ตอนที่ 2 ระบบมิติ
ตอนที่ 2 ระบบมิติ
หลังจากที่ฉินหรูอี้มาถึงบ้านหลังเล็กที่เธอเช่าอยู่เธอกวาดสายตาจ้องมองไปจนทั่วห้องทุกอย่างช่างสกปรกและไม่เป็นระเบียบนี่หรือชีวิตนางร้ายในนิยาย
“อะไรกันทำไมบ้านถึงได้รกเหมือนรังหนูแบบนี้ก็รู้อยู่หรอกว่าเหยียนเสี่ยวหลิงเป็นคนขี้เกียจรักความสบายแต่ไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้ สวรรค์ทำไมไม่ส่งฉันเป็นนางเอกกันให้ตายสิ” ฉินหรูอี้บ่นพึมพำเดินทอดน่องไปที่เตียงนอนก่อนจะโน้มตัวลงไปนอนฟุบบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า จ้องมองเพดานสีขาวไข่ก่อนจะผล็อยหลับไปเพราะร่างกายพึ่งจะผ่านศึกหนักมา
เวลาผ่านไปพักใหญ่ร่างเล็กดิ้นไปมายกเปลือกตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นมาอย่างช้า ๆ
“คิดว่าฝันไปคงจะเป็นความจริงสินะ เอาล่ะฉินหรูอี้ต่อจากนี้เธอต้องใช้ชีวิตเป็นเหยียนเสี่ยวหลิงก่อนอื่นจะต้องหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยทำความสะอาดบ้านหลังนี้ให้น่าอยู่กัน” เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องฉินหรูอี้ลุกขึ้นเดินเข้าครัวหาทำอะไรง่าย ๆ กินต่อจากนั้นเธอได้จัดการเก็บกวาดบ้านที่รกสกปรกจนน่าอยู่ ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำบ่งบอกว่าตอนนี้ถึงช่วงบ่ายแล้ว ร่างบางจัดการอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่จ้องมองร่างกายที่มีร่องรอยของไป๋เทียนเฉินทิ้งค้างเอาไว้ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอีกครั้ง
“ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวเสียหน่อย ฉันจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนเนื้อเรื่องในนิยายหรอกนะ อุ้ย! ทำไมฉันพึ่งนึกได้แล้วอย่างนี้ฉันจะทำยังไงดี” ฉินหรูอี้คิดขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เธอเป็นพนักงานที่โรงงานของตระกูลไป๋เทียนเฉินหลังจากที่เรียนจบ เมื่อวานนี้เป็นการฉลองของโรงงานทำให้เธอได้มีโอกาสใกล้ชิดและวางยาเขา ฉินหรูอี้ใช้มือกุมขมับอย่างคิดไม่ตก จู่ ๆ แสงสว่างได้ส่องแสงอยู่ตรงหน้าเสียงปริศนาดังขึ้นแม้ไม่มีคนสักคนนอกจากตัวของฉินหรูอี้
‘สวัสดีฉันคือระบบมิติ ยินดีต้อนรับฉินหรูอี้เธอคือผู้โชคดีที่ถูกเลือกให้ใช้มิติของระบบได้ตามที่ต้องการ’ น้ำเสียงเจี้ยวจ้าวดังขึ้นฉินหรูอี้มองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
“ใครนะ!! เสียงใครมาอยู่ในห้องของฉันได้ไงออกมานะ หรือว่าจะเป็นผี”
“ฮึ ฮึ เธอไม่ต้องกลัวฉันไม่ใช่ผี บอกไปแล้วไงฉันคือระบบมิติที่จะมาช่วยเธอในการใช้ชีวิตในยุคทศวรรษ 1980 เธอไม่ใช่คนยุคนี้และเธอมาอาศัยอยู่ในร่างที่ไม่มีศีลธรรมความดี มีแต่ความอิจฉาริษยาต่อจากนี้หากเธออยากเป็นคนดีและมีงานการที่ดีฉันจะช่วยเหลือเธอเอง "ฉินหรูอี้เริ่มคิดตามคำพูดของระบบ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักว่าระบบคืออะไรแต่ที่เธอยังลังเลเพราะไม่คิดเลยว่าเธอจะได้ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายแถมยังมีมิติอีกด้วย ในเมื่อเป็นอย่างนี้เรื่องที่เธอกังวลอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธออีกต่อไป
