บุคคลสำคัญปรากฎตัว 1-3
1
บุคคลสำคัญล้วนปรากฎตัว
งานสมรสก็ไม่ได้ไปอ้างว่าติดภารกิจแท้จริงไม่สามารถทนมองหน้าเจ้าบ่าวได้ กระทั่งได้เจอเธอในวันนี้และเธอจำเขาได้ในทันที
“ขอบคุณค่ะ แต่รบกวนพี่รอฉันสักครู่นะคะ”
กล่าวขอบคุณเสร็จกำลังจะตามเขากลับไปก็นึกขึ้นมาได้จึงรีบวิ่งกลับไปที่รถด้านหลัง รถนั่นเธอควรนำมันกลับไปด้วย ตระกูลเย่มีรถเพียงสองคันหายไปหนึ่งก็คงลำบากเธอเอง
“พวกคุณไปได้แล้ว”
“เธอพูดจริง ๆ หรือ”
หนึ่งในคนที่จับเธอมาร้องถามด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแค่เธอเดินออกไปพูดไม่กี่คำ ผู้บัญชาการจอมโหดนั่นจะยอมปล่อยโจรอย่างพวกเขาไปง่ายแบบนี้
“ฉันบอกแล้วไง ถ้าพวกคุณเชื่อฉันพวกคุณจะรอด”
“เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมผู้บัญชาการถึงยอมปล่อยพวกเราไป”
“น้องสาว ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามต่อได้เลยฉันจะตอบหมดทุกอย่างแต่ถ้านานไปผู้บัญชาการรอนานพวกคุณอาจจะไม่รอดแล้ว”
พอเธอพูดจบพวกเขาก็รีบวิ่งลงจากรถไปทันที โอกาสรอดชีวิตแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ต่อให้มีหลายชีวิตก็คงไม่พอใช้หากทำให้จางอวี้เจินไม่พอใจ
ร่างอวบอิ่มเดินกลับไปหาคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชาย ก่อนจะยิ้มกว้างให้เขา เธอมีเรื่องต้องขอให้เขาช่วยอีกแล้ว
“พี่อวี้เจินให้คนของพี่ขับรถนั่นกลับไปที่สำนักงานตระกูลเย่ได้ไหมคะ”
“นายสองคนขับรถนั่นกลับไป”
“แล้วใครจะขับรถให้ผู้บัญชาการละครับ”
“เดี๋ยวฉันขับเอง”
“ครับ”
ทหารทั้งสองนายตอบแล้ววิ่งไปขึ้นรถของตระกูลเย่ ส่วนเกาม่านอี้ก็ขึ้นไปนั่งข้างคนขับ จางอวี้เจินเอี่ยวตัวไปดึงสายเข็มขัดมารัดให้เธอก่อนจะออกรถไป
เกาม่านอี้คนเก่าอาจจะไม่เคยคิดกับจางอวี้เจินในฐานะชายหนุ่มหญิงสาว แต่ตอนนี้ในร่างเกาม่านอี้คือหลี่ม่านม่านผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ นั่นทำให้เธอไม่ต้องฝืนใจปฏิบัติตัดรอนน้ำใจจางอวี้เจิน เพื่อรักษาน้ำใจของเย่หมิงเสวียนเหมือนชาติก่อนอีกต่อไป
“พี่อวี้เจิน สบายดีแล้วหรือคะ เมื่อวานยังบอกว่าไม่สบายอยู่เลย”
หญิงสาวถามพลางยิ้มมุมปาก ตัวเธอรู้ดีว่าเขาโกหกเพื่อจะได้ไม่ต้องส่งเธอเข้าหอกับผู้ชายคนอื่น พอถามเสร็จก็ใช้หลังมือแตะหน้าผากเขาวัดไข้ แสร้งตีหน้าใสซื่อไร้เดียงสา
“ม่านม่าน”
ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว ตกใจที่เธอเข้าใกล้เกินไปจึงเหยียบเบรกกระทันหัน ขบวนรถด้านหลังจึงต้องหยุดชะงักตามไปด้วย เกาม่านอี้หัวเราะในใจท่าทีของเขาช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน นึกอยากจะกัดแก้มสีชมพูของเขาเบา ๆ ดูสักที
เธอไม่ได้ทำเพียงแค่คิดแต่ยังยื่นหน้าไปกัดแก้มเขาเบา ๆ อย่างที่ใจคิดอีกด้วย พอกัดเสร็จถึงมีสติขึ้นมา แต่คนถูกกัดเองไม่มีสติแล้วในตอนนี้
“โอะ ขอโทษค่ะฉันหิวมากไปหน่อย”
“ม่านม่านคงไม่ได้หิวแล้วไล่กัดคนอื่นเหมือนที่ทำกับพี่หรอกใช่หรือเปล่า”
จางอวี้เจินได้สติขึ้นมาก็ยังวางท่าเคร่งขรึมถามเรื่อยเปื่อย ทั้งที่ในใจกลับเต้นระรัวไปหมด แม้แต่ใบหน้าเองยังไม่คลายสีชมพูระเรื่อนั่นออกไปเลย
ข้อแก้ตัวของเธอก็ช่างไร้สาระเสียจริง แต่เพราะคนพูดคือเกาม่านอี้เขาจึงยอมเชื่ออย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“จะเป็นไปได้อย่างไรคะ ม่านม่านของพี่ไม่ได้หิวพร่ำเพรื่อเสียหน่อย”
ได้ยินคำว่า ‘ม่านม่านของพี่’ ผู้บัญชาการสุดโหดยิ่งรู้สึกเขินอาย ใบหน้า ใบหูร้อนผ่าวไปหมด ที่แดงอยู่ก็ยิ่งแดงไปใหญ่
“ม่านม่านคงมีความสุขดีกับสามีใช่หรือเปล่า”
“ฉันลืมไปแล้วว่าสามีรออยู่ ขอบคุณพี่อวี้เจินที่มาช่วยได้ทัน สามีฉันบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“คิดว่าคงไม่เป็นไรมาก มีพยาบาลคอยดูอยู่คงไม่เป็นอะไร”
เกาม่านอี้ยิ้มโล่งเมื่อได้ยินว่าเย่หมิงเสวียนมีอี้จินเฉิง นางพยาบาลสาวสวยคอยดูแลอยู่ เธอคือตัวละครสำคัญที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากตระกูลเย่ได้ งั้นเธอก็ไม่ควรไปขัดจังหวะเขาในตอนนี้ เวลาน้อยนิดคงไม่สามารถทำให้เย่หมิงเสวียนถูกใจเธอได้
“งั้น เราไปหาอะไรกินก่อนได้ไหมคะ ฉันหิวจนปวดท้องไปหมดแล้ว”
“ได้สิ อย่างนั้นไปกินที่ภัตตาคารเจิ้งดีหรือเปล่า ถือเสียว่าพี่ให้ของขวัญวันแต่งงานแก่ม่านม่าน”
“ขอบคุณค่ะ งั้นฉันจะไม่เกรงใจพี่แล้ว จะกินให้พี่อวี้เจินหมดตัวไปเลย โทษฐานไม่มาร่วมงานแต่งงานของฉัน”
“กินได้ก็กินไป พี่เลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
ทั้งสองนั่งพูดคุยกันไปจนกระทั่งถึงหน้าภัตตาคารเจิ้งที่มากินอาหาร ฟังเพลงบ่อย ๆ ลูกน้องคนอื่นถูกไล่กลับไปหมด รถที่ถูกชิงมาก็ถูกส่งกลับ
