บทที่ 4 ทักษะพิเศษ (2)
"เดี๋ยว! เขาบอกว่าท่านดวงชะตาบัดซบ มันก็จะบัดซบงั้นหรือ"
"เฮ สาวน้อยเจ้าเป็นใครกัน ข้าเป็นหมอเทวดา ตรวจจับดวงชะตาของคนไม่เคยพลาด"
เมิ่งเหยียนซินจิ๊ปาก จากนั้นยกมือขึ้นกอดอก "ก็เขา!" นิ้วเรียวชี้ไปยังชายที่ยืนมึนงงอยู่ภายในวงล้อม ทุกคนต่างเหลือบมองตามปลายนิ้วของเมิ่งเหยียนซิน
"ขะ...ข้าหรือ" เขาหรี่นัยน์ตามองก็จำได้ว่าเมิ่งเหยียนซินคือหญิงสาวที่ตนเพิ่งชนเข้าโครมใหญ่เมื่อครู่
เมิ่งเหยียนซินพยักหน้าเป็นคำตอบ นับว่าชายคนนี้โชคดียิ่งนักที่เผลอกระทบไหล่ของนางเข้า เมิ่งเหยียนซินจึงบังเอิญมองเห็นว่ากาลข้างหน้าในอีกไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นกำลังจะเกิดสิ่งใด
เกรงว่านักต้มตุ๋นคนนั้นคงแอบสอดแนมกิจการของเขามาก่อน แต่วันนี้ชายคนดังกล่าวกำลังดวงเปิดวาสนาเปิด จากที่กิจการใกล้ล้มละลายจนต้องปิดตัวก็ได้มีเศรษฐีคนหนึ่งมาเหมาข้าวสารจากร้านของเขาเพื่อไปทำโรงทานแจกจ่ายบรรดาคนไร้บ้านเพื่อทำกุศลครั้งใหญ่
"อีกไม่นานลูกน้องของท่านจะมาหาท่าน"
"แม่หนูเจ้าหมายความว่าอย่างไร"
"ท่านรอดูก็แล้วกัน"
"เหลวไหล!" ชายนักต้มตุ๋นโพล่งขึ้น
"เจ้าน่ะสิเหลวไหล" จากนั้นเมิ่งเหยียนซินก็หันไปสบตากับชายที่เป็นเหยื่อ "ท่านอย่าได้หลงเชื่อหมอดูลวงโลก แล้วเสียเงินเสียทองโดยเปล่าประโยชน์เล่า ข้าจะบอกให้นะ ว่าท่านมิได้ดวงซวยเลยสักนิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านกราบไหว้บูชา ประทานคิวให้ท่านเป็นที่เรียบร้อย"
"วาจาประหลาดอะไรของเจ้า คิวคืออันใด!?" ชายนักต้มตุ๋นเหลืออด ดูเหมือนดรุณีผู้นี้จงใจตัดช่องทางทำมาหากินของเขาอย่างเห็นได้ชัด หรือนางกำลังจะเป็นคู่แข่งของเขา ไม่นานก็มีชายวัยแรกรุ่นผู้หนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
"เถ้าแก่ เถ้าแก่ขอรับ เถ้าแก่..."
"อะไรของเจ้า อาถังวิ่งหน้าตื่นมาเช่นนี้ มิใช่ร้านข้ากำลังจะถูกยึดรึ"
อาถังลูกจ้างร้านข้าวสารยืนเกาะเข่าหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า "ไม่ ๆ ขอรับ ข้าจะบอกว่า...ว่า..."
เพราะอาถังเอาแต่วิ่งไม่คิดชีวิต ทำให้ยามนี้การบอกเล่าเรื่องราวดูจะลำบากไปบ้าง น้ำเสียงที่เปล่งกระท่อนกระแท่นจนฟังไม่รู้ความ เมิ่งเหยียนซินยกนิ้วก้อยแคะหูรอฟังอยู่นาน คนอื่น ๆ ก็ลุ้นจนตัวงอ เมิ่งเหยียนซินจึงกล่าวแทนเสียเลย
"เขาจะบอกท่านว่า มีเศรษฐีมาเหมาข้าวสารไปหมดร้านแล้ว ตอนนี้ร้านของท่านมีเงินเข้าเป็นกอบเป็นกำ"
เด็กหนุ่มนิ่งอึ้ง เพราะนางประหนึ่งมานั่งกลางใจของเขา "นะ...นี่แม่นาง เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะพูดเช่นนี้"
"เพราะข้าเป็นผู้วิเศษ"
เมิ่งเหยียนซินขยิบตาหนึ่งฝั่ง ร่างระหงหมุนกายเป็นลูกข่างจากนั้นย่างเท้าผละจากวงล้อมด้วยทีท่าสบายใจ การล่วงรู้อนาคตข้างหน้าก็ดีอย่างนี้นี่เอง ส่วนที่ไม่มีในนิยายโผล่มาอย่างกับดอกเห็ด ถือว่าโชคดีที่ระบบทำให้นางกลายเป็นผู้วิเศษเข้าจริง ๆ
เถ้าแก่ผู้นั้นถึงขั้นมือไม้สั่นเทา ตำลึงเงินที่จะยื่นให้ชายต้มตุ๋นจึงถูกเก็บกลับ อีกฝ่ายแสดงท่าทีเสียดายพลางกัดฟันกรอด ส่วนบรรดาชาวบ้านที่มุงดูเห็นการยืนยันของอาเป่าก็ต่างฮือฮากันเสียยกใหญ่ ต่างพากันเหลียวมองตามเมิ่งเหยียนซินตาไม่กะพริบ
"นะ...นาง นางเป็นใครกัน เหตุใดจึงล่วงรู้ความในใจของผู้อื่น"
"นางคงมิใช่ภูตพราย หรือปีศาจใช่หรือไม่"
"จะเป็นไปได้อย่างไร ก็ในเมื่อนางเพิ่งช่วยให้เถ้าแก่คนนั้นไม่ถูกหลอกมิใช่รึ"
"นั่นน่ะสิ หรือนางเป็นผู้วิเศษจริง"
เสียงชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา ริมฝีปากสีกุหลาบยกยิ้มจนถึงดวงตา ในที่สุดเมิ่งเหยียนซินก็คิดหาวิธีเอาตัวรอดในดินแดนแห่งนี้ได้แล้ว บางทีอาจชี้ช่องทางรวยเป็นมหาเศรษฐินีได้เชียวล่ะ เมิ่งเหยียนซินเริ่มวาดฝันในใจ หลังจากเก็บเงินในคลังสมบัติมากหน่อย ก็หนีไปตั้งหลักที่อื่น คงนับว่าภารกิจสำเร็จกระมัง
ข้าจะเป็นหมอดูที่แม่นยำที่สุด และร่ำรวยมากเช่นเดียวกัน
ขณะที่ร่างระหงเดินห่างจากฝูงชนไปเรื่อย ๆ ก็มีสายตาคมกริบคู่หนึ่งจับจ้องเมิ่งเหยียนซินด้วยความใคร่รู้ คิ้วเข้มดุจกระบี่เคลื่อนเข้าหากันพลันขมวดแน่น ถ้วยชากระเบื้องเคลือบถูกยกขึ้นแช่มช้า เสียงทุ้มเอ่ยเย็นยะเยือก
"นางเป็นใคร"
"นายท่าน พวกเรายังไม่เคยเห็นสตรีนางนี้มาก่อน นางอาจจะเป็นหญิงต่างแคว้นก็ได้ขอรับ"
"น่าสนใจ ผู้วิเศษงั้นหรือ นางคงมิใช่นักต้มตุ๋นในคราบผู้วิเศษเช่นชายผู้นั้นกระมัง"
