ตอนที่ 5 ชายหนุ่มที่ต้องตาต้องใจ
ตอนที่ 5
ชายหนุ่มที่ต้องตาต้องใจ
“ฉันเยว่ชิง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” หวังเยว่ชิงยิ้มหวานให้ชายหนุ่มตรงหน้า ไม่รู้ว่าเขากับพี่สาวมีความสัมพันธ์อย่างไร แต่เป็นคนที่เธอหมายตาเอาไว้ อย่างไรก็ต้องได้
หยุนชีเบื่อที่จะฟังน้องสาวจอมเสแสร้งพูด จึงเสียมารยาทขอตัวกลับเข้าบ้านก่อน “คุณหลางจู ฉันขอตัวกลับเข้าบ้านก่อนนะคะ ไปเตรียมเก็บของก่อน”
“คุณจะขนของย้ายวันไหน เผื่อผมว่างจะได้มาช่วย”
“น่าจะเป็นพรุ่งนี้เช้าค่ะ” หยุนชีพูดกับชายหนุ่มจบก็เดินหายเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้เยว่ชิงหาทางสานสัมพันธ์กับชายหนุ่มเอาเอง
พอพี่สาวบุญธรรมกลับเข้าบ้านไปแล้ว หวังเยว่ชิงก็ตีหน้าเศร้าหันมาพูดเสียงอ่อยให้ชายหนุ่มฟัง
“พี่สาวคงเกลียดฉันมาก ถึงขนาดไม่ยอมอยู่ร่วมบ้าน ฉันรู้ตัวดีว่าเป็นคนนอก สมควรที่จะออกไปจากครอบครัวหานเอง แต่พ่อกับแม่ไม่ยอม”
เก่อหลางตั้งใจจะกลับขึ้นรถ พอหญิงสาวพูดเลยต้องหยุดยืนฟัง ภายในใจได้แต่คิดว่า เยว่ชิงคนนี้ไม่รู้จักกาลเทศะเลย เรื่องภายในบ้านกลับนำมาเล่าให้คนนอกที่พึ่งรู้จักฟัง
เยว่ชิงเห็นอีกฝ่ายยืนตั้งใจฟังก็รีบพูดต่อ “ความจริงฉันรักพี่สาวมากนะคะ ถึงแม้จะถูกพี่สาวรังแกอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม ล่าสุดรุนแรงถึงขนาดผลักฉันตกน้ำ พี่สาวคงอยากเห็นฉันตาย”
มาถึงตรงนี้เก่อหลางเลิกคิ้ว สงสัยว่าคนตรงหน้าจำเขาไม่ได้หรืออย่างไร วันนั้นเขาเองเป็นคนกระโดดลงไปช่วยชีวิตพี่สาวที่จมน้ำเกือบตาย ส่วนเจ้าตัวมีครอบครัวคอยปกป้อง ไม่ได้รับอันตรายจากการตกน้ำเลย แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา พูดกับหญิงสาวแค่ว่า “ไม่นึกว่าพี่สาวของคุณจะใจร้ายแบบนั้นนะครับ”
เยว่ชิงได้โอกาสใส่สีตีไข่ต่อ “ฉันก็ไม่อยากว่าร้ายพี่สาวหรอกนะคะ แต่ฉันเห็นคุณเป็นคนดี เลยอยากจะเตือนคุณเสียหน่อย กลัวว่าคุณจะถูกพี่สาวหลอก นอกจากพี่สาวของฉันจะใจร้ายแล้ว ยังชอบอ่อยผู้ชายไปทั่ว ขนาดพี่สาวมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะคะ ยังไม่วายให้ความหวังกับผู้ชายอื่นอีก”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน มีธุระไปทำที่อื่นอีก” ยิ่งพูดคุยกับหญิงสาว เก่อหลางยิ่งรู้สึกไม่ถูกชะตา ทั้ง ๆ ที่ท่าทีของหญิงสาวออกจะเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ลักษณะนิสัยที่ซ่อนเอาไว้กลับดูร้ายลึกอย่างไรชอบกล
“หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีกนะคะ” เยว่ชิงเสียดาย ยังไม่อยากให้ชายหนุ่มกลับเลย เธอมัวแต่ใส่ร้ายพี่สาว ยังไม่ทันได้สานสัมพันธ์กับคนที่ถูกตาต้องใจเลย
“ครับ” เก่อหลางรับคำตามมารยาท รีบกลับขึ้นรถ สั่งให้คนขับรถขับออกไปอย่ารอช้า
ยืนมองจนรถยนต์คันหรูแล่นหายลับจากสายตาไปแล้ว เยว่ชิงก็รีบกลับเข้าบ้าน ตรงขึ้นไปชั้นสอง เคาะประตูห้องนอนของพี่สาวบุญธรรม
...ก๊อก!...ก๊อก!...
