ต้องตาต้องใจ 1-1
2
ต้องตาต้องใจ
“เธอยังไม่กลับมาเลยค่ะ ไม่รู้ป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวถูกจับไปพร้อมกลุ่มโจรสามสี่คน ช่างน่าเป็นห่วงจริง ๆ”
คำพูดดูเหมือนหวังดีแต่กลับกลายเป็นบอกให้เขาคิดไกลมากกว่าเดิม เธอไม่รู้ว่าที่เย่หมิงเสวียนสนใจไม่ใช่เกาม่านอี้แต่เป็นหนังสืออนุญาตในมือเธอ ซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนหากเธอเป็นอะไรไปเขาก็จะไม่มีทางได้หนังสือนั่นมา
อี้จินเฉิงเป็นนางพยาบาลที่ฐานะทางบ้านไม่ดีเท่าไร เธอจึงหมายจะใช้ความสวยของตนเองทำให้เขาหลงใหล เพื่อเลื่อนฐานะตนเอง วันนี้เธอก็ได้ยินจากพยาบาลสาว ๆ ในสถานพยาบาลว่าคุณชายตระกูลเย่มาที่สำนักงานเธอจึงถือโอกาสออกมา แสร้งทำบังเอิญพบกันไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้อยู่ลำพังกับเขาแบบนี้
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวค่ะ คุณเย่ยังบาดเจ็บอยู่รักษาตัวก่อนดีกว่านะคะ คุณเกาเธอมีทหารคอยตามไปช่วยอยู่นะคะ คุณเย่ไปก็คงช่วยเธอไม่ได้เพราะคุณบาดเจ็บอยู่ ถ้าคุณยังกังวลอยู่ดิฉันจะไปถามข่าวจากทหารให้ค่ะ”
สายตาที่มองไปยังเย่หมิงเสวียนทั้งลึกซึ้งแฝงความในเอาไว้ เขาเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไร ตนเองก็พบเจอผู้หญิงมามากมายแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้หญิงตรงหน้าสวยงามกว่าที่เขาเคยพบมากนัก
อย่างคำเธอเขาไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไม่สู้อยู่ที่นี่ย่อมเจริญหูเจริญตากว่า ปล่อยเรื่องนี้ให้ทหารจัดการไป หากผิดพลาดเธอตายไปเขาก็ถือเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย
“งั้นรบกวนคุณพยาบาลถามข่าวคราวภรรยาของผมให้ด้วยครับ”
“ได้ค่ะคุณเย่ อย่างนั้นคุณเย่พักผ่อนก่อนนะคะ ดิฉันจะไปสอบถามและนำอาหารมาให้คุณด้วยค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“ยินดีค่ะ”
เธอยิ้มหวานให้แล้วเดินออกจากห้องพักคนป่วยไป ถือโอกาสที่ภรรยาเขาไม่อยู่คอยดูแลข้างกาย ไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ใจอ่อนให้กับความสวยของเธอ อีกไม่นานเธอต้องเลิกใช้ชีวิตแบบนี้เสียที จะเป็นน้อยเป็นใหญ่ไม่สำคัญขอเพียงเขาหลงรักเธอหัวปรักหัวปรำเท่านี้ก็ดีต่อเธอแล้ว
“ให้พี่ไปส่งที่ไหน”
“ไปที่สำนักงานก็ได้ค่ะ คิดว่าคุณเย่คงรอฉันอยู่”
“ม่านม่านดูไม่ห่วงสามีตนเองเอาเสียเลย”
“ฉันรู้ว่าคุณเย่แค่ถูกกระสุนถางไปเท่านั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนี่คะ อีกอย่างฉันไปก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี”
