บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 หาบ้านเช่า

 ตอนที่ 4

หาบ้านเช่า

 

หลังจากตัดสินใจที่จะออกไปใช้ชีวิตของตัวเองแล้ว รุ่งเช้าของวันใหม่หยุนชีก็ตื่นแต่เช้ามืด เก็บรวบรวมของมีค่าทั้งหมดที่หยุนชีคนเดิมมี จากนั้นก็ออกจากบ้านไป ถามจากคนแถวนั้นว่าโรงรับจำนำอยู่แถวไหน พอรู้แล้วก็นั่งรถโดยสารไป

จัดการแลกเปลี่ยนของมีค่าทั้งหมดเป็นเงินสด เก็บเอาไว้กับตัว เพื่อนำเงินก้อนนี้หาบ้านเช่าสักหลัง และเอาไว้เป็นทุนทำมาหากินเลี้ยงชีพต่อไป ซึ่งเธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะเปิดร้านขายข้าวราดแกง อาหารที่กินได้ทุกเวลา

หลังจากได้เงินแล้วก็เดินหาบ้านเช่า เดินเลียบไปตามถนนเรื่อย ๆ เดินไปไกลพอสมควรก็ยังหาบ้านเช่าไม่ได้สักหลัง จนขาลากแทบจะถอดใจแล้ว ก็มีเสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นทางด้านหลัง เธอจึงหันกลับไปมอง

รถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดข้างหญิงสาว บานกระจกประตูหลังลดลงต่ำ ใบหน้าหล่อเหลาชะโงกออกมา

“คุณหยุนชี ไปไหนหรือครับ”

พอเห็นเป็นผู้มีพระคุณที่เข้ามาทักทาย หยุนชีก็ฉีกยิ้มอย่างมีไมตรี รีบเดินเข้าไปใกล้ตัวรถยนต์ “เดินหาบ้านเช่าค่ะ แต่เดินมานานแล้ว ยังไม่เจอสักหลังเลย”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ คุณคิดจะย้ายออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียวหรือ” เก่อหลางสงสัยจึงเลือกที่จะถามตรง ๆ

“ค่ะ ฉันอยากออกมาหาประสบการณ์ชีวิต คนเราโตแล้วก็ต้องหัดยืนให้ได้ด้วยตัวเองไม่ใช่หรือคะ จะอยู่ใต้ปีกของพ่อกับแม่ไม่ได้ตลอดไปหรอก” หยุนชีเลือกที่จะไม่ว่าร้ายให้ใคร แต่ถ้ามีใครไปถามคนในครอบครัวของเธอก็ไม่แน่ พวกนั้นคงบรรยายสรรพคุณของเธอในทางเสีย ๆ หาย ๆ ให้ฟังอย่างแน่นอน

เก่อหลางได้ฟังคำตอบของหญิงสาววัยสิบเก้าปีก็นิ่งอึ้ง จากที่เคยคิดว่าอีกฝ่ายน่ารังเกียจนิสัยไม่ดี พอมาได้พูดคุย ได้ใกล้ชิด ทุกอย่างกลับตาลปัตรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จนเขาไม่นึกรังเกียจหญิงสาวอีกต่อไป

“ผมพอจะรู้จักบ้านว่างให้เช่า ถ้าคุณสนใจผมจะพาไปดู”

“สนใจซิคะสนใจ”

หยุนชีตอบรับอย่างกระตือรือร้น รีบเข้าไปนั่งเคียงข้างชายหนุ่มผู้มีพระคุณ ที่ตอนนี้เธอกำลังจะติดหนี้เขาอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

ตลอดทางที่นั่งรถไปดูบ้านเช่า เก่อหลางชวนหญิงสาวพูดคุยเรื่องต่าง ๆ จนรู้สึกเหมือนว่าเขากับหญิงสาวจะคุยถูกคอกันเป็นอย่างมาก จากระยะทางที่ไกลก็เหมือนกับว่าเป็นใกล้

ไม่นานก็มาถึงเขตย่านอุตสาหกรรม ที่มีผู้คนพลุกพล่าน หยุนชีมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ ด้วยย่านนี้เป็นทำเลที่ดี เหมาะกับการที่เธอจะเปิดร้านขายของอยู่พอดี

เพียงแต่ว่าย่านเศรษฐกิจเช่นนี้ ค่าเช่าบ้านน่าจะแพงกว่าย่านธรรมดาหลายเท่า ความกังวลใจจึงแสดงผ่านสีหน้าออกมา

