ตอนที่ 4 ไม่คิดเสียใจ
ที่ตลาดประจำตำบล หลินเสี่ยวเหยาอ่านป้ายแล้วเพิ่งรู้ว่าที่แท้เธออยู่เมืองจิงหนาน มณฑลเจียงซู หมู่บ้านที่อยู่ชื่อว่าหมู่บ้านอันจิ้ง มีความหมายว่าเงียบสงบ แต่เธอกลับอยู่ไม่สงบเลยตั้งแต่มาถึง
หลินเสี่ยวเหยาเดินตามหลังสามีเล่นไปตามแผงขายของในตลาด เธอใช้คูปองซื้อเนื้อหมู ข้าวสาร และแป้งสาลี แบ่งตามชนิดของคูปอง จากนั้นก็ใช้เงินซื้อผักจำนวนหนึ่ง ใส่ตะกร้าให้ต้าซานเป็นคนสะพาย
ตอนแรกเขาไม่ยินยอม จะให้เธอเป็นคนสะพายตะกร้า แต่เธอบอกว่าไม่สบายและเกรงว่าชาวบ้านจะครหา ทำให้เขาจำต้องยอมแบกของเหล่านี้ให้แก่เธอ
ขณะที่เดินดูของไปเรื่อย ๆ เธอก็เหลือบไปเห็นแผงขายของที่มีสมุนไพรบางชนิดที่หากใช้เกินขนาดก็สามารถทำให้เป็นพิษต่อร่างกายได้ พลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาอย่างมีเลศนัย
เมื่อคิดแผนการบางอย่างได้นั้น เธอจึงซื้อสมุนไพรติดมือไว้ ก่อนจะเดินกลับบ้านพร้อมกับแผนใหม่ที่ชัดเจนขึ้นในใจ
ถามว่าเสียใจหรือไม่ที่วางแผนการหย่าร้าง ยิ่งเธอเป็นสะใภ้ก็ย่อมต้องเคารพผู้อาวุโสและต้องเอาใจสามี แต่เมื่อหวนนึกถึงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมแล้วก็บอกได้เลยว่าไม่นึกเสียใจ
ในคืนหนึ่งที่มืดมิดและเงียบสงัด หลินเสี่ยวเหยา นั่งอยู่ในห้องนอนท่ามกลางเสียงฝนตก
หญิงสาวหลับตาลง นึกเมื่อครั้งที่เพิ่งแต่งงานใหม่ ๆ เธอรู้สึกเต็มไปด้วยความหวังที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับสามี ผู้ชายที่เคยดูอบอุ่นและเป็นที่พึ่งพาได้ในสายตาของเธอ แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับเป็นการละเลยจากทั้งเขาและแม่สามีที่เคยยิ้มหวานให้เธอตอนที่ยังเป็นสาวในวันแต่งงาน
หลี่ต้าซานไม่เคยแสดงความรักหรือความสนใจในตัวเธออย่างที่เธอคาดหวัง เขามักจะกดขี่เธอ พูดกดให้เธอดูต่ำต้อย ไม่เห็นว่าเธอเป็นภรรยา และเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับการพูดคุย หรือแม้แต่ถามสารทุกข์สุกดิบกัน
“สามีเหนื่อยหรือไม่” หลินเสี่ยวเหยามักจะถามด้วยความห่วงใยในทุก ๆ วันเมื่อเขากลับบ้าน แต่คำตอบกลับมาสามีก็คือสีหน้ารำคาญที่มีต่อเธอ
ทุก ๆ วันหลินเสี่ยวเหยาจะทำงานบ้านอย่างหนัก ตั้งแต่การทำความสะอาด การซักผ้า ไปจนถึงการเตรียมอาหาร แต่ทว่าทุกการกระทำเหล่านั้นกลับไม่ได้รับการชื่นชมจากหลี่ต้าซานหรือแม่สามีเลยสักครั้ง
จางหมิ่นก็ไม่ต่างจากลูกชายของเธอ เธอเป็นคนที่ขี้บ่นและหาเรื่องตำหนิได้เสมอ มักจะมองลูกสะใภ้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามทำหน้าที่เป็นสะใภ้อย่างดีก็ตาม
“ทำไมอาหารถึงมาช้า”
“ทำไมบ้านยังไม่สะอาดเหมือนเดิม”
“ทำไมวันนี้น้ำแกงไม่อร่อย”
“ทำไมข้าวไม่หุงให้พอดี”
“ตากผ้าอย่างไรให้มันยับแบบนี้” สารพัดคำตำหนิ ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ถูกแม่สามีหลับหูหลับตาต่อว่าให้เจ็บปวด
นางหลี่มักจะให้หลินเสี่ยวเหยาทำงานบ้านจนแทบไม่มีเวลาให้ตัวเอง ในบางครั้งก็จะพูดคำพูดที่ทำให้หลินเสี่ยวเหยารู้สึกเหมือนถูกตีแสกหน้าด้วยความขมขื่น
“ถ้าเป็นลูกสาวฉัน ฉันจะให้เธอเรียนรู้ที่จะเป็นแม่บ้านที่ดี ไม่ใช่แค่หลับนอนอยู่ในบ้าน” คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสี่ยวเหยารู้สึกด้อยค่า
ไม่ใช่เธอหรือที่ทำงานบ้านทุกอย่าง คนที่เอาแต่หลับนอนนั่งกินนอนกินไม่ใช่แม่สามีเองหรอกหรือ
ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหน หลินเสี่ยวเหยาก็ไม่สามารถทำให้สามีและแม่สามีพอใจได้เลย เธอรู้สึกว่าชีวิตของเธอนั้นช่างไร้ค่าเหลือเกิน
และแล้วความอดทนก็สิ้นสุด เย็นวันหนึ่งที่สามี กลับบ้านในสภาพเมามาย เสียงฝีเท้าของเขาดังขึ้นในทางเดิน เธอไม่รู้ว่าเขาเมาหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้คือคืนนี้ไม่ปกติ และเธอเองก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้
“ทำไมอาหารไม่พร้อม” เสียงของหลี่ต้าซานดังขึ้นขณะที่เขาก้าวเข้ามาในห้องโถง เธอหันไปมองเขาด้วยความกลัวในใจ
“แม่กำลังทำ” เธอตอบเสียงเบา
“เธอกล้าใช้แม่ฉันเข้าครัวเหรอ เลว” หลี่ต้าซานพูดเสียงดัง ก่อนที่มือของเขาจะพุ่งเข้ามาจับที่ข้อมือของเธออย่างแรง
“โอ๊ย ฉันเจ็บ แม่ แม่!” หญิงสาวร้องเรียกหาแม่สามี
แต่ยิ่งร้องเขาก็ทุบตีเธออย่างไม่มีการยั้งคิด หลินเสี่ยวเหยารู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองกำลังจะพังทลาย เธอไม่สามารถดิ้นหนีไปไหนได้ เพราะเธอรู้ดีว่าเธอไม่มีที่ไป ครอบครัวของเธอเสียชีวิตไปหมดแล้ว และเธอไม่สามารถไปหาที่พึ่งจากที่ไหนได้เลยในเวลานั้น
จางหมิ่นที่เพิ่งกลับมาถึงก็รีบเข้าไปห้าม ตอนแรกเธอคิดว่ายังดีที่มีแม่สามีคอยเข้าข้าง แต่ประโยคที่ได้ยินนั้นทำให้แทบจะขาดใจ
“อย่าตีเธอ เจ็บมือเสียเปล่า ถ้าชาวบ้านเห็นรอยฟกช้ำจะเอาไปนินทาลูกได้ นั่งก่อนเถอะ วันนี้อาหารเสร็จช้าหน่อยเพราะแม่ทำบะหมี่ไข่ไว้รอลูก” นางหลี่อธิบายเหตุผลและพูดเอาใจลูกชายจนเขายอมสงบลง
หลินเสี่ยวเหยาเริ่มรู้สึกถึงความเครียดที่ทวีคูณขึ้นในทุก ๆ วัน จนในที่สุดครั้งนี้หญิงสาวไม่สามารถทนต่อการถูกกดขี่นี้ได้อีกต่อไป
“หย่าให้ฉันเถอะ” เธอพูดพึมพำเสียงเบา
“เธอว่าอะไรนะ” นางหลี่หันไปถามลูกสะใภ้อย่างไม่เชื่อหู ในขณะที่สามีผู้เมามายก็มองเธอตาขวางกับประโยคขัดหูนั้น
เพียะ! เสียงฝ่ามือฟาดลงที่ใบหน้าซีกซ้ายจนเธอล้มลงไปนั่งกับพื้น
“ถ้าได้ยินคำว่าหย่าอีกครั้ง จะไม่ใช่แค่ตบแล้ว” สามีตวาดลั่นด้วยโทสะ
“อาเหยา สามีเธอเมามาก อย่าถือสาเลย ตักบะหมี่ไปนั่งกินในครัวเถิด ทางนี้แม่จะดูแลต้าซานเอง” นางหลี่กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่จึงต้องพูดดีกับลูกสะใภ้ ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้บานปลายจนต้องเสียแรงงานทาสในคราบลูกสะใภ้ไป
“...” หลินเสี่ยวเหยานั่งกุมใบหน้า ไม่ปริปาก น้ำตากำลังไหลออกจากตาของเธอ
การกระทำของหลี่ต้าซานทำให้หลินเสี่ยวเหยารู้สึกเหมือนถูกกดขี่ด้วยความกลัว เธออยากหย่ากับเขาแต่ก็ไม่สามารถทำได้
ทุกคืนที่ต้องนอนบนเตียงเดียวกับหลี่ต้าซาน หากวันไหนไม่เมาก็แล้วไป แต่หากวันไหนเขาเมาไม่ได้สติเธอก็กลัวว่าจะถูกทุบตีอีกครั้ง
เธอรู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตของเธอไม่มีความหมาย หากเธอหนีออกไปเธอก็จะต้องเผชิญกับความกลัวและอันตรายจากการเป็นผู้หญิงที่ไม่มีใครคอยปกป้อง ยิ่งยุคนี้ที่ลำเค็ญและเศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุด เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อนที่สามารถช่วยเหลือเธอได้
และที่สำคัญที่สุด เธอกลัวว่าหลี่ต้าซานจะตามไปทำร้าย และอาจจะทำร้ายเธอจนถึงชีวิต
ยิ่งมีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมหลั่งไหลมาเท่าไร ความแค้นในใจของหลินเสี่ยวเหยาก็ยิ่งทวีคูณ
นางมองสมุนไพรในมือ ฝูจื่อช่วยบำรุงหยาง กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต หากใช้ผิดพิษคือคลื่นไส้อาเจียน และอ่อนแรง แต่ไม่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
“ความสนุกได้เริ่มขึ้นแล้วสินะ” ริมฝีปากเรียวพึมพำเสียงเบา มองแผ่นหลังสามีไม่เอาไหนที่กำลังเดินนำหน้าด้วยสายตาที่สมเพช
************************