“แล้วฉันจะใช้อะไรในมิติก็ได้ใช้มั้ย? มีข้อห้ามหรือข้อเสียอะไรหรือเปล่า "
“ข้อห้ามไม่มีไม่ว่าเธอต้องการอะไรสามารถใช้ได้ทั้งนั้นแต่มีข้อแม้เรื่องเดียวหลังจากที่ชีวิตของเธอในร่างของเหยียนเสี่ยวหลิงมั่นคงฉันและระบบจะหายไปทันที”
‘มีอย่างนี้ก็ดีนะสิ เมื่อไหร่ที่ฉันมั่งคงเป็นคนรวยสินะ ฮ่า ฮ่า อย่างนี้ฉันจะมาทำให้ตัวเองเป็นเศรษฐีเองและไม่ต้องไปยุ่งวุ่นวายเสนอตัวให้ใครอีก เนื้อเรื่องในนิยายก็จะเปลี่ยนไปฉันจะได้เป็นเพื่อนที่ดีของนางเอกไม่เสียเพื่อนแถมยังร่ำรวย ดี ดี” ฉินหรูอี้คิดในใจก่อนจะตกลงเรื่องการใช้มิติ
“ตกลงฉันจะใช้ระบบมิติของเธอ ว่าแต่เธอชื่ออะไรแล้วคนอื่นที่อยู่ในยุคนี้จะเห็นเธอมั้ย”
“ฉันไม่มีตัวตนไม่มีชื่อและไม่มีใครเห็นและได้ยินเสียงฉันได้นอกจากเธอ ขอให้เธอมีความสุขในระบบที่ฉันมอบให้หวังว่าเธอจะใช้มันเป็นประโยชน์ที่สุด เมื่อไหร่ที่เธอต้องการใช้เพียงนึกถึงทุกอย่างจะมาอยู่ต่อหน้าเธอทันที " ฉินหรูอี้ยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินเสียงระบบดังขึ้น หลังจากนี้เธอทำความเข้าใจทุกอย่างลองนึกถึงสิ่งของที่อยู่ในยุคปัจจุบันก็ปรากฏมาอยู่ต่อหน้าเธออย่างมหัสจรรย์ ฉินหรูอี้เริ่มคิดการใช้ชีวิตต่อจากนี้อย่างตื่นเต้นไม่ว่าจะทำอะไรไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหรือแม้เธอจะไม่ทำอะไรก็คงมีกินตลอดชีวิต ทว่ามิตินั้นอยู่กับเธอไม่มั่นคงเธอจึงคิดหาหนทางทำกิจการของตัวเอง
ดวงตะวันเริ่มมืดสลัวแสงสว่างของดวงไฟเริ่มแทนที่แสงดวงตะวัน ร่างเล็กเพลิดเพลินกับการใช้มิติจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เธอหยุดที่จะนึกถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในปัจจุบัน
ก๊อก ๆ ฉินหรูอี้เดินไปเปิดประตูเพื่อดูคนที่มาเยือน ทันทีที่ประตูเปิดออกไปเธอจ้องมองคนมาเยือนตั้งแต่หัวจรดเท้าก็จำได้ทันทีว่านี่คือเพื่อนสนิทหรือว่านางเอกในนิยายเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่เล็กเรียวจมูกเข้ากับรูปปากผิวขาวนวลใสราวกับก้อนเมฆทุกคำที่บรรยายออกมาจากตัวหนังสือตอนนี้ได้ยืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว
“เหยียนเสี่ยวหลิงทำไมเธอไม่เปิดประตูสักที วันนี้ทั้งวันเธอไม่ติดต่อโทรเลขหาฉันเลยมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ฉันได้ยินมาว่าเธอไปร่วมงานเลี้ยงฉลองโรงงานเทียนเฉินมาเธอเห็นเขามั้ย?” ปากกระจับเอ่ยถามเธอไม่หยุดด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นถามถึงชายที่เธอชื่นชอบ ฉินหรูอี้ที่อยู่ในร่างของเหยียนเสี่ยวหลิงยิ้มเจือน ๆ ก่อนจะดึงแขนของเพื่อนเข้ามาในห้องก่อน
“เข้ามาข้างในก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง” ทันทีที่เธอเดินเข้ามาสายตาของมู่หรูเหยาจ้องมองไปทั่วห้องทำให้เธอคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยก่อนจะใช้มือแตะลงที่หน้าผากของเหยียนเสี่ยวหลิง จนเธอต้องผงะด้วยความตกใจ
“ทะ ..ทำอะไร”