เจ้าของห้องเดินมาเปิดประตู พอเห็นว่าเป็นใครมารบกวนเวลาเก็บของก็ชักสีหน้า เอ่ยถามเสียงห้วน “มีอะไร”
“พี่กับคุณหลางจูเป็นอะไรกัน” เยว่ชิงถามเข้าประเด็นทันที
หยุนชีแค่นรอยยิ้ม คิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าเยว่ชิงต้องสนใจเรื่องของหลางจูมากแน่ ๆ “มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“ทำไมจะไม่ใช่ อย่างไรพี่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนของสกุลหาน ถึงแม้จะถูกพ่อกับแม่ตัดขาดแล้วก็เถอะ จะทำอะไรก็คิดถึงผลเสียที่จะตามมาบ้าง อย่าลืมสิว่าพี่เองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ยังจะไปให้ท่าคุณหลางจูอีกทำไม”
หยุนชีถึงกลับยกสองมือขึ้นกอดอก มองหญิงสาวอายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปี ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แววตาเจือความเหยียดหยามอยู่ในนั้น
“เยว่ชิง อย่าแสร้งทำเป็นห่วงชื่อเสียงของตระกูลเลย พูดมาตามตรงเถอะว่าเธอถูกใจคุณหลางจู แล้วกลัวว่าคุณหลางจูเขาจะมาสนใจฉัน ไม่เห็นต้องพูดอ้อมค้อมให้เสียเวลา”
เยว่ชิงถูกรู้ทัน แต่ก็ยังเชิดหน้าคอแข็ง “คนอย่างคุณหลางจู ไม่มีวันหลงเสน่ห์พี่หรอก เขาต้องเลือกสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตเขาอย่างแน่นอน ซึ่งนั้นย่อมหมายถึงฉันด้วย”
“เธอมั่นใจเกินไปแล้วนะเยว่ชิง ดูเหมือนเธอจะอยากแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของฉันเสียเหลือเกิน ขนาดคู่หมั้นของฉัน เธอยังแอบเขียนจดหมายไปรายงานว่าฉันนิสัยไม่ดีอย่างนี้อย่างนั้นเลย ตอนนั้นเธอก็อยากได้คู่หมั้นของฉันด้วยไม่ใช่หรือ”
“หยุนชี เธอ...” เยว่ชิงรู้สึกขุ่นเคืองใจ ไม่นึกว่าพี่สาวบุญธรรมจะรู้เรื่องจดหมายที่เธอแอบเขียนส่งไปให้บ้านจู เล่าวีรกรรมนิสัยใจคอของพี่สาวให้พวกเขาฟัง แต่ส่งไปหลายฉบับ ก็ไม่เห็นวี่แววว่าฝ่ายนั้นจะเปลี่ยนตัวคู่หมั้นเลย “อย่าบอกนะว่าจดหมายพวกนั้น เธอยึดเอาไว้หมด” ความโกรธทำให้เธอไม่เรียกอีกฝ่ายว่าพี่อีก
“ใช่ จดหมายพวกนั้น เพื่อนสนิทของฉันเก็บไว้ให้ฉันทั้งหมด เธอไม่นึกแปลกใจหรือว่า ทำไมฉันไม่เชื่อท่าทีเรียบร้อยอ่อนหวานที่แสดงออกของเธอ ก็เพราะจดหมายพวกนี้ยังไงล่ะ ที่บอกว่าเธอเป็นพวกมารยาสาไถยแค่ไหน” ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม มีความทรงจำนี้ทั้งหมด ใช่ว่าจะไม่เคยนำเรื่องนี้ไปบอกใคร หยุนชีเคยนำจดหมายนี้ไปบอกมารดามาก่อน นอกจากมารดาจะไม่เชื่อแล้ว ยังหาว่าเธอใส่ร้ายน้องสาวอีก
เยว่ชิงพยายามสงบจิตใจ ถึงอีกฝ่ายจะมีจดหมายแล้วอย่างไร เธอเชื่อว่าระหว่างเธอกับพี่สาว คนในครอบครัวหานต้องเชื่อเธอมากกว่าอยู่แล้ว “มีจดหมายแล้วยังไง รู้แล้วจะทำอะไรฉันได้ ในบ้านหลังนี้พี่ก็รู้นี้ว่าใครสำคัญที่สุด ลองดูไหมล่ะ”
ร่างบอบบางของเยว่ชิงตั้งท่าจะทรุดตัวลงกับพื้น หยุนชีรู้ทันความคิดว่าอีกฝ่ายคิดจะใส่ร้ายเธออีก รีบเอื้อมมือไปคว้ามือของน้องสาวเอาไว้ ไม่ให้นั่งลงกับพื้นไปก่อน ไม่ใช่จะห้ามไม่ให้อีกฝ่ายทำ แต่เธออยากจะเป็นคนลงมือทำจริง ๆ มากกว่า พอคว้ามือของน้องสาวได้ ก็ออกแรงเหวี่ยงจนร่างของน้องสาวปลิวไปกระแทกกับราวบันไดจนเกือบผลัดตกลงบันไดไป