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เก่อหลางเห็นสีหน้าแววตาของหญิงสาวเปลี่ยนไปจนผิดสังเกตจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ฉันลืมถามไป ว่าบ้านเช่าที่คุณจะพาไปดูแพงมากหรือเปล่า ถ้าแพงมากฉันคงสู้ราคาไม่ไหว” ถึงแม้บิดาบอกว่าจะมอบเงินให้ก้อนหนึ่ง แต่ก็น่าจะไม่มากเท่าไร ดังนั้นอะไรที่ประหยัดได้เธอก็ต้องประหยัดเอาไว้ก่อน

“นึกว่าเรื่องอะไร คุณไม่ต้องกังวลไป บ้านที่ผมจะพาไปดู นอกจากจะอยู่ติดกับโรงงานสองแห่ง ยังมีราคาย่อมเยา คุณจ่ายไหวแน่นอน” เก่อหลางบอกให้หญิงสาวสบายใจ เพราะบ้านเช่าที่เขาจะพาไปดู เป็นบ้านเช่าของมารดาเอง เขาสามารถพูดคุยให้มารดาช่วยลดราคาให้เป็นพิเศษได้

“อย่างนั้นหรือคะ ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย พอดีฉันมีเงินเก็บไม่มาก จะเก็บส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นทุนเรียนมหาวิทยาลัยด้วย”

หยุนชีสบายใจขึ้นเยอะ เธอมีเป้าหมายอยากจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเยว่ชิง ที่อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะเปิดรับสมัครอีกรอบสอง ไม่ใช่แค่อยากเอาชนะ แต่เพราะอยากพิสูจน์ให้พ่อแม่และพี่ชายของหยุนชีตัวจริง รับรู้ว่าลูกสาวคนรองของเขาไม่ได้ไร้ค่าอย่างที่พวกเขาคิด ไม่ใช่ขยะที่พวกเขาคิดจะทิ้งตอนไหนก็ทิ้ง

“ถึงแล้วหลังนี้แหละ”

หญิงสาวมัวแต่คิดเรื่องอนาคตเพลิน ๆ เสียงทุ้มนุ่มก็เรียกสติของหยุนชีคืนมา จนได้เห็นว่ารถยนต์ได้จอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านสองชั้น และฝั่งตรงข้ามเป็นโรงงานอย่างที่ชายหนุ่มบรรยายสรรพคุณเอาไว้

คนขับรถลงมาเปิดประตูให้เจ้านายกับหญิงสาวลงจากรถ เก่อหลางพาหญิงสาวเข้าไปเที่ยวเดินชมรอบตัวบ้าน อย่างกับคนที่คุ้นชินกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี จนหยุนชีสงสัยอยู่ไม่น้อย

“ว่าแต่เจ้าของบ้านหรือผู้ดูแลอยู่ไหนหรือคะ จะได้ตกลงเซ็นสัญญาเช่าบ้านเลย” หยุนชีลองเลียบเคียงถาม

เก่อหลางหน้าเหลอหลา เขาลืมคิดถึงจุดนี้ไปเลย รีบหันไปส่งสายตาให้ลูกน้องไปตามป้าจาง คนที่มารดาของเขามอบหมายให้ดูแลบ้านเช่าในละแวกนี้ ซึ่งลูกน้องก็รู้งานเข้าใจว่าต้องเตี๊ยมอะไรกับป้าจางบ้าง รีบเดินไปตามผู้ดูแลซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกสามหลัง

พอป้าจางหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามา ก็ทำทีแสร้งว่าไม่รู้จักคุณชายของตน ล้วงหยิบกุญแจออกมาไข เปิดประตูให้แขกทั้งสองเข้าไปสำรวจความเรียบร้อยภายในบ้าน

“เป็นไงคะ พอใจหรือเปล่า” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามหญิงสาวหลังจากเดินสำรวจบ้านเรียบร้อยแล้ว

“พอใจมากเลยค่ะ ทำเลดีเหมาะกับการเปิดร้าน” หยุนชีพูดจากใจจริง จากนั้นก็มีการเซ็นสัญญา พร้อมจ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งเดือนและรับกุญแจบ้านมาถือครองเอาไว้

“จะย้ายเข้ามาตอนไหนก็ได้นะคะ เดี๋ยวป้าจะเข้ามาทำความสะอาดไว้รอ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

เมื่อเสร็จธุระหญิงวัยกลางคนก็ขอตัวกลับบ้านพักของตนเอง ส่วนหยุนชีก็ลงมือปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็หันมาชักชวนชายหนุ่ม ที่ยื่นมือช่วยเหลือเธอสองครั้งแล้ว

“จะรังเกียจไหมคะ ถ้าฉันจะขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ”

“ยินดีเลยครับ” เก่อหลางตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด จากนั้นก็พากันกลับขึ้นรถ ขับตระเวนหาร้านอาหาร ซึ่งเขาให้หญิงสาวเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะกินร้านไหน ขันรถผ่านไปสักพัก หญิงสาวก็บอกให้จอดหน้าร้านบะหมี่ข้างทาง