ขณะเดินเช้าไปด้านในภัตตาคารรอบข้างก็มองมาที่เธอเป็นตาเดียว จากนั้นหันไปซุบซิบกันต่อ เกาม่านอี้รู้ตัวดีว่าคนพวกนั้นมองและนินทาเรื่องอะไรอยู่
นอกจากจะนินทาเรื่องเธอไม่สวย ไม่เหมาะสมกับผู้บัญชาจางอวี้เจินแล้ว คนพวกนั้นยังอิจฉาเธอที่ไม่มีใครสามารถเหนี่ยวรั้งหัวใจผู้บัญชาการสุดโหดไว้ได้เลย
“ม่านม่านนั่งนี้”
น้ำเสียงอ่อนโยนของชายหนุ่มบอกแก่หญิงสาว แล้วเลื่อนเก้าอี้ออกมาให้เธอนั่งอย่างที่เคยทำมาตลอด ก่อนเธอจะเจอกับพระเอกของเรื่อง
“ม่านม่านสั่งเลย อยากกินอะไร”
“ฉันขอเหมือนเดิมก็แล้วกันค่ะ”
เธอพูดเช่นนั้นจางอวี้เจินก็หันไปสั่งอาหารทั้งหมดเอง ทุกสิ่งล้วนเป็นของที่เกาม่านอี้ชอบ เขาจำมันได้ขึ้นใจไม่ว่าเมนูไหน สั่งเสร็จพนักงานของภัตตาคารจึงเดินจากไปทิ้งให้ทั้งสองได้คุยกันระหว่างรออาหาร
"พี่อวี้เจินคะ ฉันมีอีกเรื่องอยากให้พี่ใช้อำนาจที่มีช่วยหน่อยได้หรือเปล่าคะ"
“ได้สิ”
ไม่ผิดจากที่คิดเขาตกลงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น พอพูดจบก็ยิ้มให้แล้วรับปิ่นในมือเธอมาถือเอาไว้ ปิ่นนี้เธอขโมยมันออกมาจากกรอบตกแต่งในสำนักงานตระกูลเย่
“นี่หมายความว่าอย่างไร”
“ฉันอยากให้พี่ใช้อำนาจที่มีตามหาเจ้าของปิ่นนี้ค่ะ การหาคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่เจ้าของปิ่นนี้อยู่นอกเขตซูเป่ยแน่ พี่จะได้ไม่ต้องหาในเขตให้เหนื่อย”
“พี่จะจัดการให้”
“คุณเย่ เป็นอย่างไรบ้างคะ”
หญิงสาวพยาบาลคนนั้นถามขึ้นเมื่อเห็นคนบาดเจ็บเปิดเปลือกตา หลังโดนยิงเขาก็ถูกพาส่งสถานพยาบาลในเมืองซูเป่ยทันที โชคดีที่สำนักงานและสถานพยาบาลไม่ได้ไกลกัน โดยมีนางพยาบาลคนนั้นคอยดูแลปฐมพยาบาลให้
เย่หมิงเสวียนบาดเจ็บจากการถูกกระสุนปืนเฉียดแขน ทำให้ไม่ต้องผ่าเอากระสุนออก แต่เขารู้สึกกลัวว่าเกินไปจึงได้หมดสติ
ภาพแรกที่เย่หมิงเสวียนเห็นคือใบหน้านวลงดงามของพยาบาลสาวสวย คิ้วเรียวขมวดเป็นปมคงเพราะเป็นห่วงคนเจ็บมากจึงได้ไม่เป็นอันทำอะไรแบบนี้
“ผมอยู่โรงพยาบาลใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ คุณเย่ถูกยิงคนที่สำนักงานจึงช่วยกันพาคุณส่งโรงพยาบาล พวกเราเป็นห่วงคุณเย่มากนะคะ”
น้ำเสียงหวานพูดด้วยความนุ่มนวลพลางช่วยพยุงเขานั่งพิงหัวเตียง เย่หมิงเสวียนแอบรู้สึกดี คนแรกที่เขาพบหลังตื่นไม่ใช่หญิงสาวอวบอ้วนน่าเกลียดคนนั้น แต่พริบตาเดียวก็นึกขึ้นมาได้ว่าเกาม่านอี้ต้องมีชีวิต
“เกาม่านอี้ปล่อยภัยดีหรือเปล่าครับ”