เธอพูดพร้อมกับขึ้นไปนั่งบนรถฝั่งข้างคนขับ โดยมีจางอวี้เจินเปิดประตูรออยู่ ยิ่งมองหน้าเขาเธอก็ยิ่งรับรู้ว่าตนเองวางเส้นเรื่องนิยายเรื่องนี้ผิดพลาด เธอมอบบทพระเอกให้กับผู้ชายผิดคน
หากต้องอยู่ในนิยายตลอดไปเธอก็ควรใช้ชีวิตกับผู้ชายดี ๆ สักคนสิ ไม่ใช่ผู้ชายที่เป็นคนบ้างไม่เป็นคนบ้างอย่างนั้น
“ม่านม่านเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ไม่ได้เจอกันเพียงสองปี เธอใจแข็งขึ้นมาเลย”
“ฉันควรแข็งแกร่งอย่างพี่ไม่ใช่หรือคะ พี่คอยสอนฉันแบบนั้นมาเสมอไม่ใช่หรือ”
“ม่านม่านทำได้ก็ดีแล้ว ไปเถอะพี่จะไปส่ง”
เขาว่าจบก็ปิดประตูรถเดินกลับที่นั่งฝั่งคนขับพาเธอไปส่งยังสำนักงานตระกูลเย่ สำนักงานนี้ห่างจากภัตตาคารไม่ไกล แล้วยังต้องผ่านสถานพยาบาลในเมืองก่อนอีกด้วย
ขณะที่จางอวี้เจินกำลังขับผ่านสถานพยาบาล อี้จินเฉิงก็เห็นเกาม่านอี้นั่งเคียงข้างผู้บัญชาการจอมโหดแห่งซูเป่ยไปกับตา เดิมทีเธอก็เคยคิดว่าหากได้เป็นคุณนายของผู้บัญชาการคงเป็นเรื่องดี แต่ผู้คนรู้กันทั่วเมืองว่าจางอวี้เจินคนนี้เย็นชาเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง เพียงปรายตามองขนทั่วทั้งตัวก็พากันลุกชัน เธอจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นคุณชายเย่แห่งตระกูลเย่แทน
เธอรีบกลับเข้าไปในสถานพยาบาลเพื่อบอกให้เย่หมิงเสวียนทราบเรื่องราว จะได้ถือโอกาสอยู่กับเขาให้มากอีกสักหน่อย ภรรยาเขากลับมาแล้วไม่นานก็คงมาหาผู้เป็นสามีและหลังจากนี้เธอคงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเขามากเท่านี้อีก
“คุณเย่คะ คุณเกาปลอดภัยแล้วนะคะ เมื่อครูดิฉันเห็นเธอนั่งรถมากับผู้บัญชาการมณฑล ไม่นานเธอคงจะมาเยี่ยม คุณเย่ไม่ต้องห่วงแล้วนะคะ”
“ผู้บัญชาการมณฑล?”
“ใช่ค่ะ ผู้บัญชาการจางอวี้เจิน”
“ขอบคุณครับ”
“นี่อาหารเที่ยงค่ะ คุณเย่ทานหน่อยนะคะจะได้ทานยา คุณเย่ยังเจ็บแขนอยู่หรือเปล่าคะ ให้ดิฉันป้อนมั้ยคะ”
“งั้นคงต้องรบกวนคุณพยาบาลอีกครั้งนะครับ”
“เรียกดิฉันว่าอี้จินเฉิงก็ได้ค่ะ”
“ครับคุณอี้”
อี้จินเฉิงแสร้งยิ้มเขินอาย นั่งป้อนข้าวเขาอยู่นานจนป้อนยาเสร็จ ได้มีโอกาสพูดคุยกันหลายเรื่อง หากไม่คิดเข้าข้างตนเองมากเกินไปเย่หมิงเสวียนก็ดูชอบเธอไม่น้อยเลย
กลับถึงสำนักงานสักพักเกาม่านอี้ก็มาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคนเป็นสามี เขาไม่ได้เป็นอะไรมากเธอรู้ดี แต่ยังแสร้งทำตัวไปตามน้ำ เป็นห่วงเป็นใยเขาดั่งคนเป็นสามีภรรยาแท้จริง
“อาอี้ เป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บหรือเปล่า พี่เป็นห่วงเธอมากนักแต่บาดเจ็บจึงไม่สามารถออกไปตามหาเธอได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่หมิงเสวียนไม่เป็นอะไรก็ดีมากแล้ว”