“ไม่ทราบว่าคุณทานร้านข้างทางแบบนี้ได้หรือเปล่า”

ดูจากรถและการแต่งกายของชายหนุ่มแล้ว น่าจะเป็นคนมีฐานะดี เธอไม่รู้ว่าเขาจะกินอาหารข้างทางแบบเธอได้ไหม หากไม่ได้เธอคงต้องหาร้านหรูขึ้นมาอีกหน่อย

“ผมกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นละครับ” ชายหนุ่มตอบเปิดประตูก้าวลงจากรถเป็นคนแรก ส่วนหยุนชีนั้นหันไปคะยั้นคะยอให้คนขับรถของผู้มีพระคุณลงไปนั่งทานด้วยกัน

ตอนแรกคนขับรถก็อิดออด พอเห็นเจ้านายพยักหน้าเขาจึงตอบตกลง ลงจากรถมานั่งร่วมโต๊ะกับเจ้านายเป็นครั้งแรกของชีวิต

“อร่อยไหมคะ” หญิงสาวเห็นชายหนุ่มกินได้ก็ดีใจ

“อร่อยมากครับ ไม่นึกว่าร้านบะหมี่เล็ก ๆ แบบนี้จะอร่อยพอกับร้านอาหารระดับห้าดาวเลย”

เก่อหลางยอมรับในฝีมือของพ่อค้าร้านบะหมี่ข้างทาง ส่วนมากถ้าไม่ทานร้านอาหาร เขาก็มักจะกลับไปทานอาหารที่บ้าน ซึ่งมีเชฟส่วนตัวทำหน้าที่พ่อครัวประจำบ้าน นี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาทานอาหารข้างทาง อร่อยถึงขนาดต้องสั่งเพิ่มอีกชามหนึ่ง

หยุนชีนั้นกินแค่ชามเดียวก็อิ่มแล้ว หลังจากทุกคนกินอิ่มกันหมดแล้ว เธอก็ลุกไปจ่ายเงิน

“คราวนี้คุณเลี้ยงผม คราวหน้าให้ผมได้มีโอกาสได้เรียกข้าวคุณบ้างจะได้ไหม” เก่อหลางลองถามขึ้น ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากพบหน้าหญิงสาวอีกบ่อย ๆ

“ด้วยความยินดีค่ะ” หยุนชีตอบรับพร้อมรอยยิ้ม และยอมให้ชายหนุ่มไปส่งที่บ้านอีกครั้ง

จังหวะที่รถยนต์วิ่งมาหยุดอยู่หน้าบ้าน และเก่อหลางลงจากรถมาพูดคุยกับหยุนชีนั้น เป็นจังหวะที่หวังเยว่ชิงกลับมาจากไปหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่พอดี สายตาของเยว่ชิงนั้นหรี่มองภาพของพี่สาวบุญธรรมยืนพูดคุยกับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง การแต่งกายก็ภูมิฐาน ไหนจะรถยนต์หรูอีก ท่าทางของคนทั้งสองสนิทสนมกันจนนึกอิจฉา เลยรีบตรงเข้าไปหาพวกเขา

“พี่หยุนชี หายไปไหนมาทั้งวันค่ะ พึ่งออกจากโรงพยาบาลแท้ ๆ”

แม้ปากจะพูดกับพี่สาว แต่แววตาของเยว่ชิงกับลอบสำรวจใบหน้าค่าตาของชายหนุ่มที่พี่สาวรู้จัก เพียงได้เห็นความหล่อเหลาของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ใจของเธอก็เต้นแรง สั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก จะว่าคนตรงหน้าเป็นรักแรกของเธอเลยก็ว่าได้

“...” หยุนชีไม่ตอบคำทักนั้นของน้องสาว ยืนนิ่งใบหน้าเปลี่ยนมาเรียบเฉย ใช่ว่าเธอจะไม่เห็นแววตาที่น้องสาวบุญธรรมแสดงออกชัด ว่าสนใจในตัวชายหนุ่มตรงหน้ามากแค่ไหน เลยไม่คิดจะแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน

เยว่ชิงหวังให้พี่สาวแนะนำให้รู้จักกับชายหนุ่ม พอเห็นพี่สาวเอาแต่นิ่งเงียบ เลยเสนอหน้าหันไปแนะนำตัวกับชายหนุ่มเสียเอง

“ขอบคุณนะคะที่ช่วยมาส่งพี่สาวของฉัน คุณเอ่อ...”

เมื่อหญิงสาวพูดมาแบบนี้ มีหรือเก่อหลางจะทำเป็นนิ่งเฉยได้ จึงแนะนำตัวตามมารยาท “ผมหลางจูครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ...

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel