ต้องตาต้องใจ 1-2
2
ต้องตาต้องใจ
น้ำเสียงอ่อนโยนบอกคนเป็นสามี ประคองมือเขามากุมเอาไว้ แม้จะรู้ว่าเขาแสร้งเป็นห่วงเป็นใยแต่แล้วอย่างไรเพราะตอนนี้เธอเองก็สวมบทนางงิ้วเช่นกัน เขาห่วงเธอก็เพราะต้องการของบางอย่างเท่านั้น
“อาอี้กลับมาก็ดีแล้ว อย่างนั้นเรากลับกันเถอะ พี่ยังต้องไปช่วยคุณพ่อจัดการงานในสำนักงานอีกมากเลย”
“คุณเย่คะ แต่คุณยังเจ็บอยู่นะคะ”
“นั่นสิคะพี่หมิงเสวียน คุณพยาบาลเธอพูดถูกนะคะพี่ยังเจ็บอยู่เลย พักรักษาตัวก่อนเถอะค่ะ”
“แต่ที่สำนักงานกำลังมีปัญหาตอนนี้พี่ไม่ช่วยไม่ได้หรอกอาอี้ อาอี้กลับไปพักผ่อนที่บ้านพี่เสร็จงานจะรีบตามกลับไป”
“พี่หมิงเสวียนเอาแบบนี้ดีหรือเปล่าคะ ฉันจะให้ยืมหนังสืออนุญาตระหว่างที่พวกพี่ยังหาทางออกไม่ได้ พี่จะได้พักผ่อนอยู่ที่นี่ หากพี่หักโหมมากไปจะเป็นอันตรายนะคะ”
เป็นไปตามที่คาดไม่ว่าอย่างไรผู้หญิงใจอ่อนอย่างเกาม่านอี้ต้องอาสาช่วยสามีซึ่งก็คือเขาแน่นอน เขาแสร้งกังวลจนแสดงออกบนใบหน้า คิดว่าเธอโง่มาตลอดแต่ไม่เคยคิดเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างเธอรู้ดีและรู้ทันเขาอยู่ก่อนแล้ว
หากต้องการหย่ามันไม่ง่ายเลยเพราะเย่หมิงเสวียนยังไม่ได้ของที่ต้องการ ฉะนั้นเธอจึงต้องปล่อยให้เขาได้สิ่งที่ต้องการไปก่อน เขาจึงจะคิดว่าตนเองมีอำนาจเหนือกว่าและกล้าที่จะสานสัมพันธ์กันอี้จินเฉิง
เมื่อเขาหลงรักอี้จินเฉิงมาก เขาจะยอมหย่ากับเธอเพื่อให้อี้จินเฉิงเป็นภรรยาที่ถูกต้องเพราะตอนนั้นเขามีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว
การจะเอาของคืนด้วยอำนาจเส้นสายของจางอวี้เจินไม่ใช่เรื่องยาก แค่นี้เธอสละได้สบายมาก
“พี่จะรบกวนอาอี้แบบนั้นได้อย่างไร”
“งั้นฉันขอโทษด้วยค่ะที่ยุ่งมากเกินไป”
เขาทำเป็นเกรงใจเพื่อให้เธอดึงดันอยากช่วยต่อ แต่พออีกฝ่ายไม่ดึงดันอย่างที่คิดเย่หมิงเสวียนก็หน้าเจื่อนขึ้นมา คิดหาวิธีให้เธอยอมช่วยอีกครั้ง เขาพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“พี่ไม่เคยคิดว่าอาอี้ยุ่งเลย อย่างนั้นถือว่าพี่ยืมก่อนก็ได้ครับ”
“ดีค่ะ งั้นพี่พักอยู่ที่นี่นะคะ ที่นี่ยังมีคุณพยาบาลคอยดูแลอยู่ ฉันถึงจะวางใจ เรื่องที่บ้านพี่ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลยค่ะ”
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามที่เขาคาดคิดเอาไว้แต่แรก คิดว่าตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขาแล้วทั้งหมด จึงพยักหน้าเห็นด้วยไปกับเกาม่านอี้ ได้ของที่ต้องการ ได้อยู่ไกลหูไกลตาจากเธอ ช่างเป็นเรื่องที่ดีเสียจริง
“คุณพยาบาลคะ ดิฉันฝากสามีหน่อยนะคะ”
“ได้เลยค่ะคุณเกา”
“ขอบคุณค่ะ พี่หมิงเสวียนฉันกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวจะรีบกลับไปเอาหนังสือมาให้คุณพ่อที่สำนักงาน”
“อาอี้เดินทางระวังตัวด้วย”
“พี่หมิงเสวียนก็รักษาตัวนะคะ”
