ตอนที่ 3 แมวขโมย
ตอนรุ่งเช้า หลินเสี่ยวเหยานอนคุดคู้อยู่ในผ้าห่ม ข้างกายคือสามีที่ยังคงนอนกรนจนเธอนอนต่อไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ตามหญิงสาวก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความสดชื่น แม้ว่าจะต้องนอนบนฟูกแข็ง ๆ ต่างจากยุคปัจจุบันที่นุ่มเด้ง แต่เธอกลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและอยากเริ่มแผนการที่วางเอาไว้
‘วันนี้ต้องเริ่มแผนให้เร็วที่สุด’
หลังจากที่รับรู้เรื่องราวบางส่วนของเจ้าของร่างเดิมเธอก็คิดได้ว่าการอยู่นิ่ง ๆ ไม่ช่วยอะไร ถ้าอยากได้อิสระเธอต้องทำให้พวกเขาอยากหย่ากับเธอเอง
หลินเสี่ยวเหยาในวัยยี่สิบเอ็ดปีลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายแล้วเดินออกไปที่ลานหน้าบ้าน พอเปิดประตูออกมาก็เจอกับ นางหลี่ที่ยืนจ้องเธอราวกับจับผิด
“วันนี้ทำไมเธอตื่นสาย แล้วนี่ยังไม่ไปหุงข้าวอีกหรือ” แม่สามีพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“วันนี้ฉันไม่ค่อยสบาย แม่ช่วยทำแทนสักวันได้หรือไม่” หลินเสี่ยวเหยาทำเสียงอ่อนแอ มือจับหน้าผากตัวเองทำทีเหมือนจะเป็นลม
“อะไรนะ เธอหาเรื่องจะอู้งานใช่ไหม!” นางหลี่แผดเสียงทันที
“ฉันไม่ได้ขี้เกียจนะคะ เมื่อวานตอนฉันล้มแม่ก็เห็นนี่คะ แต่ถ้าฉันฝืนทำแล้วเกิดเป็นลมล้มไปจริง ๆ แม่กับต้าซานคงต้องลำบากพาฉันไปหาหมอ เสียทั้งเงินทั้งเวลา” หลินเสี่ยวเหยาแสร้งพูดเสียงอ่อน แล้วเอามือกุมขมับทำเหมือนยืนทรงตัวไม่ไหว
“นี่เธอ...” นางหลี่อ้าปากพะงาบ ๆ พูดไม่ออก เพราะสิ่งที่หลินเสี่ยวเหยาพูดมาก็ถูกต้อง ถ้าเธอป่วยขึ้นมาจริง ๆ แล้วต้องเสียเงินค่าหมอคงเป็นเรื่องใหญ่
แค่คิดว่าจะต้องนำเงินออกมาใช้จ่าย จางหมิ่นก็ทนไม่ได้แล้ว เธอแสร้งทำไม่มีเงินเพราะกลัวญาติมาหยิบยืม แสร้งทำเป็นไม่มีกิน แสร้งให้ลูกชายออกไปหางาน ทั้งหมดเพราะกลัวลูกสะใภ้ใช้จ่ายสิ้นเปลือง หากนำเงินมาจ่ายค่าหมอ นั่นมันยิ่งกว่าสิ้นเปลืองเสียอีก
“ก็ได้ ฉันจะทำเอง แต่เธอต้องหายให้เร็วล่ะ” จางหมิ่นพูดอย่างเสียอารมณ์ หลินเสี่ยวเหยาแอบยิ้มในใจ แผนหลอกใช้แม่สามีให้ทำงานบ้านนั้นไม่ยากอย่างที่คิด
หลังจากกับข้าวพร้อมแล้ว หญิงสาวก็เดินเข้าไปปลุกสามีจอมขี้เกียจให้ตื่นขึ้นมา
“ต้าซาน อาหารเสร็จแล้ว”
“รู้แล้วน่า ไปเตรียมอ่างน้ำมาสิ” เขาพูดตอบด้วยความหงุดหงิด มือป้องปากหาวราวกับว่าทำงานหนักแล้วนอนไม่พอ
เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วก็เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหาร ยังไม่ทันที่มารดาจะบอกว่าเป็นฝีมือตัวเอง หลี่ต้าซานก็อาละวาดขึ้นมาทันที
“ข้าวต้มอีกแล้ว มันจะอิ่มท้องหรือยังไง ข้าวต้ม ไข่ต้มคนละฟอง ผัดผักที่มีแต่ผัก แล้วดูแต่ละอย่าง เมื่อวานว่าไม่น่ากินแล้ว วันนี้ยิ่งดูไม่ได้ ทำกับข้าวแบบนี้ทำให้หมากินเถอะ” หลี่ต้าซานพูดจบผู้เป็นภรรยาก็ยกมือปิดปากแอบขำก่อนจะตีหน้าเศร้า
“ทำไมต่อว่าแม่แบบนั้นล่ะ อาหารก็ทำเท่าที่มี บ้านเราต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด วันนี้ก็ออกไปล่าสัตว์ให้ได้สิจะได้มีเนื้อสัตว์เอาไว้กินกัน” เธอบอกสามีในขณะที่นางหลี่ทำหน้าเศร้าที่ถูกลูกชายต่อว่า
“แม่ทำเองหรือ มิน่าเล่าหอมน่ากินกว่าของเธอตั้งเยอะ” แม้รู้ว่าไม่ทันแล้วแต่หลี่ต้าซานก็พยายามเอาใจมารดา นางหลี่จึงยิ้มออกมาแล้วขยิบตาให้รู้ว่ามีของกินอื่นที่ซ่อนเอาไว้
“งั้นเรากินกันเถอะ” นางหลี่พูดแล้วเรียกลูกชายให้นั่งลง
หลินเสี่ยวเหยานั่งลงตามแล้วอมยิ้มเล็กน้อย ตอนที่ไปเอาอ่างน้ำมาให้สามีล้างหน้า น่องไก่ทั้งสองชิ้นที่ซ่อนเอาไว้ถูกเธอกินจนไม่เหลือ ดูสิว่าสองแม่ลูกนี้จะมีอุบายอย่างไร
“ผมอิ่มแล้วครับ กินเยอะไม่ได้เดี๋ยวตอนขึ้นเขาวันนี้จะจุกเอา” หลี่ต้าซานบอกแก่มารดา
“กินอิ่มแล้วก็ไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวแม่กินต่ออีกหน่อย” จางหมิ่นกล่าวแล้วก็ขยิบตาให้เป็นอันรู้กันว่าให้หลี่ต้าซานแอบไปกินก่อน
เขาแสร้งลุกไปแล้วเดินไปยังที่ซ่อนของอาหาร ในขณะที่หลินเสี่ยวเหยากินผัดผักและไข่ต้มแล้วทำสีหน้าไม่สบายให้ดูสมจริง
“เธอไม่สบายงั้นก็กินเยอะ ๆ ฉันอิ่มแล้ว ไข่ต้มนี้เธอกินเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอป่วยฉันไม่แบ่งให้หรอก” นางหลี่พูดเหมือนว่าการยกอาหารนี้ให้เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง จากนั้นก็ลุกตามลูกชายไป
หลินเสี่ยวเหยากินไข่ต้มเข้าไปทั้งลูกเหมือนในคลิปวิดีโอที่กำลังเป็นกระแส แต่ความจริงแล้วมันยากกว่าที่คิด พอมาถึงลูกที่สองเธอจึงแบ่งกิน พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงสองแม่ลูกร้องโวยวายออกมา
“นี่เธอ เธอขโมยมันไปใช่ไหม” จางหมิ่นวิ่งกลับเข้ามาชี้หน้าลูกสะใภ้
หลินเสี่ยวเหยาที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่เธอทำหน้าไม่เข้าใจ พอกลืนอาหารลงไปก็พูดเสียงสั่นและแสดงว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
“แม่พูดอะไร ใครขโมยอะไรคะ หรือว่าตะกร้าสะพายที่ต้าซานจะใช้ขึ้นเขาหาย พอดีว่ามันวางขวางทางฉันจึงเก็บไว้ที่มุมห้องค่ะ” เธอตอบแล้ววางตะเกียบลงด้วยความกังวลที่สมจริง แววตาใสซื่อนั้นทำให้แม่สามีถึงกับพูดไม่ออก
“ก็... ไม่มีอะไร” นางหลี่พูดด้วยความขัดใจ จะบอกได้อย่างไรว่าสิ่งที่หายไปคือน่องไก่ที่ตนแอบเอาไว้กินกับลูกชาย จากนั้นก็เดินออกไปหาหลี่ต้าซานที่ยังโวยวายอยู่
“แม่ ว่าไง นังเสี่ยวเหยามันแอบกินน่องไก่ของเราหรือไม่” หลี่ต้าซานถามด้วยน้ำเสียงที่โมโห
“อย่าได้ร้อนใจไป ไม่แน่ว่ามันอาจจะไม่รู้เรื่อง อาจมีแมวมาขโมยไปก็ได้ เพราะฝาก็เปิดออกแล้วหายไปทั้งชิ้นแบบนั้น อาจไม่ใช่เธอ” นางหลี่กล่าวแล้วได้แต่ถอนใจด้วยความเสียดาย
กับข้าวที่ซ่อนเอาไว้ก็หาย อาหารที่ทำหลอก ๆ ก็ยกให้ลูกสะใภ้กินหมดแล้ว รู้อย่างนี้เธอน่าจะกินไข่ต้มฟองของตัวเองให้หมด แล้วไหนจะผัดผักที่เมื่อครู่หลินเสี่ยวเหยาคีบกินจนหมดอีก จะทำใหม่ก็เสียดายของ
“สามี วันนี้ยังไม่ขึ้นเขาได้หรือไม่ ฉันอยากไปซื้อวัตถุดิบมาลองทำอาหารแต่ไม่ค่อยสบาย ไปตลาดกับฉันหน่อยได้หรือไม่ คูปองเนื้อสัตว์และคูปองข้าวสารไม่พอ ต้องใช้เงินอีกนิดหน่อย ฉันอยากให้ไปด้วยกันจะได้เห็นว่าฉันไม่ได้ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย” เธอเดินไปบอกกับสามีที่ทำหน้ามุ่ยเพราะกินข้าวเช้ายังไม่อิ่ม
“ก็ดี เผื่อเธอคิดจะหนี” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนโทสะ อันที่จริงคงแอบดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องขึ้นเขาให้เหนื่อยในวันนี้
หลินเสี่ยวเหยายิ้ม ก่อนหน้านี้เสี่ยวเหยาคนเดิมเคยขอหย่ากับเขามาก่อน พอเมื่อวานนี้เธอก็ขอหย่ากับเขาอีก หลี่ต้าซานคงระแวงว่าเธอคิดจะหนีไปจากสกุลหลี่
หลี่ต้าซานกอดอกทำเหมือนว่าตัวเองยิ่งใหญ่ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
‘เรื่องอะไรฉันต้องหนี ต้องหย่าอย่างถูกต้องและได้สินเดิมคืนบ้างไม่มากก็น้อย ตอนนั้นแหละฉันจะไปแบบไม่เหลียวหลังเลย’
“เปล่านะสามี ฉันอยากซื้อของมาลองทำอาหาร จานไหนอร่อยก็จะได้นำไปปรับสูตรขายอย่างไรเล่า แล้วอาหารที่ฉันลองทำก็จะได้เป็นมื้อกลางวันและมื้อเย็นของเราด้วย” หลินเสี่ยวเหยายิ้มบาง ๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“นั่นสินะ ซื้อมาเราก็ได้กิน” หลี่ต้าซานทำหน้าพอใจ เสียเงินนิด ๆ หน่อย ๆ แลกกับอาหารที่รสเลิศปูทางไปสู่การค้าขาย แบบนี้ประโยชน์หลายต่อชัด ๆ
‘ซื่อบื้อจริง ๆ ฮึ..วันนี้ไม่ต้องทำงานบ้าน แล้วยังจะได้กินเนื้อสัตว์ให้หนำใจไปเลย’ หลินเสี่ยวเหยาเผยรอยยิ้มที่พอใจ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น สองแม่ลูกจะต้องโดนเธอเอาคืนอีกเยอะ
************************