“ฉันแค่สงสัยทำไมห้องเธอถึงได้ดูเป็นระเบียบแบบนี้ ตั้งแต่รู้จักกันมาฉันไม่เคยเห็นห้องเธอเป็นแบบนี้มาก่อน เอ๊ะว่าแต่นั้นอะไรกัน ...เธอมีเงินซื้อของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” มู่หรูเหยามองไปที่ของใช้มากมายรวมถึงครีมบำรุงหน้าน้ำหอมของใช้รวมทั้งกระเป๋ามากมายที่อยู่บนที่นอน ฉินหรูอี้ตกใจชั่วครู่เพราะเธอลืมเก็บของหลังจากที่นำออกมาจากมิติ รีบคิดหาข้ออ้างโกหกมู่หรูเหยาทันที
“เอ่อ..ของพวกนี้ฉันได้มาจากงานเลี้ยงนะ พอดีมีกิจกรรมจับรางวัลผู้โชคดีและฉันก็เป็นคนที่โชคดี ของพวกนี้เป็นของรางวัลว่าแต่เมื่อครู่เธอถามถึงไป๋เทียนเฉินใช่มั้ย? ฉันจะเล่าให้ฟังมื้อคืนนี้เขาโดดเด่นที่สุดในงานเลยทุกสายตาต้องจ้องมองไปที่เขา ฉันละอยากให้เธอเห็นจริง ๆ ว่าเขาหล่อเหลาขนาดไหนไม่วง่าชายใดในมณฑลก็ไม่สามารถเทียบได้ " ฉินหรูอี้ดันหลังของมู่หรูเหยาไปที่โซฟาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง แต่ทว่าสายตาของมู่หรูเหยายังคงมองไปที่สิ่งของอย่างสงสัย มีช่วงหนึ่งที่ฉินหรูอี้เหลือบไปเป็นสายตาแปลก ๆ ของมู่หรูเหยาแต่คงเป็นเพราะเธอตาฝาดไปเองเลยไม่ได้คิดอะไร รีบเล่าเรื่องของไป๋เทียนเฉินให้มู่หรูเหยาฟัง จนกระทั่งตอนนี้เวาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มมู่หรูเหยาเลยขอตัวกลับ
“ฉันดีใจนะที่เธอเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง แต่อีกไม่นานฉันกับเทียนเฉินจะได้หมั้นหมายกันเมื่อนั้นเธอไม่ต้องคอยรายงานเรื่องของเขาแล้วล่ะ จริงสิฉันคิดว่ากระเป๋าใบนี้ฉันเบื่อแล้วเธอเองก็ไม่ค่อยมีกระเป๋าใช้เอาของเก่าฉันไปสิ ถือว่าเป็นของตอบแทนที่เธอเล่าเรื่องของเทียนเฉินให้ฉันฟัง ไม่ต้องเกรงใจนะเพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเธอก็ใช้ของเก่าฉันทั้งนั้น เธอคงไม่รังเกียจใช่มั้ยเพราะฉันใช้มันไม่กี่ครั้งเอง”
ฉินหรูอี้เอะใจในคำพูดของมู่หรูเหยาเล็กน้อยแต่ก็ไม่อยากจะพูดอะไรคงเป็นความใจดีมีเมตตาของนางเอกนิยายอย่างมู่หรูเหยาเลยมีน้ำใจนึกถึงเหยียนเสี่ยวหลิงเลยเอาของที่เธอเบื่อมาให้ใช้จึงรับเอาไว้
"ขอบใจนะที่เธอคิดถึงฉันเสมอ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดและเป็นเพื่อนคนเดียวที่ยอมคบกับฉันเธอเป็นคนดีจริง ๆ "
"เพราะฉันเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอ ถึงได้ใจดียอมแบ่งปันทุกอย่างให้เธอต่อจากนี้อยากได้อะไรบอกฉันนะ ดูแลตัวเองให้ดีฉันไปล่ะ เธอต้องพักผ่อนเพราะทำงานหนักต่างจากฉันหลังจากเรียนจบก็อยู่แต่บ้านเพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่ยอมให้ลูกสาวคนเดียวอย่างฉันทำงานเลย ฉันไปจริง ๆ แล้วนะ" ฉินหรูอี้คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างงงงวยแต่ก็โบกมือลามู่หรูเหยาที่ลุกขึ้นเดินออกจากห้องเธอไป
'แปลกจริง ๆ ในนิยายไม่เห็นมีบทพูดนี่เลยหรือว่าเพราะฉันเปลี่ยนแปลงบทนิยายเลยมีเนื้อหาที่เปลี่ยนไปสินะ คงไม่มีอะไรหรอกฉันคงคิดมากไปเอง' เธอคิดในใจเดินไปส่งมู่หรูเหยาหน้าประตูจ้องมองจนเธอจากไปพร้อมเดินกลับเข้ามาที่ห้องของตัวเอง
