ผ่านมาท่านให้ข้าทดลองพา ข้าเจ็บปวดไปทั้งตัวทรมานไปกี่ครั้งกี่หนแล้ว ท่านยังไม่พอใจอีกหรือ”
“หากเจ้าไม่คิดมีใจเป็นอื่นข้าก็คงไม่ต้องทำถึงขั้นนี้กับเจ้า ในเมื่อเป็นเด็กดื้อ ไม่รู้จักเชื่อฟังผู้ใหญ่ ข้าจึงจำเป็นต้องให้เจ้าได้รับความทุกข์ทรมานและไม่กล้าอีก ต่อไปหากว่าเจ้าไม่อยากทรมานอยู่ไม่สู้ตาย ก็จงเชื่อฟังข้าให้ดีเถิด”