เกาม่านอี้ยิ้มกว้างหลังออกมาจากห้อง เธอล้วงเอาหนังสือสัญญาที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าออกมาเดินกลับไปยังสำนักงานตระกูลเย่ พูดคุยกับพ่อสามีเรื่องการยืมหนังสืออนุญาตฉบับนี้ แม้ไม่ใช่คนเจ้าแผนการแต่อย่างไรตัวละครพวกนี้เธอก็เป็นคนปูพื้นเพของพวกเขา ย่อมต้องมีแผนการในใจ
“ลูกสะใภ้มาทำอะไรที่นี่หรือ หมิงเสวียนยังอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ดิฉันไปหาพี่หมิงเสวียนมาแล้วค่ะ เพิ่งกลับมาเมื่อครู่พี่หมิงเสวียนให้ดิฉันมาพูดคุยกับคุณพ่อเรื่องหนังสืออนุญาตตระกูลเกา”
เมื่อได้ยินเธอพูดถึงสิ่งของที่ปรารถนา ใบหน้าเคร่งขรึมก่อนนี้หายไปเหลือเพียงรอยยิ้มอบอุ่นเอื้อเอ็นดูสะใภ้ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ หญิงสาวเดินไปนั่งเก้าอี้บุนวมตัวเดิมพร้อมกับที่เย่ป๋อหรานเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
ไม่คิดเลยว่าลูกชายจะทำงานได้รวดเร็วได้ขนาดนี้ แค่ผ่านคืนแต่งงานไปคืนเดียวก็สามารถทำให้เกาม่านอี้ยอมยกหนังสืออนุญาตผ่านทางและค้าของโบราณฉบับนี้ได้ ว่ากันว่าหนังสืออนุญาตของตระกูลเกานี้พิเศษกว่าหนังสืออนุญาตของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเขตไหนก็ผ่านไปได้ง่ายดาย พวกเขาจึงอยากได้ใบอนุญาตในมือเธอ
“เจ้าหมิงเสวียนบอกว่าอย่างไรหรือ”
“ดิฉันคิดว่าคุณพ่อคงรู้ว่าหนังสือฉบับนี้พิเศษอย่างที่คนอื่นพากันพูดถึง เพราะหนังสือฉบับนี้ได้รับการอนุญาตจากท่านจอมพล ทั้งยังไม่สามารถมอบให้กันได้ง่าย ๆ อีกด้วย ฉะนั้นหนังสือนี้จึงได้อยู่กับตระกูลเกามาโดยตลอด”
เรื่องนี้เย่ป๋อหรานไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผู้ที่รับรองหนังสืออนุญาตของตระกูลเกาคือจางซีหลิง ผู้ที่ไม่ว่าทหารยศใดก็ล้วนแต่ต้องเกรงใจ อย่างนั้นการนำหนังสือนี้มาไว้ในมือก็ยากแล้ว
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่านจอมพลเคยรับรองหนังสืออนุญาตนี้”
“ผู้คนทั่วไปก็คงนึกไม่ถึงเช่นเดียวกันค่ะ ใจดิฉันอยากยกให้แก่ตระกูลเย่เพื่อจะได้ช่วยเหลือพี่หมิงเสวียนได้ แต่ทำอย่างนั้นไม่ได้”
“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรกันดี”
“มีเพียงวิธีเดียวที่จะใช้ใบอนุญาตของตระกูลเกาได้คือ คุณพ่อจำเป็นต้องเซ็นสัญญาเช่าสัมปทานงานค่ะ ให้คุณพ่อลงชื่อในสัญญาซื้อขายกับตระกูลเกา แบบนี้ถึงจะสามารถใช้หนังสือนี้ได้ค่ะ”
“หมิงเสวียนว่าอย่างไร”
“พี่หมิงเสวียนเห็นด้วยค่ะ เพราะมีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถใช้หนังสืออนุญาตได้”
หากลูกชายเห็นด้วยก็แปลว่าไม่มีปัญหาอะไร เย่ป๋อหรานยิ้มแล้วพยักหน้าให้เธอ เป็นไปตามคาดแค่อ้างเย่หมิงเสวียนคนเป็นพ่อก็ไม่สงสัยอะไรอีก และหลังจากนี้เขาก็จะไม่ถามว่าลูกชายพูดคุยเกลี้ยกล่อมเธออย่างไร เพราะเธอเขียนมาให้เขาเป็นแบบนั้น