“พอใจเธอหรือยัง เยว่ชิง” พอเหวี่ยงอีกฝ่ายไปกระแทกกับราวบันไดเสร็จก็กลับเข้าห้องนอนปิดประตูใส่หน้าไม่สนใจใครอีก
ส่วนคนที่หลังกระแทกเข้ากับราวบันไดอย่างแรงนั้น ใบหน้านิ้วเหยเกด้วยความเจ็บปวด เป็นครั้งแรกที่เธอถูกพี่สาวบุญธรรมเล่นงานจริง ๆ เจ็บถึงขนาดน้ำตาเอ่อคลอเบ้าตา
“คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย ช่วยฉันด้วยฮือ ๆ” เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังขึ้นลั่นบ้าน
จนคนเป็นพ่อแม่กับพี่ชาย ที่อยู่ชั้นล่างรีบพากันวิ่งขึ้นบันไดมาดู ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เยว่ชิงเป็นอะไรไปลูก” ซีเหม่ยเอ่ยถามบุตรสาวทันที
“พี่...พี่หยุนชีค่ะ พี่เขาผลักหนูล้ม แค่หนูมาเตือนไม่ให้พี่เขายุ่งกับผู้ชายจนน่าเกลียด ฮือ ๆ” เยว่ชีฟ้องไปร้องไห้ไป เรียกคะแนนสงสารได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหลัวหยุนที่โกรธจนควันออกหู เข้าไปเคาะประตูดังปัง ๆ
“หยุนชี แกเปิดประตูออกมาเดี๋ยวนี้นะ กล้าทำผิดก็หัดกล้ายอมรับผิดสิ ออกมาขอโทษเยว่ชิงเดี๋ยวนี้”
คนที่ถูกเคาะประตูเรียก ไม่ได้สนใจยังคงตั้งหน้าตั้งตาเก็บเสื้อผ้าของใช้ใส่กระเป๋า ปล่อยให้คนบ้าพวกนั้นบ้าเชื่อมารยาของคนนอกสายเลือดไป เสียงเอะอะโวยวายด้านนอกดังอยู่พักใหญ่ ถึงได้เงียบเสียงลง
“หยุดบ้าเสียที น่ารำคาญเสียจริง” หยุนชีบ่นเก็บของใช้ส่วนตัวจนเสร็จ พอตกค่ำก็อาบน้ำทิ้งตัวลงนอนพักผ่อน วาดฝันถึงอิสระ ความสงบเงียบ ที่ไม่ต้องสู้รบตบมือกับน้องสาวบุญธรรมจอมเสแสร้งอีก...
รุ่งเช้า หานหยุนชีตื่นขึ้นมา ขนของทุกอย่างออกมาไว้นอกประตูรั้วบ้าน โดยไม่มีใครคิดช่วยเหลือ แม้แต่คำร่ำลาจากคนในครอบครัว พวกเขาไม่พูดด้วย ไม่ชายตามอง ทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้ มีเพียงซองสีน้ำตาลที่ใส่เงินหยวนปึกหนึ่งถูกโยนมาให้เท่านั้น
หยุนชีก็ไม่คิดจะพูดอะไรกับคนที่ไม่เห็นเธอเป็นครอบครัว หยิบซองกระดาษสีน้ำตาลมา แล้วออกไปรอหลางจู ที่บอกว่าจะมาช่วยเธอขนของย้ายบ้าน รออยู่ไม่นาน รถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน ตามมาด้วยร่างสูงโปร่งกับคนขับรถของเขา ที่ลงมาช่วยขนของทั้งหมดขึ้นรถ
“หมดแค่นี้ใช่ไหมครับ” เก่อหลางมองกระเป๋าไม่กี่ใบ หากเทียบกับฐานะของหญิงสาว เสื้อผ้าของใช้น่าจะเยอะกว่านี้
“หมดแค่นี้ละค่ะ พวกเราไปกันเถอะ” ยังไม่ทันที่หยุนชีกับชายหนุ่มจะก้าวขึ้นรถ ร่างบอบบางพร้อมเสียงร้องไห้ของหญิงสาวก็ดังขึ้น
“ฮือ ๆ พี่หยุนชี จะไปจริง ๆ หรือคะ” เยว่ชิงร้องไห้วิ่งเข้ามาสวมกอดพี่สาวบุญธรรมจากทางด้านหลัง ทำท่าเสียใจอย่างหนักทั้งที่ภายในใจดีใจจนเหลือแสน
“ปล่อย” หยุนชีสั่งน้ำเสียงเย็นชา เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย เธอเลยสะบัดตัวอย่างแรง จนอีกฝ่ายเสียหลักเกือบล้ม
“พี่หยุนชี ถ้าพี่จะไปขอฉันไปช่วยพี่ขนของได้หรือเปล่า วันหลังเวลาฉันคิดถึงพี่ จะได้ไปหาพี่บ้าง” เยว่ชิงเห็นชายหนุ่มที่หมายปองมารับพี่สาวบุญธรรมจริง ๆ ถึงได้รีบเสนอหน้าออกมา
“ไม่เป็นไร พี่ไม่อยากรบกวนเวลาของคุณหนูเล็กหานหรอกค่ะ เชิญเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองให้สบายดีกว่า” หยุนชีหันมาฉีกยิ้มให้น้องสาว ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ...
